[CR] โรมาเนีย Who are you?

กระทู้รีวิว

แผนการเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้น เพราะ พวกเราได้เข้าไปรู้จัก นักเดินทางชาวโรมาเนียคนหนึ่งที่กรุงเทพ เขาชื่อ "มิไฮ" จากการรู้จักกันครั้งนั้น พวกเราก็เริ่มวางแผนสร้างความลำบากกัน ว่า ถึงคราวเราที่ จะไปตะลอนๆ ที่โรมาเนียบ้าง

โรมาเนีย มีดีอะไร!
โรมาเนีย เป็นประเทศในยุโรปตะวันออก ที่ยังไม่ได้อยู่ในสมาชิกเชงเก้น แต่ ถ้าถือวีซ่า เชงเก้น แบบมัลติเพิ่ล ก็เข้าได้เลย
โรมาเนีย มีค่าครองชีพถูก
โรมาเนีย มี Sibiu ซิบิว ที่ถูกยกว่า เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมของยุโรป (สร้างโดยเยอรมัน และสวยนานมาก)
โรมาเนีย มี ธรรมชาติ เพราะเป็นประเทศที่ล้อมด้วย เทือกเขาคาร์เพเทียน ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูงมากๆ
โรมาเนีย มี ท่านเคาน์แดรกคิวล่า อยู่ที่ปราสาทบราน
โรมาเนีย มี ผู้หญิงที่สวยที่สุดอยู่ที่นี่
โรมาเนีย มี นักยิมนาสติกหญิง ที่แข่ง โอลิมปิก แล้วโกยคะแนนเต็ม 10 ครั้งเดียวของโลก
โรมาเนีย มี ความผสมผสาน ของ โรม (คนโรมาเนีย ถือว่า เป็นคนโรมตะวันออก เพราะเคยอยู่ใต้การปกครองของโรม) เยอรมัน (แซกซอน)ป้อมปราการและปราสาททั้งหลาย ถูกสร้าง โดยชาวแซกซอนเยอรมัน จนคนเยอรมันออกตัวบ่อยๆ ว่า ที่เห็นสวยๆ นะฝีมือพวกเขานะ ขนมอาหารอร่อยๆ ก็ได้อิทธิพลมาจากฮังการี ตุรกี และรัสเซีย เยอะเลย
โรมาเนีย มี กษัตริย์ และ เคยถูกปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ อยู่ 45 ปี

เราเริ่มต้นการเดินทางที่ฮังการี โดยใช้รถไฟ ลากยาวๆ เกือบๆ 10 ชม. เข้าโรมาเนียทาง เมือง Sibiu ซิบิว แล้ว ไปต่อ ที่ Brasov บราซอฟ Rasnov ราสนอฟ Siania ซินาย่า ขึ้นเขา Bucegi บูซีจี แล้วไปปิดท้ายที่ Bucharest บูคาเรสต์ เมืองหลวง

ก่อนวันสุดท้ายที่บูดาเปสต์ เราไปจองตั๋วรถไฟ เพื่อเข้า Sibiu

จองที่สถานีไหนหว่ะ? เป็นคำถามที่เราสามคน ถามวนกันไปมาเพราะในเวปไซค์บอกเราว่า มาจองหน้างานจะถูกกว่า เราลองถามๆ จากเด็กวัยรุ่น ในบูดาเปสต์ ที่มักจะวิ่งเข้าหานักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการฝึกภาษาว่า เราจะเข้า โรมาเนีย ต้องไปซื้อตั๋วรถไฟที่ไหน เด็กวัยรุ่น บอกเราเหมือนเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ว่า ที่บูดาเปสต์ แต่ละสถานีรถไฟจะแยกไปตามเส้นทาง เหนือ ใต้ ออก ตก ถ้า ไปโรมาเนีย ต้องไปสถานีรถไฟที่วิ่งไปด้านตะวันออก ชื่อสถานี Budepest-Keleti
เราลงรถไฟใต้ดิน สาย M2 ข้ามแม่น้ำไป  ไปลงที่สถานี  เรามองเห็นป้าย ไปทางนั้นทางนี้ เต็มไปหมด
ง้งงง!
ตัดสินใจเดินเข้าไปถามลุงเจ้าหน้าที่ คนหนึ่ง
Excuse me…เราเรียกความสนใจจากลุง ทั้งๆ ที่ลุงก็คงพอรู้หล่ะ เดินปรี่เข้ามาขนาดนี้ คงต้องอยากรู้อะไร
Do you speak English? ลุง พูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหม?
