เมื่อพูดถึงจิ่วเฟิ่น ทุกคนคงเห็นภาพทางเดินลาด ที่มีโคมสีแดงขึ้นมาในหัว
นึกถึงเนินเขาที่มีตลาด เป็นถนนคนเดิน ของกินเยอะๆ ใช่ไหมครับ
ทุกคนที่มาเยือนคงจะชอบในบรรยากาศ และวิถีชีวิตของชนบทไต้หวัน
แต่นอกจากที่ว่ามาแล้ว ยังมีสถานที่ให้ปีนเขาซึ่งอยู่ใกล้ๆในบริเวณนั้นเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
กระทู้นี้จะมาแกะรอยเส้นทางเดินเขา เพื่อมองเมืองจิ่วเฟินนี้ในมุมสูงกันนะครับ
. : K E E L U N G M T. H I K I N G T R A I L : .
雞 籠 山
เส้นทางเดินปีนเขาจี่หลง
เรามาเริ่มกันที่การเดินทางเลยครับ ซึ่งการมาจิ่วเฟินก็ง่ายมากๆ ตามกระทู้อื่นก็มีการบอกไว้แล้วอย่างละเอียด
ซึ่งเวลาที่รถบัสมาส่ง รถจะส่งที่ป้ายรถเมล์ ปกติหากจะมาเดินถนนคนเดิน
เราจะต้องเดินลงทางลาดลงมาเพื่อ มาทางเข้าถนนคนเดิน ซึ่งอยู่บริเวณ 7-11 ร้านนี้นะครับ
แต่เส้นทางปีนเขา จะต้องเดินย้อนขึ้นไป คือทางด้านซ้ายมือของภาพนี้ ไปทางเดียวกับรถสีเงินคันนี้วิ่ง
พอเดินไปเรื่อยๆ จะเป็นเส้นทางถนนยางมะตอยอย่างดี ผ่านป้ายรถเมล์ที่เราลง
ซึ่งจุดนี้หากมองวิวขึ้นไปจะเห็นยอดเขาสูงๆ ตรงนั้น คือ จุดที่เราจะปีนขึ้นไปกัน
เดินต่อมาเรื่อยๆ ไม่ถึง 5 นาที ก็จะเห็นส่วนที่ภูเขาติดกับถนนแบบนี้ ทางเข้าอยู่ตรงนั้นเองงง
ทางเข้าเส้นทางปีนเขาหน้าตาเป็นแบบนี้นะครับ
เลี้ยวซ้ายขึ้นตามทางบันไดเลย
เส้นทางเป็นหินปูพื้น เดินสบายมากๆ แต่ต้นไม้ข้างทางก็เป็นพุ่มสูง 1.5-2 เมตร บางจุดก็มิดหัว มองด้านข้างไม่เห็นเลย
มองขึ้นไปเห็นยอดอยู่ไกลๆ จุดพักชั้นที่1 เป็นจุดชมวิวอยู่ต่ำลงมา
แต่ทางเดินเข้าไปนี่ดูเป็นดงมืดๆ น่ากลัวนิดหน่อย ฮ่าๆ
บางจุดก็เป็นสันเขาแบบนี้
หันหลังกลับไป เจอวิวแบบนี้ สวยมาก
สักพัก ก็เจอชั้นพักที่1แล้ว เหนื่อยแบบเบาๆ หัวใจเต้นเร็วนิดๆ พอสุขภาพดีไม่เหนื่อยมาก
วิวชั้นที่1 มองออกไป เป็นแบบนี้เลย
เดินต่อๆ ตั้งแต่จุดนี้เส้นทาง อาจจะมีราวจับข้างทางให้ด้วย เพราะบางจุดชัน และใกล้สันเขามาก
ชั้นพักที่2 เล็กๆโล่งๆ รู้สึกว่ายังไหวอยู่ ไม่พักๆๆ
