หลายท่านกล่าวว่า ถ้ากรองแต่งมันดีจริง ทางผู้ผลิตคงติดตั้งมาให้แล้ว ทีนี้อีกลุ่มก็แย้งว่า ไม่จริง โรงงานต้องการลดต้นทุนเลยใส่กรองกระดาษมา ฯลฯ
ย้ำนะครับผมจะพูดถึงกรองอากาศเท่านั้น ไม่รวมถึง โช้ค ล้อ หรือยาง หรืออุปกรณ์ชิ้นอื่น และจะไม่พูดถึงเรื่องความแรงนะครับ เพราะใน Youtube มีรถเทียบขึ้น Dyno ให้ดูเยอะแยะว่า กรองโรงงาน กรองแต่ง หรือแม้แต่ถอดกรองออก ทดสอบมาแทบไม่มีผลเรื่องกำลังเลย ทั้งเครื่อง NA หรือ เทอร์โบ บูสเดิมๆ กลับกัน กรองแต่งบางยี่ห้อยังทำให้กำลังลดลงอีกด้วยซ้ำ
จากประเด็นเรื่องโรงงานใช้กรองกระดาษเพราะต้องการประหยัดต้นทุน
ผมเลยลองหาดูข้อมูลรถที่แรงมาจากโรงงานอย่างเช่น GT-R, Impressa, Evolution, Supra พบว่ารถเหล่านี้ก็ใช้กรองกระดาษมาจากโรงงานเช่นกัน ซึ่งมันก็เพียงพอกับระดับแรงม้าที่ออกแบบมาอยู่แล้ว เว้นแต่มีการโมดิฟาย กรองเดิมรองรับไม่ไหว แบบชนิดที่ว่ากรองเดิมบิดตัวเลยก็มี ในกรณีบูสสูงๆ
เลยลอดูรถที่คาดว่าจะไม่มีการประหยัดต้นทุนอย่าง Ferrari, Lamborghini, Koenigsegg, Bugatti ซึ่งเป็นรถราคาระดับหลายสิบ ถึงร้อยล้าน แรงม้าระดับ 5-800 แรงม้าจากโรงงาน ก็พบว่าใช้กรองกระดาษเช่นกัน ซึ่งคิดดูแล้วคงไม่ใช่เหตุผลเรื่องการประหยัดงบแน่นอน และยิ่งเรื่องความแรงคงไม่ต้องพูดถึงระดับนี้อะไรทำให้รถแรงได้ เค้ายัดใส่มาจากโดรงงานโดยไม่สนราคาอยู่แล้ว
ตัวอย่างที่ยกมาอยากจะบอกว่า ของเดิมจากโรงงานรองรับขนาดของแรงม้าเกินกว่าที่เราคิดไว้นะครับ
ยกตัวอย่าง Civic EK เครื่อง D16Y4 90 แรงม้า กับ Civic EK9 เครื่อง B16A2 160 แรงม้า ทั้ง 2 รุ่น ใช้กรองอากาศเหมือนกันครับ
มองแบบนี้ กรองเดิมโรงงานของรถบ้านๆ มันรองรับแรงม้าที่เหลือเฟือกว่าที่เครื่องยนต์จะผลิตได้ด้วยซ้ำ เรื่องความแรงคงตัดประเด้นไปได้สำหรับรถเดิมๆ
นี่แหละครับที่ว่าคือการลดต้นทุน โดยการออกแบบให้ใช้ร่วมกันได้ตั้งแต่รุ่นเล็ก ถึงรุ่นใหญ่ โดยประสิทธิภาพสูงสุด ยังคงต้องรองรับกำลังสูงสุดในรุ่นนั้ๆ เช่นกัน
ไม่ใช่การประหยัดต้นทุนแบบใช้วัสดุแย่ๆ จนแรงม้าลดลง แบบที่หลายคนพูด เรื่องอะไรเค้าจะทำแบบนั้น เค้าพยายามลงทุนออกแบบให้เครื่องยนต์มีกำลังมากที่สุด ทำไมต้องไปลดกำลังมันด้วยกรองอากาศแย่ๆ ไม่กี่บาทด้วย จริงไหม
เพิ่มเติม พาหนะทางบก ที่ถือว่าใช้เทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดของโลกอย่าง Formula 1 ก็ยังใช้กรองกระดาษครับ