ลุง ยิ้มๆ โบกไม้โบกมือรัวเป็นลิงโบกแมลง
อาริงาโตะ…เราโค้งนุ่มๆขอบคุณลุงแบบคนญี่ปุ่น ก่อนหันหลังไปเจอป้ายที่บอกว่า international train เราเดิน ขึ้นบันไดไป ตามป้าย ที่บอกว่า ออฟฟิศขายตั๋วรถไฟระหว่างประเทศอยู่นี่
เปิดประตูไปแว๊บ กดบัตรคิว ใช้เวลายืนรอ สิบห้านาที
เดินเข้าไปถามหนึ่งนาที
คำตอบคือ ไม่ใช่ที่นี่ ให้เดินออกไปจากตึกนี้ ลงตรงบันได ตรงโน้นนะ จะไปโผล่ ตรงนั้นนะ แล้วข้ามถนนข้างหน้าถนนตรงนั้น นั่นแหละ เดินเลี้ยวซ้ายไป แล้วตรงไปเรื่อยๆ จะมีตึกเหลืองๆ ตั้งอยู่ ตั๋วขาย เห็นยังๆ นั่นนน ใช่
เราหันไปตามมือ ที่ชี้ อยู่
ทำไมพี่เขาชี้ เหมือนเราจะเห็นภาพหว่ะ!
เราเห็นแต่ ห้องบันได นั่นอ่ะ ที่แกชี้ไป
ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ แล้วก็เดินออกมา วนไปวนมา ดูลังเล ตรงห้องบันได
ถามลุงเจ้าหน้าที่อีกที คราวนี้สั้นๆ international train!
เหมือนอยู่ๆ ก็เดินไปพูด คำลอยๆ แต่ แกก็คงรู้ว่า นั่นคือคำถาม
สั้นๆ นี่แหละ เปี่ยมด้วยคุณภาพสุด
ลุงแกชี้แล้วก็พูดเป็นภาษาฮังการี สลับกับภาษาอังกฤษ ที่ทำให้เรางง หนักกว่าเดิม
แต่ แกให้ความมั่นใจว่า ยังไง ก็ต้องไปซื้อที่ตึกนั้น
เราต้องฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ เราก็มายืนอยู่ตรงตึกสีเหลือง เก่า สภาพดูร้าง ไม่มีผู้คน
มีต้นไม้ยืนต้น สูงใหญ่ เรียงราย พร้อมเก้าอี้นั่งเล่น บานประตูไม้ทึบ ทาสีเขียวนั่น แบ่งแยก เหตุการณ์ภายนอกและภายใน มีตัวหนังสือ เขียน หวัดๆ ด้วยมือ ว่า ตั๋วข้ามประเทศ เข้าประตูนี้
เอ้ย!มันดูแปลกๆ นะ…พี่หนึ่ง เสียงดังขึ้นมา แทรกเสียงลมพัด
ไม่มีคนเลย เข้าไป ได้เหรอหว่ะนุ่น? ความประหม่า สามก้อนจับตัวรวมกัน เป็นความประหม่าก้อนหนาทึบมหึมา ที่ทำให้เรายากต่อการขยับตัวเคลื่อนที่ไปด้านใน ไม่รู้ว่า เดินเข้าไปข้างในจะมีอะไรบ้าง แล้ว มันก็ไม่มีป้าย บ่งบอกว่า ที่นี่เป็นสถานที่ ที่ให้คนเข้ามาติดต่อ หรือ อาจจะมีแก๊งค์ตีหัวเข้าถ้ำคอยแอบมองพวกเราอยู่ก็ได้ หรือบางที การเดินผ่านประตูบานนั้นเข้าไป จะเป็นการตอกย้ำความเป็นคนขงเรามากขึ้น จากการถูกจ้องมอง และการกุลีกุจอของเจ้าหน้าที่ด้านใน ลากเก้าอี้ รนลานกลับเข้าประจำการ เสยผมให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมแกล้ง หยิบปากกา ทำหน้าเหมือน งานยุ่งทั้งวี่ทั้งวัน
แต่แล้ว ฝรั่งร่างสูง ก็เดินแบกเป้ยักษ์ ผ่านหน้าพวกเราเข้าไปด้วยความมั่นใจ ทำลายเรื่องในหัวเรากระเจิง ฮีไม่มีท่าทางลังเล หรือแม้กระทั่งฉุกคิดก่อนเข้าไปด้านใน หรือหันมาเห็นหัวดำที่ยืนจดๆจ้องๆอยู่เลยสักกะนิด เราเอเชีย สามชีวิต รีบวิ่งติดตูดพี่เขาเข้าไป มันคือ กฎแรงโน้มถ่วง วัตถุมวลใหญ่ มักจะดึงดูดวัตถุมวลเล็กให้เข้าหาเสมอ
ข้างใน เป็น โถงเล็กๆ เก่า ๆ เจ้าหน้าที่นั่งอยู่หลังบานไม้ที่มีกระจกกั้น อยู่ 3 ช่อง ดูโทรม มากกว่าจะใช้คำว่าเก่า
เราหันไปตามพี่ฝรั่ง แต่เจ้าหน้าที่ในช่องชี้ให้เราไปช่องขวามือสุด
ชิบู…เราบอกเจ้าหน้าที่
เธอหันมามองหน้าเรางงๆ สายตาของเธอขึ้นเป็นคำถาม “ไปไหนของเมิง?”
