มนุษย์เงินเดือน การวางแผน การพัฒนาตน การลงทุนจริงและแฝง รวมรายได้ครอบครัว ตามที่บอกไว้ตั้งกระทู้ให้พิจารณา

นี้เป็นเพียงมุมหนึ่งของชีวิต เรื่องการสร้างความสามารถทาง อาชีพการงาน สร้างครอบครัว ลงทุนแฝงให้กับภรรยาและลูก

  คำนวณรายได้ครอบครัวให้พอทราบก่อน
         ภรรยาตั้งตัวได้ก่อน เมื่ออายุ 30 ปี รับราขการถึงปัจจุบัย อายุราชการ 25 ปี เริ่มต้นเงินเดือน/รายได้ 4,200 บาท - ปัจจุบันประมาณ 44,000 บาท
เพราะทำงานอยู่ในองค์กรณ์เดียวและไต้ขึ้นไปตามลำดับและอยู่ในตำแหน่งแต่ละระดับไม่ตำกว่า 3 ปี จึงสามารถคำนวณรายได้ทั้งหหมดได้แบบง่าย แบบหาค่าเฉลี่ย

               (เงินเดือนเริ่ม + เงินเดือนสุดท้าย / 2)  
                                                         ก็ได้ประมาณ     24,100 บาทเฉลี่ยต่อเดือน แล้วคูณด้วย 12 เดือน คูณด้วย 25 ปี
               ก็จะมีรายได้รวมทั้งหมด 25 ปี  ประมาณ        7,230,000 บาท  ให้ค่าคลาดเคลื่อนประมาณ 1 ล้านบาท

          ผมตั้งตัวได้ช้ากว่า 5 ปีเมื่ออายุเริ่ม 38 ปี และทำงานในบริษัทเดียวถึง 20 ปี  ก็คิดได้แบบเดียวกัน แต่บวกด้วยโบนัสเฉลี่ยเข้าไปด้วย มีรายได้เฉลียต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 41,000 บาทต่อเดือน คูณด้วย 12 คูณด้วย 20 ปี  
               ก็จะมีรายได้โดยรวมทั้งหมด 20 ปี ประมาณ   10,000,000 บาท  มีค่าคลาดเคลื่อนน้อย

               รวมเงินได้ก่อนนั้น 5 ปี จากเงินเดือน 3,600 จนเงินเดือน 11,000 บาท  ก็จะได้รวมอยู่ที่ประมาณ 438,000 บาท
              
               รวมรายได้ครอบครัวใน 25 ปีที่ผ่านมารวมทั้งหมด อยู่ที่ประมาณ   18 ล้านบาท

    ต่อไปเป็นเรื่องปลีกย่อยในรายระเอียดนั้น
                    
     ผมเคยทำงานซ้อมจักรยานยนต์ได้เงินเดือนครั้งแรกในชีวิต 400 บาท เมื่อปี 2522 หลังจบ ม.ศ 5

แต่ผมก็ย่อมสละชีวิตเพื่อเรียนทั้งที่โอกาสแทบไม่ได้เลย เพื่อสร้างคุณสมบัติของตนเอง ใช้เวลา 3 ปีจบในปี 2525

ไม่มีโอกาสได้งานทำ จึงสอนพิเศษ ได้เงินพอเลี้ยงตัวเฉลียเดือนละ ไม่ถึง 2 พันบาท

      คือผมลำบากชัดเช ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาลัย และเริ่มจาก 0 เมื่อเรียนจบ ไม่ได้วางแผนชีวิตใดๆ เลย เพราะคิดจะบวชพระอีก ตัวเองก็แย่ แต่ดันมีแฟนจึงสร้างและผลักดันเขาเรียน จนแต่งงานกันและเขาเรียนจบปริญญาตรีพร้อมตั้งท้องในช่วงที่ผลสอบวิชาสุดท้ายผ่านพอดี

      รวมแล้วผมกับแฟนตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนแต่งงาน ลำบากชัดเชไปจนถึงเกือบ 4 ปี ด้วยลำบากอยู่นั้นก็ยังหาเรื่องผ่อนดาวคอนโด ภรรยาตั้งตัวได้เมื่ออายุ 30 ปี ด้วยการสอบราชการได้ ปี 2534 บรรจุต่างจังหวัด จึงต้องสละทิ้งคอนโด ขายดาวไปได้เงินที่มากเป็นครั้งแรก 9 หมืนบาท ผมถือว่านับ ณ. จุดนี้เป็นการเริ่มต้นตั้งตัวของครอบครัว ด้วยเงินเดือน ราชการภรรยาเพียง 4,200 บาท ในปีถัดมาเขาได้ย้ายกลับเข้ามาอยู่ใน กทม. แล้วเริ่มดาวบ้านหลังแรกของการเคหะ ชั้นเดียว ราคา 470,000 บาท

