รีวิวจากการไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน ของ อาจารย์ โกเอ็นก้า

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าวิปัสสนา แต่ยังไม่เคยได้ลองไปปฏิบัติจริงๆ  วันนี้ผมจะรีวิวให้สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองปฏิบัติ
จากประสบการณ์ที่ผมได้ไปปฏิบัติมา หลักสูตร 10 วัน สอนโดย อาจารย์ โกเอ็นก้า
คนที่แนะนำผมไปเป็นรุ่นพี่ที่ปฏิบัติธรรมคนนึง ซึ่งถือเป็นกัลยาณมิตร เพราะผลจากการไปผมได้รับแต่สิ่งที่ดี

วิปัสสนากรรมฐานมีหลากหลายศาสตร์แต่ละอาจารย์อาจจะมีวิธีที่สอนแตกต่างกันไป แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือทำจิตใจให้บริสุทธ์ ขจัดกิเลส เพื่อให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์ ครับ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นของอาจารย์ท่านไหนก็ดีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอย่านำมาปนกัน ให้ทำแนวทางของอาจารย์ท่านเดียวไปเลย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติครับ

ก่อนที่จะเข้าเรื่อง วิปัสสนากรรมฐาน ผมขอรีวิวเรื่องสาธารณูปโภคก่อนนะครับ จะได้รู้ว่าความเป็นอยู่เป็นอย่างไรเนื่องจากต้องปฏิบัติที่ศูนย์เป็นเวลา 10 วัน
ผมอนุญาติใช้รูปจาก web oknation มาประกอบนะครับ ลิงค์ด้านล่าง
http://oknation.nationtv.tv/blog/ktu/2009/01/27/entry-1
ที่พัก

ศูนย์ปฏิบัติธรรมจะมีบริเวณแยกชายและหญิง และที่พักส่วนตัว

ห้องรับประทานอาหาร

จะมีอาหารเช้าและกลางวันเป็นมังสวิรัติ (รสชาดอร่อยครับ) อาหารเย็นทานได้แต่ ขนมปัง นม และน้ำ

ห้องปฏิบัติรวม

ปฏิบัติรวมกันในห้องซึ่งจะมีจุดที่นั่งของแต่ละคน แยก ชาย หญิง

ที่ผมไปมาเป็น ศูนย์ธรรมกาญจนา อยู่ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ครับ ซึงอากาศดีมากช่วงหน้าหนาว ที่พักก็สะอาด อาหารก็อร่อยครับ โดยรวมการเป็นอยู่ดี ไม่ลำบากครับ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย บริจาคตามศรัทธาครับ มีน้อยบริจาคน้อยมีมากบริจาคมาก โดยการบริจาคนี้ถือเป็น ธรรมทาน (ทานอันสูงสุด) อีกด้วย
ค่าเดินทาง ถ้าไปรถศูนย์จะเป็นรถบัสครับ จุประมาณ 40 ที่นั่ง เดินทางจาก กทม. ไปกลับ ค่ารถ 800 บาทครับ
หากใครสะดวกเดินทางไปเองก็ขับรถไปเองได้ครับ

กฏระเบียบข้อปฏิบัติเมื่ออยู่ในศูนย์ปฏิบัติ
เมื่อถึงศูนย์ จะต้องลงทะเบียน เพื่อแสดงความเจตนาว่าจะทำตามกฏระเบียบของศูนย์ปฏิบัติครับ หากลงทะเบียนแล้ว หมายความว่าเราต้องอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติให้ครบ 10 วัน
ห้ามมีการกลับก่อน หรือลากลับเป็นอันขาด ซึ่งเป็นกฏระเบียบของทางศูนย์ครับ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติด้วย ฉะนั้นเราต้องมั่นใจแล้วว่าพร้อมที่จะอยู่ให้ครบ 10 วันครับ
หลังจากลงทะเบียนแล้ว อุปกรณ์สื่อสารและของมีค่าทุกชนิดจะต้องเก็บไว้ในล้อคเกอร์และไม่สามารถใช้ได้จนกว่าจะปฏิบัติเสร็จครบ 10 วัน
และห้ามไม่ให้มีการพูดคุยกันทั้งสิ้น(ปิดวาจา) เหตุผลจะมีอาจารย์คอยอธิบายครับว่า เพราะอะไร

ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ตารางเวลา
04:00 น. ระฆังปลุก
04:30 น. - 06:30 น. นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. - 08:00 น. อาหารเช้า
08:00 น. - 09:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. - 11:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. - 12:00 น. อาหารกลางวัน
12:00 น. - 13:00 น. พักผ่อน
13:00 น. - 14:30 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. - 15:30 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น  - 17:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. - 18:00 น. พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. - 19:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. - 20:15 น. ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. - 21:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. - 2130 น. สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น. พักผ่อน