เราคว้ากระดาษ เขียน Sibiu ส่งให้เธอ
เธอทวนเสียงเป็นภาษาฮังการี ที่ไม่ใช่ ชิบู…เราไม่เชื่อหรอก เธอไม่ใช่คนโรมาเนีย
เธอหันไปเปิด กอง A4 ปึกหน ตรงหน้า ทั้งๆ ที่มีจอคอมพิวเตอร์ วางอยู่ไม่ไกลตัว ตึกก็เก่า ระบบก็แก่ แล้วบอกว่า มีรอบ ทุ่มนึงนะ รอบเดียว พูดเป็นคำๆ กับจิ้มๆ ในกระดาษนั่นแหละ ให้พวกเราดู นาทีนั้น เหมือนเด็กอนุบาล ที่ครูพี่เลี้ยงบอกอะไรก็ต้องทำตาม จะเถียงเขา ก็พูดฮังกาเรียนไม่ได้ ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษสะด้วยสิ เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อคุยกันได้แค่นี้
เรายัง งงๆ ตามความตั้งใจเดิม คือ จะตีรถนอน ไปตอนเที่ยงคืน ถึงโรมาเนียตอนเช้า ขอ early check in แล้ว เดินเล่นกันเลย คืนนี้ ก่อนออก ไปโรมาเนีย จะได้ดูแสงไฟ บูดาเปสต์ ที่ริมน้ำ
เอาไงอ่ะพี่…เออ ซื้อตั๋วไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน
เราจ่ายค่ารถ ไปคนละ 600 บาท เรากลับมา เชคทางอินเตอร์เนตอีกที ว่า ป้าเจ้าหน้าที่แกมั่วหรือเปล่า จริงๆ มีอีกรอบตอนเที่ยงคืน ที่ราคาล่อไป 2,000 บาท เป็นตู้นอน หลับสบาย
เรา กำตั๋วออกมา แล้วยัดใส่มือพี่หนึ่ง ที่ดูจะเก็บเอกสารเก่งที่สุด พี่หนึ่ง รวบใส่ซองพลาสติก
เดินออกมานั่งเล่นกันสักพัก พร้อมยังคิดเรื่องการเดินทางหัวค่ำนี้
พี่ วันแรกมา ไฟลท์ก็ยกเลิก คืนแรกหายไปทั้งคืน คืนที่สองก็เหนื่อย หลับกัน แล้วเรามาบูดาเปสต์ แล้ว จะไม่ ดูแสงไฟกลางคืนเหรอ
บูดาเปสต์ขึ้นชื่อความสวยงามยามค่ำคืน จนมีทัวร์รอบดึก พาทัวร์ในย่านเมืองเก่า ตกลง เราทิ้งตั๋ว ที่เพิ่งได้มาแบบ งงๆ เหมือนปาเงิน 1,800 ใส่ถังขยะ … คือ รวยไง! ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่ แซนวิชอันนึง ก็ยาวตั้งแต่หน้าผาก ถึง ตีนลำคอ ลองกัดแล้วไม่เคี้ยวให้ไปเรียงกันในลำไส้ ไม่รู้เที่ยงคืนจะย่อยหมดหรือยัง ยาวขนาดนั้นแค่ เจ็ดสิบบาท น้ำขวดลิตรสิบกว่าบาท ตั๋ววันใช้นั่งอะไรก็ได้ รถไฟ รถราง รถบัส ก็ราคาราวๆ สองร้อยบาท จะทิ้งเงินเล่นนิดหน่อยจะเป็นไรไปหล่ะ!