หลังจากจุดพักที่2 นี่ชันละ เริ่มชันเยอะละ เรียกเหงื่อได้มากพอสมควร ขาก็แรงอ่อนลง 5555
อันนี้จุดพักที่ 3
รู้สึก ดีไฮเดรตมากๆ เหงื่อออกเยอะะะะ ทางก็ชัน 5555
จริงๆถ้าเดินชิลๆก็คงไม่เหนื่อย แต่ต้องเร่งทำเวลา เพราะใกล้เย็นมากแล้ว
วิวตรงจุดชั้น 3
เนื่องจากมันชันมาค่อนข้างมาก
เวลาหันหลังกลับไป เลยเห็นวิวจากมุมสูง และโล่งๆแบบนี้
เดินอีกสักพัก ก็จะถึงจุดยอดเขา
ซึ่งจุดพักนี่จำได้ว่ามีประมาณ 4-5 จุด
ยอดเขาที่นี่ทำสวย เป็นลานไม้ ให้เดินชมวิว
แถมมีเสาอากาศที่ยอดด้วย
มีนักถ่ายภาพ มาเก็บบรรยากาศ ช่วงเย็นๆแบบนี้ด้วยนะครับ
ผมไปช่วงหน้าร้อน เลยไม่ค่อยมีเมฆ
อันนี้วิวที่ยอดเขาแห่งนี้ครับ สวยมากกกก ถ่ายไม่ค่อยสวยนะครับ
พระอาทิตย์กำลังตก แล้วย้อนแสงพอดี ถ่ายรูปก็ไม่ค่อยเก่ง เลยได้ภาพมาแบบกากๆ
อันนี้วิวทะเลด้านหลัง
ผมไม่ได้อยู่จนพระอาทิตย์ตก
คิดว่ารีบลงมาก่อน แสงจะหมด แล้วจะลงลำบาก
ตอนลงก็ได้วิวอีกแบบสวยดี ถ้ามีหมอก อากาศเย็นๆคงจะฟินมากๆ
สวนทางกับคุณแม่พาเด็กๆมาปีนด้วย แข็งแรงทั้งเด็กทั้งคุณแม่เลย
โดยสรุปนะครับ
- ทางเดินปีนเขาใช้เวลาปีนขึ้นประมาณ 40-60 นาที ตามพละกำลังและความแข็งแรงของแต่ละคน
- รวมทั้งขึ้นลง พัก ชมวิว น่าจะตกที่ 1.30 - 2 ชม. ครับ
- เตรียมน้ำดื่มมาให้พร้อมครับ ยิ่งมาหน้าร้อนนี่ โอ้มายจอร์ช เหงื่อออกเยอะมาก
- หมวก ทิชชู่ เตรียมมาได้ตามความเหมาะสม
นอกจากจิ่วเฟิ่นแบบเดิมๆ ลองมาปีนเขาดู จะได้ไม่เสียดายที่ไปตั้งไกลนะครับ
[CR] Keelung mt. Hiking Trail (雞籠山) : มาปีนเขาที่จิ่วเฟิ่นกันเถอะ
เมื่อพูดถึงจิ่วเฟิ่น ทุกคนคงเห็นภาพทางเดินลาด ที่มีโคมสีแดงขึ้นมาในหัว
นึกถึงเนินเขาที่มีตลาด เป็นถนนคนเดิน ของกินเยอะๆ ใช่ไหมครับ
ทุกคนที่มาเยือนคงจะชอบในบรรยากาศ และวิถีชีวิตของชนบทไต้หวัน
แต่นอกจากที่ว่ามาแล้ว ยังมีสถานที่ให้ปีนเขาซึ่งอยู่ใกล้ๆในบริเวณนั้นเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
กระทู้นี้จะมาแกะรอยเส้นทางเดินเขา เพื่อมองเมืองจิ่วเฟินนี้ในมุมสูงกันนะครับ
. : K E E L U N G M T. H I K I N G T R A I L : .