ใน 3 วันแรก จะเป็นการปฏิบัติ อานาปานสติ (เฝ้าดูลมหายใจ เข้า-ออก) วิธีการผมขอไม่พูดถึงนะครับเพราะจะมีอาจารย์คอยแนะนำคำสอนที่นั่น สิ่งที่ได้รับ คือเราจะมีสติอยู่กับปัจจุบัน
ทำให้จิตเรานิ่งสงบและสามารถเข้าสู่ วิปัสสนาภาวนาได้
วันที่ 4-9 เป็นการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา (เฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามร่างกาย) วิธีการทำตามคำแนะนำอาจารย์ครับ สิ่งที่ได้รับ ขจัดกิเลส ซึ่งเป็นต้นตอของความทุกข์ออกจากจิตใจ ทำให้เรามีจิตที่บริสุทธิ์
วันที่ 10 วิปัสสนา+เมตตาภาวนา แผ่เมตตา ความรุ้สึกรัก เมตตา ให้อภัย และสิ่งดีๆต่างๆ ออกไป เป็นการส่งมอบความสุขให้กับทุกสิ่ง

ทั้ง 10 วันนี้ต้องมีความอดทนในการปฏิบัติ ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ ส่วนตัวผม ผลลัพธ์ที่ไดัรับโดยรวม
มีสติอยู่กับปัจจุบัน ใจเย็นมากขึ้น อัตตา(ความยึดมั่นถือมั่น) ลดลง ความสุขเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆหลังจากวันที่ 4 ไป ครับ เราอยากทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น รู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ความอยากได้ ความเห็นแก่ตัว
ความเกลียด ลดลง เวลาจะพูดจะทำ มีสติมากขึ้น เนื่องจากกิเลสบางส่วนได้ออกไปจากจิตใจเรา รู้สึกมีมิตรไมตรีมากขึ้น เข้าใจผู้อื่น ถึงแม้ว่าใครจะทำดีหรือไม่ดีกับเรา เราก็จะมีเมตตา เพราะจิตที่เป็นกลาง จากการปฏิบัติ
พอเรามีความสุขกับตัวเองเราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งความสุขจากคนอื่น ในทางกลับกัน เรายิ่งแบ่งปันความสุขให้คนอื่นได้มากขึ้นด้วยซ้ำ และนี่แหละเป็นธรรมะที่แท้จริงสำหรับผม ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจในธรรมะเลย
เรามีจิตแห่งการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เราจะมีความสุขจากข้างใน ทำเพื่อคนรอบตัวโดยเฉพาะพ่อและแม่เรา พอเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยากทำให้คนอื่น เราจะมีแต่ความสุขครับ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนนึงที่ผมได้รับ
จากประสบการณ์ตรงที่ไปปฏิบัติมา อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจต้องลองไปปฏิบัติด้วยตัวเองจริงๆครับ ถึงจะรู้ว่าดีอย่างไร

ขั้นตอนการเข้าร่วมปฏิบัติ
ลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่เว็ป
http://www.thaidhamma.net/index.php?option=com_thaidhamma&Itemid=26
ซึ่งจะมีรายละเอียดของแต่ละศูนย์นะครับ ใครอยุ่ใกล้จังหวัดไหนก็สามารถไปจังหวัดนั้นได้ครับ เรื่องวันเวลาจะมีระบุใน website

หลังจากลงทะเบียนออนไลน์จะมี e-mailตอบกลับจากศูนย์ครับว่าเรามีสิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วม ให้เรายืนยันโดยการตอบกลับว่าได้รับอีเมลล์เรียบร้อย
ทางศูนย์จะโทรมาสอบถามเพื่อยืนยันอีกทีครับ และเรื่องการเดินทางว่าจะไปกับรถศูนย์หรือรถส่วนตัว ถ้าไปรถศูนย์ค่าใช้จ่าย ไปกลับ กทม.-สังขละ 800 บาท ครับ ศูนย์อื่นผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ 55

สำหรับคนที่คิดว่า 10วันมันนาน หลายวัน คงจะไม่มีเวลาไปเพราะต้องติดธุระหรืองานประจำ ผมมีเรื่องจะแชร์ที่ผมไปมาครับ
คนที่นั่งทานข้าวข้างๆกัน เป็น อาคนนึง อายุประมาณ50 หลังจากปฏิบัติครบ 10 วันถึงได้โอกาสพูดคุยกัน จึงรู้ว่าเป็น ผู้บริหาร บริษัท เอกชนแห่งนึง ซึ่งมีภาระหน้าที่เหมือนๆคนทั่วไป
แต่แกมาทุกปี ปีละครั้ง ครับ แกมา7ครั้งแล้ว ก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะผมเป็นเด็กใหม่ซึ่งมาครั้งแรกก็ได้ความรู้จากแก และรู้สึกว่าถ้าคนที่มีจิตใจที่อยากจะมาจริงๆยังไงก็จัดเวลาได้ครับ
ไม่ว่าจะทำงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัวก็ตาม ผมมองแบบนี้นะครับ
การที่เราอ้างว่าไปไม่ได้ติดธุระต้องทำงาน 10วัน ในการทำงานของเราก็จะทำให้เราได้เงินเดือนได้กำไรจากการทำงาน หรือรักษาสถานภาพของตำแหน่งเอาไว้ หากแต่
ถ้าจัดเวลามาปฏิบัติสักครั้ง แล้วเรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ขจัดความทุกข์ได้ ชีวิตมีความสุข 10วันที่เหมือนกันนี่แต่ผลลัพธ์ เราอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งชีวิต
ก็ฝากเอาไว้เป็นมุมมองนะครับ จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

สุดท้ายอยากฝากไว้ "ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี" ..ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม.. ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