ทำไมไม่ยืนคิดกันก่อนเข้าไปซื้อตั๋วหว่ะ? พี่หนึ่งเริ่มพึมพัม กับพี่ยุ้ย เกาหัวแกรกพยายามคิดว่า อะไรสะกดจิตให้พวกเรา ควักเงินกันออกมาจ่ายง่ายๆ แล้วก็โยนทิ้งไปง่ายๆ หรืออาจจะมีแมวเดินผ่าน หันมาสบตาเราแล้วสะกดจิต ให้เข้าไป จงเข้าไป ใครๆ ก็บอกว่า ถ้าสบตาแมวเราจะทำอะไรขาดความเป็นตัวเองอย่างง่ายๆ จริงๆ กะว่าจะแกล้งๆ ยืนต่อในสถานี ขายตั๋วผี ถูกๆ แต่ คิดๆ ดูก็เสียดายเวลา แถมเอาเข้าจริงๆ รถไฟทั้งขบวนแทบจะเป็นของเราสามคน
ใครบางคนบอกพวกเราไว้
ในการเดินทาง ควรปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ มันก็แค่คำพูดเก๋ๆ ไว้ลูบหัวตัวเอง อ่ะ มันเป็นหลักการทางจิตวิทยา ในยามที่ผิดพลาด กลไกอัตโนมัติของมนุษย์ คือ การหาอะไรก็ได้มารับผิด แทนตัวเราก่อน "Ego Defense Mechanism"  มันเป็น เกราะป้องกัน อันนี้ได้มาจาก Sigmund Freud บิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์เลยนะ
ป้าคนขายตั๋วรายใหม่ หัวเราะพวกเราหลังเราส่งตั๋วให้แกดู เพื่อจะมีทางแก้อะไรได้บ้าง หรือ เพื่อฟลุก คืนเงิน 50% แกมอง แล้วบอกว่า ไม่คืนเงินนะ พร้อมยิ้มอ่อนๆ ให้พวกเราที่ผงกหัวรับชะตากรรม
“It is a part of your journey!”
คำพูดมิไฮ ลอยวนอยู่ในหัวตั้งแต่ที่เราต้องแกร่วอยู่สนามบินโคโลญจน์ ค่อนคืน ที่ไฟล์ถูกยกเลิก
ถ้ามองให้เป็นความซวย ก็ จะเป็นความซวย แต่ถ้ามองมัน เป็นส่วนหนึ่ง ที่ต้องไปกับมัน มันก็จะเป็นแบบนั้นแหละ มีใครที่ออกเดินทางแล้วไม่โดน…มิไฮ เอง เล่าว่า ตอนจะขึ้นเครื่องจากเวียดนามกลับมากรุงเทพ แทกซี่เวียดนามก็พาวนเล่นกินเงิน จนฝรั่งต้องเอ่ยปาก กวนๆ ว่า อย่ากินเยอะนะ จะตกเครื่องอยู่แล้ว ไปให้ทันด้วย พาอ้อมพอแล้วหล่ะ!มิไฮ ถึง สนามบินจวนเจียนเวลา บางที ถึงจะรู้ว่า กำลังโดนโกง ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่ ดูสิว่า มันจะโกง แค่ไหน?