       ทั้งที่รายได้ ผม+ภรรยาแล้ว ในแต่ละเดือนยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเลย ค่าเช้าห้อง ค่าเลี้ยงลูกค่านมลูกจิกปาถะ ค่ากิน ฯลฯ ผมจึงต้องทำงานเสริมสอนพิเศษหลังเลิกงาน ส่วนเงินดาวบ้านเคหะ 17 งวด ก็เอาเงินเก็บที่ขายดาวคอนโด นั้นและผ่อนเดือนละประมาณ 6 พันบาท (จำไม่ได้แล้ว)

      เราจึงอยู่ลำบากมาก แต่ด้วยวัยยังหนุ่มอยู่จึงทนได้ ผมจึงสร้างทั้งความรู้ความสามารถเรื่องคอมพิวเตอร์เริ่มจาก 0 จนสามารถสร้างประกอบควบคุมระบบทั้งหมดทั้งเครื่องคอมและโปรแกรมเพียงคนเดียว โดยใช้เวลามากที่เดียวใช้เวลาถึง 5 ปีเพื่อรอโอกาส ทั้งที่ไม่เห็นโอกาสใดเลย ผมต้องนั่งศึกษาทำแล้วทำอีกจนเที่ยงคืนเกือบทุกวัน จนภรรยาต้องเครียด จะเอาขวานฟันคอมพิวเตอร์ที่ผมยอมเอาเงินเก็บอ้นน้อยนั้นซื้อมาประกอบขึ้นถึง 2 หมื่นกว่าบาททิ้ง

      จนโอกาสนั้นมาถึงเมื่อได้รับสัญชาติสมบูรณ์เหมือนบุคคลทั่วไป จึงกระโดดเข้าสู่ระดับบริหาร ชีวิตจึงเริ่มตั้งตัวเมื่อผมอายุเริ่ม 37 ปี แล้วเริ่มได้รับการรักษาโรคที่ทรมานแบบเปรตตั้งแต่อายุ 21 ปี ในปีถัดมาเมื่องานพอไปได้ด้วยสิทธิ์ประกันสังคม พร้อมทั้งซื้อบ้านเทาส์เอ้า 2 ชั้น อีก 1 หลัง ราคา 920,000 บาท ซึ่งเป็นราคาฟีกสุงมากก่อนปี 2540 เกิดต้มย้ำกุ้ง แต่บริษัทเอาตัวรอดพ้นมาได้ด้วยระบบคอมและโปรแกรมที่ผมเขียนขึ้นมาได้รองรับพอดี บวกกับผู้บริหารอื่นๆ ควบคุมได้อย่างเหมาะสม

     ด้วยผมไม่ได้หวังร่ำรวย ผมต่อรองเงินเดือนเพียงครั้งแรกเมื่อเริ่มเข้าทำงานเท่านั้น อยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน โบนัส 2 เดือนต่อปี เมื่อ 16 เมษายน 2539 หลังจากนั้นแล้วแต่บริษัทพิจรารณาให้ และคิดว่าจะไม่เปลี่ยนงานอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาโชชัดโชเชในระดับล่างต้องเปลี่ยนงานถึง 7 ครั้งแล้ว

     ด้วยผ่อนบ้าน 2 หลังเลี้ยง ลูก 2 คน ดังนั้นครอบครัวต้องติดลบแบบคงที ถึง 50,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ผมวิตกมาก จนผมต้องเขียนโปรแกรมเล็กๆ ในการผ่อนชำระ และดอกเบี้ย ว่าใส่จำนวนอย่างโน้นอย่างนี้จะหมดในกี่ปี วนเวียนอยู่อย่างนั้นเกือบ 2 ปี ทั้งที่เป็นสภาวะที่พอรับได้ ถ้าไม่ตกงาน และคิดว่าถ้าตกงานก็ยังล้มบนฟูก ขายหลังที่สองทิ้ง ก็พอยังอยู่ได้ แล้วเราจะไปบ้านั่งจดจ่ออยู่ทำไม จึงเลิกสนใจตั้งแต่นั้นมา จ่ายไปตามปกติไม่ผิดชำระแม้แต่ครั้งเดียว แล้วผมยอมเป็นหนี้เพิ่มอีก 1 แสน เพื่อมีรถมือสองอายุ 7 ปีขับคันแรกของชีวิต เมื่ออายุ 40 ปีแล้ว ในปี 2542