ว่าด้วยกรองกระดาษเดิมๆ โรงงาน จริงหรือที่มันลดต้นทุน จริงหรือ เปลี่ยนของแต่งแล้วจะแรงขึ้น
ย้ำนะครับผมจะพูดถึงกรองอากาศเท่านั้น ไม่รวมถึง โช้ค ล้อ หรือยาง หรืออุปกรณ์ชิ้นอื่น และจะไม่พูดถึงเรื่องความแรงนะครับ เพราะใน Youtube มีรถเทียบขึ้น Dyno ให้ดูเยอะแยะว่า กรองโรงงาน กรองแต่ง หรือแม้แต่ถอดกรองออก ทดสอบมาแทบไม่มีผลเรื่องกำลังเลย ทั้งเครื่อง NA หรือ เทอร์โบ บูสเดิมๆ กลับกัน กรองแต่งบางยี่ห้อยังทำให้กำลังลดลงอีกด้วยซ้ำ
จากประเด็นเรื่องโรงงานใช้กรองกระดาษเพราะต้องการประหยัดต้นทุน
ผมเลยลองหาดูข้อมูลรถที่แรงมาจากโรงงานอย่างเช่น GT-R, Impressa, Evolution, Supra พบว่ารถเหล่านี้ก็ใช้กรองกระดาษมาจากโรงงานเช่นกัน ซึ่งมันก็เพียงพอกับระดับแรงม้าที่ออกแบบมาอยู่แล้ว เว้นแต่มีการโมดิฟาย กรองเดิมรองรับไม่ไหว แบบชนิดที่ว่ากรองเดิมบิดตัวเลยก็มี ในกรณีบูสสูงๆ
เลยลอดูรถที่คาดว่าจะไม่มีการประหยัดต้นทุนอย่าง Ferrari, Lamborghini, Koenigsegg, Bugatti ซึ่งเป็นรถราคาระดับหลายสิบ ถึงร้อยล้าน แรงม้าระดับ 5-800 แรงม้าจากโรงงาน ก็พบว่าใช้กรองกระดาษเช่นกัน ซึ่งคิดดูแล้วคงไม่ใช่เหตุผลเรื่องการประหยัดงบแน่นอน และยิ่งเรื่องความแรงคงไม่ต้องพูดถึงระดับนี้อะไรทำให้รถแรงได้ เค้ายัดใส่มาจากโดรงงานโดยไม่สนราคาอยู่แล้ว
ตัวอย่างที่ยกมาอยากจะบอกว่า ของเดิมจากโรงงานรองรับขนาดของแรงม้าเกินกว่าที่เราคิดไว้นะครับ
ยกตัวอย่าง Civic EK เครื่อง D16Y4 90 แรงม้า กับ Civic EK9 เครื่อง B16A2 160 แรงม้า ทั้ง 2 รุ่น ใช้กรองอากาศเหมือนกันครับ
มองแบบนี้ กรองเดิมโรงงานของรถบ้านๆ มันรองรับแรงม้าที่เหลือเฟือกว่าที่เครื่องยนต์จะผลิตได้ด้วยซ้ำ เรื่องความแรงคงตัดประเด้นไปได้สำหรับรถเดิมๆ
นี่แหละครับที่ว่าคือการลดต้นทุน โดยการออกแบบให้ใช้ร่วมกันได้ตั้งแต่รุ่นเล็ก ถึงรุ่นใหญ่ โดยประสิทธิภาพสูงสุด ยังคงต้องรองรับกำลังสูงสุดในรุ่นนั้ๆ เช่นกัน
ไม่ใช่การประหยัดต้นทุนแบบใช้วัสดุแย่ๆ จนแรงม้าลดลง แบบที่หลายคนพูด เรื่องอะไรเค้าจะทำแบบนั้น เค้าพยายามลงทุนออกแบบให้เครื่องยนต์มีกำลังมากที่สุด ทำไมต้องไปลดกำลังมันด้วยกรองอากาศแย่ๆ ไม่กี่บาทด้วย จริงไหม
เพิ่มเติม พาหนะทางบก ที่ถือว่าใช้เทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดของโลกอย่าง Formula 1 ก็ยังใช้กรองกระดาษครับ