หรือ คีธ ที่โดนตุ๊กตุ๊กไทย ตะโกนบอกว่า วันพระใหญ่ พาทัวร์ 60 บาท คีธกระโดดขึ้นรถ พอลง ปุ๊บ ตุ๊กๆ บอก 300 บาท…อ้าวเฮ้ย!คีธหงุดหงิดอยู่พักใหญ่ เที่ยวตามหาพรรคพวกในโฮสเทล ว่า จะมีใครโดนแบบเขาบ้าง ปรากฏว่า …ไม่มี

เสียงกรุ้งกริ้ง ของ เงิน หล่น ลงพื้น แว่วอยู่ในหู เสียงช่างกังวาน เหมือนการเอาแบงค์ มาพับจรวดเล่น แล้ว ปาออกไป ในแม่น้ำ หัวเราะเอิ้กอ้าก กับจรวดกระดาษ ที่มีมูลค่า 1,800 บาท
ตอนนี้  เราได้ตั๋วใบใหม่เรียบร้อย เป็นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
เมื่อเช้ามาถึงพวกเราวนเวียนอยู่กับสถานีรถใต้ดินสักพา เตรียมขนม น้ำ ไปกินบนรถ ที่เราต้องแกร่วอยู่ 9 ชม.มองไปรอบๆสถานี ที่นี่ เขาใช้ลานกว้างๆ ข้างหน้า เป็นที่ให้คนนั่งรอรถไฟ แดดอุ่นๆ ทำให้กล้ามเนื้อเราค่อยๆ คลายตัวออกมา เดินเข้าไปไม่กี่เมตร รถไฟก็จอดรออยู่แล้ว เราวิ่งออกมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสถานี Budapest –Keleti เดินเลียบๆ เคียงไป ข้างๆ รถไฟ ดูหมายเลขขบวน ในตั๋ว กับ หมายเลขที่อยู่ข้างตู้รถไฟ
ใช่ปะหว่ะ พี่? คำถามที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ
น่าจะใช่นะ ขึ้นเลย ขึ้นเลย … ด้วยความลนลานของพวกเรา กับเวลาจวนตัว ปีนขั้นบันได แล้วเลี้ยวไปทางด้านซ้าย มองหาเลขที่นั่ง
เราชะเง้อ เข้าไปดูเลขที่นั่ง ในตู้หนึ่ง ที่มีผู้หญิง สองคนนั่งแยกกันคนละฟาก คนหนึ่ง ดูสูงวัย ตัวใหญ่หน่อย นั่งกินเนื้อที่ของเบาะ เกินครึ่ง เนื่องจากเนื้อสะโพกของนาง อีกฝั่งหนึ่ง เป็นเด็กสาว ผมบลอนด์ หยิกร่างบาง สะโพกของนางยังไม่ขยายใหญ่พอ จะข้ามแดน  น่าจะตู้นี่แหละ เราเหลือบมองเลขที่นั่งที่ แปะไว้ อีกที
แต่มันก็ดูแปลกๆ ตามขนาดร่างกาย คนยุโรปตะวันออก ตู้หนึ่ง เต็มที่ ก็น่าจะเผื่อไว้แค่ สี่คน ทำไม เขายัดเราเข้าไปสาม แล้ว เดิมยังมีอยู่สอง ถึงที่จะยังดูหลวมๆ ตามขนาดชนมองโกลอยด์อย่างพวกเรา
hello! เราเอ่ยปาก ทักทาย หญิงสาว ข้างๆ สาววัยรุ่น ทำหน้างงๆ ยิ้มแหยๆ กับเรา จนเราต้องเอาตั๋วออกมา
This train to Sibiu? นี่ ใช่ขบวนไป Sibiu ไหม
ใช่ เธอยิ้มบางๆ หน้าตา งงๆ เหรอหรา แต่ก็ไม่ได้ว่า อะไร
เก็บกระเป๋าขึ้นชั้นเรียบร้อย เราขอตัวแยกออกไปเดินสำรวจหน่อยนะ ว่าห้องน้ำเป็นยังไง
พี่หนึ่ง รีบ ร้องเตือนว่า เอ้ย นุ่น อย่างเดิน วุ่นวายนะ เดี๋ยวเขานึกว่ พวกมิจฉาชีพ มาส่อง ขโมยของ
เออนะพี่ แป้บเดียว เราตอบกลับ ก่อน หายไปแป้บนึง วิ่งกลับมา พร้อมบอก เพื่อนๆ
มันแปลกๆ นะ ไม่น่าจะใช่ตู้นี้เลย ดู เขานั่งห้องละสอง คนหมดเลย แถม ดูเหมือนห้องส่วนตัวอีก
บ้า คิดมากน่า … นี่ดูดิ เลขมันตรงนะ…เราก้มมองตั๋วที่พี่หนึ่งเปิดมาตรวจให้แน่ใจอีกรอบ ก็จริงเนอะ
รถไฟ ค่อยๆ เลื่อนออกจากชานชาลาตามเวลาที่แสดงไว้ในตั๋ว
ชื่อสินค้า:   โรมาเนีย ยุโรป ยุโรปตะวันออก แบคแพคเกอร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่