      4 - 5 ปีผ่านไป ภรรยาและลูกอยากได้บ้านเดียว ผมก็บอกว่าเมื่อไหรผมพร้อมจะบอก ออ. ยอมลงทุนในทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เพราะรู้ว่าครอบครัวเก็บเงินไม่ได้ ตั้งแต่แต่งงานกันมาแล้ว จึงใช้วิธีนี้เพื่อเจียดตัวเองให้พอมีทรัพย์ได้ แม้ผมจะไม่มีเงินเก็บเลยคือเกือบเป็น 0 ทุกเดือน เพราะผมย่อมจ่ายเองทั้งหมด เพื่อประกอง(เป็นการลงทุนแฝง ในลูกและภรรยา) ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าของจำเป็นภายในบ้าน ดังนั้นเมื่อชื้อของในห้างผมเป็นรูดจ่ายเพียงคนเดียว บ้านหลังที่ 2 ผมผ่อน บ้านหลังแรก+รถภรรยาผ่อน แต่ผมถูกภรรยาบ่นทุกเดือน

       เมื่อฐานเงินเดือนผมพอ ปี 2546  ผมก็บอกภรรยาและลูกว่า เอ้าหาบ้านเดียวใหม่ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 1 ห้องครัว ได้เลยจึงได้บ้านเดียว 51 ตารางวา ในราคา 1,500,000 บาท โดยที่ผมกู้และผ่อนคนเดียวเช่นเคย แต่เมื่อแบกบ้าน 3 หลังไปสักพักเริ่มติดลบ จึงต้องขายบ้านชั้นเดียวการเคหะไป ได้เงินมาประมาณ 1.9 แสน จึงผลักเงินนั้นไปโป๊ะบ้านทาวเฮ้า 2 ชั้น โดยผมผ่อนบ้านทั้ง 2 หลังคนเดียว ส่วนภรรยาไม่ต้องผ่อนอะไร ให้เริ่มเก็บเงินในสหกรณ์ของเขา และเป็นช่วงที่ผมได้รถคันที่ 2 เป็นรถบริษัทให้ใช้ ผมจ่ายเพียงค่านำมันอย่างเดียว รถคันเก่าผมจึงขายไป 5 หมืนบาท จากที่ซื้อมา 1 แสนใช้ 5 ปี ผมใช้รถบริษัทอยู่ 2 ปี บริษัทยกให้ไปจัดการเอง

       จึงขายทิ้งได้เงินมา 120,000 บาท ถือว่าเป็นโบนัส จึงซื้อรถวีออส(รุ่น 2005)มือ 2 ปีเดียว ราคา 470,000 บาท จึงให้ภรรยากู้สหกรณ์ 360,000 บาทแล้วให้ภรรยาผ่อนเอง เพราะผมมีเงินเก็บเป็น 0 บาทมาตลอด ภรรยาจึงเริ่มบ่นผมเป็นประจำอีกแล้ว ทั้งที่ผมผ่อนอยู่ 2 ล้านบาท.

      จนภรรยาเงินเดือนเพิ่มถึง 25,000 บาท ผมจึงเริ่มมีเงินเก็บเล็กน้อยระดับหมื่นบาท ส่วนภรรยามีเงินเก็บเท่าไรผมไม่ไปยุ้ง ให้เขารักษางานรักษาเงินเขาให้ดี ส่วนลูกเรียนมหาลัย ผมก็จะเป็นส่งค่ากินค่าอยู่ให้รายเดือน ส่วนภรรยาจ่ายเฉพาะค่าพิเศษให้ลูก

      เมื่อบ้านทาวเฮ้ากำลังจะหมดหนี้ ผมเอาบ้านเข้าแบ็งค์ใหม่เอาเงินไปซื้อที่มีโฉนด 1.5 ไร่ แถวอายุทธยา ด้วยเงิน 3 แสนบาท อีกแสนหนึ่งไปซื้อที่ บท.5 ชัยภูมิ 5 ไร่ ภรรยาเพิ่มอีก 5 หมื่น ได้เพิ่มเป็น 8 ไร่ แต่ที่ บท.5 นั้นโดนโกงจากคนที่ได้ชื่อว่าชาวบ้าน หน้าตาชื่อๆ ที่คิดว่าเหมือนแบบตัวเองที่มาจากบ้านนอกคงไม่โกง แล้วเงินแสนห้านั้น ก็หายไปพร้อมกับเสียเวลาไป 1 ปี ปลูกต้นไม้.