雞 籠 山
เส้นทางเดินปีนเขาจี่หลง
เรามาเริ่มกันที่การเดินทางเลยครับ ซึ่งการมาจิ่วเฟินก็ง่ายมากๆ ตามกระทู้อื่นก็มีการบอกไว้แล้วอย่างละเอียด
ซึ่งเวลาที่รถบัสมาส่ง รถจะส่งที่ป้ายรถเมล์ ปกติหากจะมาเดินถนนคนเดิน
เราจะต้องเดินลงทางลาดลงมาเพื่อ มาทางเข้าถนนคนเดิน ซึ่งอยู่บริเวณ 7-11 ร้านนี้นะครับ
แต่เส้นทางปีนเขา จะต้องเดินย้อนขึ้นไป คือทางด้านซ้ายมือของภาพนี้ ไปทางเดียวกับรถสีเงินคันนี้วิ่ง
พอเดินไปเรื่อยๆ จะเป็นเส้นทางถนนยางมะตอยอย่างดี ผ่านป้ายรถเมล์ที่เราลง
ซึ่งจุดนี้หากมองวิวขึ้นไปจะเห็นยอดเขาสูงๆ ตรงนั้น คือ จุดที่เราจะปีนขึ้นไปกัน
เดินต่อมาเรื่อยๆ ไม่ถึง 5 นาที ก็จะเห็นส่วนที่ภูเขาติดกับถนนแบบนี้ ทางเข้าอยู่ตรงนั้นเองงง
ทางเข้าเส้นทางปีนเขาหน้าตาเป็นแบบนี้นะครับ
เลี้ยวซ้ายขึ้นตามทางบันไดเลย
เส้นทางเป็นหินปูพื้น เดินสบายมากๆ แต่ต้นไม้ข้างทางก็เป็นพุ่มสูง 1.5-2 เมตร บางจุดก็มิดหัว มองด้านข้างไม่เห็นเลย
มองขึ้นไปเห็นยอดอยู่ไกลๆ จุดพักชั้นที่1 เป็นจุดชมวิวอยู่ต่ำลงมา
แต่ทางเดินเข้าไปนี่ดูเป็นดงมืดๆ น่ากลัวนิดหน่อย ฮ่าๆ
บางจุดก็เป็นสันเขาแบบนี้
หันหลังกลับไป เจอวิวแบบนี้ สวยมาก
สักพัก ก็เจอชั้นพักที่1แล้ว เหนื่อยแบบเบาๆ หัวใจเต้นเร็วนิดๆ พอสุขภาพดีไม่เหนื่อยมาก
วิวชั้นที่1 มองออกไป เป็นแบบนี้เลย
เดินต่อๆ ตั้งแต่จุดนี้เส้นทาง อาจจะมีราวจับข้างทางให้ด้วย เพราะบางจุดชัน และใกล้สันเขามาก
ชั้นพักที่2 เล็กๆโล่งๆ รู้สึกว่ายังไหวอยู่ ไม่พักๆๆ
หลังจากจุดพักที่2 นี่ชันละ เริ่มชันเยอะละ เรียกเหงื่อได้มากพอสมควร ขาก็แรงอ่อนลง 5555
อันนี้จุดพักที่ 3
รู้สึก ดีไฮเดรตมากๆ เหงื่อออกเยอะะะะ ทางก็ชัน 5555
จริงๆถ้าเดินชิลๆก็คงไม่เหนื่อย แต่ต้องเร่งทำเวลา เพราะใกล้เย็นมากแล้ว
วิวตรงจุดชั้น 3
เนื่องจากมันชันมาค่อนข้างมาก
เวลาหันหลังกลับไป เลยเห็นวิวจากมุมสูง และโล่งๆแบบนี้
เดินอีกสักพัก ก็จะถึงจุดยอดเขา
ซึ่งจุดพักนี่จำได้ว่ามีประมาณ 4-5 จุด
ยอดเขาที่นี่ทำสวย เป็นลานไม้ ให้เดินชมวิว
แถมมีเสาอากาศที่ยอดด้วย
มีนักถ่ายภาพ มาเก็บบรรยากาศ ช่วงเย็นๆแบบนี้ด้วยนะครับ
ผมไปช่วงหน้าร้อน เลยไม่ค่อยมีเมฆ
อันนี้วิวที่ยอดเขาแห่งนี้ครับ สวยมากกกก ถ่ายไม่ค่อยสวยนะครับ
พระอาทิตย์กำลังตก แล้วย้อนแสงพอดี ถ่ายรูปก็ไม่ค่อยเก่ง เลยได้ภาพมาแบบกากๆ
อันนี้วิวทะเลด้านหลัง
ผมไม่ได้อยู่จนพระอาทิตย์ตก
คิดว่ารีบลงมาก่อน แสงจะหมด แล้วจะลงลำบาก
ตอนลงก็ได้วิวอีกแบบสวยดี ถ้ามีหมอก อากาศเย็นๆคงจะฟินมากๆ
สวนทางกับคุณแม่พาเด็กๆมาปีนด้วย แข็งแรงทั้งเด็กทั้งคุณแม่เลย
โดยสรุปนะครับ
- ทางเดินปีนเขาใช้เวลาปีนขึ้นประมาณ 40-60 นาที ตามพละกำลังและความแข็งแรงของแต่ละคน
- รวมทั้งขึ้นลง พัก ชมวิว น่าจะตกที่ 1.30 - 2 ชม. ครับ
- เตรียมน้ำดื่มมาให้พร้อมครับ ยิ่งมาหน้าร้อนนี่ โอ้มายจอร์ช เหงื่อออกเยอะมาก
- หมวก ทิชชู่ เตรียมมาได้ตามความเหมาะสม
นอกจากจิ่วเฟิ่นแบบเดิมๆ ลองมาปีนเขาดู จะได้ไม่เสียดายที่ไปตั้งไกลนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น