      ต่อมาอีก 2 ปี ผมพอมีเงินเก็บ 3-4 หมื่น ก็ซื้อที่ดินอีกแปลง ของแบ็งค์มีโฉนดเพราะคงไม่โง่เหมือนเก่าแล้ว 100 ตารางวา แถวหนองจอก ราคา 230,000 บาท ผมเงินเก็บหมด จึงผ่อนต่อโดยภรรยาย่อมผ่อนครึ่งหนึ่ง และคิดว่าจะไม่ลงทุนอะไรอีกแล้ว จะผ่อนจนหมด ทั้งบ้าน 2 หลัง ดิน 2 แปลง แล้วผมมีเงินเก็บถึง 9 หมื่นบาท ก็เอาไปดาวรถคันใหม่อีกคันเป็นกระบะ 4 ประตูยกสูงปี 2012 ปัจจุบันหลืออยู่เพียง 1.9 แสนบาท แต่บ้านและที่ดินผ่อนหมดแล้ว กะว่าเหลือเวลา อีก 3 ปีเก็บเงินก่อนเกษียณ ได้สักเกือบ 2 ล้าน รวมเงินเเกษียณที่บริษัทพึงจ่ายแล้ว เมื่อเกษียณตามอายุ 60 ปี

     ซึ่งตอนนี้ถ้าตกงานหรือออกจากงาน(อายุ 57 ) ก็่จะได้เงินลูกให้+บำนาณประกันสังคมที่จะได้และอืนรวมแล้วประมาณ 10,000 บาท แบบไม่ต้องทำอะไร

     ส่วนภรรยาก็จะมีเก็บของเขา จะมีบำนาณถ้าอยู่จนครบอายุ มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้า 55 ปีนี้ จะเกษียณเพราะสุขภาพ ก็ได้มากกว่า 20000บาท/ด

     ส่วนลูกสาว จบตรี(เกียรติ์นิยม)-โท แล้ว มีเงินเดือนพอๆ กับพ่อแล้ว ในปัจจุบัน  จึงลงทุนในบ้านและคอนโด ที่จะเป็นของตนเอง.

     ส่วนลูกชาย ก็เข้ามหาลัยรัฐ ตามวิชาที่เขาชอบ(เอกภาษาญีปุ่น) ผมเกษียณพอดีเขาก็เรียนจบพอดี

     สรุป ณ. ปัจจุบัน ผมและภรรยามีรายได้รวมในเวลา 25 ปี  อยู่ที่ประมาณ 18 ล้านบาท
            ซื้อทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ตัวเงิดสดไม่รวมดอกเบี้ย ไปประมาณ 3 ล้านบาท
            ที่เหลือ 15 ล้านใช้จ่ายดอกเบีย เงินเก็บเล็กน้อยในส่วนภรรยา เลี้ยงลูกส่งลูกเรียน ชื้อรถ กินอยู่จิปาถะฯลฯ อยู่แบบจนกว่ารายได้จึงไม่จน
            
            แต่มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่มูลค่าเพิ่มที่ปลดหนี้หมดแล้วรวมมูลค่า ประมาณ 5 - 6 ล้านบาท  ไม่รวมทรัพย์ที่เป็นสิ่งของและเงินเก็บภรรยาในสหกรณ์และแบ็งค์แบบราชการ

            ส่วนผมเมื่อไม่มีเงินเก็บและคงเก็บเงินไม่ได้ตามเป้า เพราะต้องจ่ายเพิ่มให้กับแม่ จึงต้องลงทุนเพิ่ม ในอายุจะ 58 ปีเพื่อผลักให้เกิดเงินหลังเกษียน จาก 10,000 บาท เป็นประมาณ 14,000 บาท โดยไม่ต้องทำงานก็ได้

            แต่ผมได้วางโปรเจ็ค ที่ผมเกษียนแล้วยังมีงานทำแบบคนแก่ทำได้ วันละ 2-3 ร้อยบาทไว้แล้ว ในบริเวณรอบบ้านก็ได้แล้ว แต่ถ้าอยากขยาย มีที่ดิน 2.5 ไร อยุทธยา หรือหนองจอก 200 ตารางวา มีรถกระบะพร้อม ดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะเริ่มทำตอนนี้เลยก็ได้แต่ไม่เอา ไปเรื่อยๆ จัดการเรื่องลงทุนจะได้เงินพิ่มตอนเกษียณก่อน  แต่ทดลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำไปก่อนเรียนรู้แบบไม่รีบ ซึ่งเตรียมซื้อหาอุปการณ์ไว้เกือบพร้อมแล้ว เสร็จธุระการลงทุนเพิ่มปัจจุบันก่อน แล้วค่อยว่ากันมีเวลาเหลืออีกมาก ก่อนเกษียณ.

            เป็นอันว่าค่อยยกมาเล่าให้ได้อ่านเพื่อนำไปพิจารณาการวางแผนหลังเกษียณ ในภายหลังในการดำเนินชีวิตแบบไม่ได้หวังรวยเป็นตัวตั้งของคนหนึ่ง แต่สร้างสติสัมปชัญยะ เจริญปัญญาและความรู้แล้วรักษาไว้ จึงไม่ตกต่ำ ดำรงอยู่ได้แม้ในยามยากลำบาก ในชีวิตตอนต้นที่ผ่านมา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่