ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
เกริ่นนำ (เล็กน้อย)

การเดินทางของ “ร้อนเร่า ... เร้าอารมณ์” ในฐานะครบรอบ 10 ปี
ร้อนเร่า ... เร้าอารมณ์ เป็นพล็อตนิยายที่เกิดขึ้นประมาณปี 2548 แต่ได้ออกโลดแล่นจริงๆในปี 2549
1.    ปี 2549 ได้ตีพิมพ์เป็นเรื่องสั้น และนำลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่ต้องปรับโครงเรื่องและเปลี่ยนชื่อเรื่อง
2.    ปี 2550 เขียนโดยใช้ชื่อเดิม เสนอสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง มีการคุยกันพักหนึ่ง แล้วก็ห่างกันไป
3.    ปี 2551 นำลงในพันทิปโดยเข้าใจไปเองว่าคงมีแต่คนอ่านผู้ใหญ่ ตอนนั้นได้รับทั้งดอกไม้และก้อนหิน แต่ต้องยอมรับว่าในครั้งนั้น สามตอนแรกมันก็แรงมากจริงๆ จึงยุติการเขียนในตอนที่ 3 ผู้สนใจสามารถตามอ่านคำวิจารณ์ได้จาก http://topicstock.ppantip.com/writer/topicstock/2008/10/W7139573/W7139573.html
4.    ปี 2552 นำ “ร้อนเร่าเร้าอารมณ์” ไปลงในเว็บเฉพาะกลุ่มเว็บหนึ่งตามคำแนะนำของคนในพันทิปนี่แหละ เขียนไปเขียนมา ก็รู้สึกแปลกๆ คือมีการเรียกร้องให้มีการเพิ่มบทอัศจรรย์ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ คือผมเขียน “ร้อนเร่าเร้าอารมณ์” ในฐานะการตรวจสอบเรื่องเพศ ความรัก ชีวิตและความเป็นมนุษย์ (พอๆกับเขียนนิยายเรื่องนิวตรอนฯเพื่อตรวจสอบความเป็นไปในจักรวาล) ไม่ได้เขียนเพื่อสนองตัณหา ราคะและกามารมณ์ ผมจึงรู้สึกว่าการนำนิยายเรื่องนี้ลงในเว็บเฉพาะกลุ่มยิ่งเป็นการทำลายนิยายเรื่องนี้ จึงถอนตัวออกมา
5.    ปี 2552- 53 มีสำนักพิมพ์หนึ่งสนใจ และเสนอให้ปรับหลายอย่างมากจนตีพิมพ์ได้โดยใช้ชื่ออื่น เป็นการปรับจนกลายเป็นนิยายคล้ายละครหลังข่าวแบบน้ำเน่าสุดๆ
6.    ปี 2553-2555 มีอีกสำนักพิมพ์สนใจแต่ให้ปรับอีกหลายจุด และอยากให้เพิ่มบทอัศจรรย์อีกหลายจุด จนได้มีการตีพิมพ์หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ มีการเปลี่ยนชื่อ ปรับตัวละคร ปรับโครงเรื่องเยอะแยะมากมายก่ายกอง
7.    ปี 2556-2557 มีอีกสำนักพิมพ์อีกที่สนใจ แต่อยากให้ปรับโครงเรื่องและเพิ่มบทอัศจรรย์เข้าไปอีก ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ผมสงสัยมากว่า เขาว่าโครงเรื่องมันแรง แต่อยากให้เพิ่มบทอัศจรรย์ ผมว่ามันขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมากๆเลยนะ จึงห่างๆกันไป
8.    ปี 2558 มีมูลนิธิหนึ่งอยากจัดพิมพ์เพราะเขาบอกว่าโครงเรื่องตรงกับสิ่งที่เขาสนใจ แต่สุดท้ายก็คุยกันไม่รู้เรื่อง
9.    ปี 2559 ผมคิดอยู่นานนะว่าจะปรับจากพล็อตแรกๆเลย แล้วลดความแรงลง ซึ่งน่าจะนำลงในพันทิปได้ คือตอนเป็นเรื่องสั้น มันจะออกประมาณวันที่ 20 ตุลาคม 2549 มาถึงวันนี้ 20 ตุลาคม 2559 พอดี มันก็เดินทางมาครบ 10 พอดี คือผมอยากเผยแพร่เรื่องนี้ในเว็บแบบพันทิปเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของการเดินทางของนิยาย (ที่มีปัญหา) เรื่องนี้ ผมว่า concept ของนิยายเรื่องนี้มันมีคุณค่าบางอย่าง เพียงแต่มันเป็นการตรวจสอบเรื่องเพศ ความรัก และความเป็นมนุษย์ที่ดูหมิ่นเหม่มากไปหน่อย แต่การปรับครั้งนี้ ผมคิดว่าก็น่านำลงได้

แต่ถ้าใครอ่านแล้วไม่สบายใจก็บอกได้นะครับ
การนำลงพันทิปเมื่อปี 51 ทำให้ความเห็นคนแบ่งเป็นสองกลุ่ม แต่ที่จะนำลงครั้งนี้ ได้มีการปรับให้เบาลงแล้ว หวังว่าน่าจะพอไปได้นะครับ
ที่สำคัญ พล็อตเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริงในสังคมบ้านเรานะครับ อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นเรื่องจริง แต่พอจะพูดได้ว่าได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรื่องจริงครับ.



ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 1

ประณตเดินนำบุษบาบัณหรือแต้ม สาวที่จะมาเป็นแบบเปลือยให้นักศึกษาในวันนี้ แต้มอยู่ในชุดเสื้อคลุมที่ทางประณตจัดเตรียมไว้ให้
พอประณตเปิดประตูห้อง นักศึกษาทั้งห้องก็หันมามองแต้มเป็นตาเดียว

----------------------------------------------------------------------------
และเมื่อประตูถูกเปิด ชายหนุ่ม 5 คนต่อมาก็เดินมานั่งในห้องสัมภาษณ์
คณิน หนุ่มที่เป็นอัมพาตท่อนล่างได้มาสัมภาษณ์คนที่มาสมัครเป็นผู้ดูแลเขาด้วยตัวเอง

ผู้ที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์มีด้วยกัน 5 คน รวมคณินด้วย คณินเปิดโอกาสให้อีก 4 คนที่เหลือเป็นผู้สัมภาษณ์ ส่วนตัวเขาจะเป็นผู้สังเกตคนที่มาสมัครงานทุกคน และจะเป็นคนเดียวที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร การเป็นหนุ่มหล่อวัย 22 ปีที่เป็นอัมพาตท่อนล่าง ทำให้ชีวิตในส่วนหนึ่งของเขาเหมือนตายลงไป แต่ชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่งเหมือนกำลังเกิดใหม่อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

ตอนนี้คณินกำลังจ้องมองหนุ่มคนที่ 5 ที่มาสมัครเป็นผู้ดูแลเขา
กรรมการคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “โปรดแนะนำตัวด้วยค่ะ”

--------------------------------------------------------------
ประณตแนะนำแต้มให้นักศึกษาจิตรกรรมชั้นปีที่ 2 ได้รู้จัก

“แต้มอายุ 25 ปี เคยเป็นแบบในต่างประเทศมาก่อน แต้มสนใจงานศิลปะมาก และได้มีโอกาสไปเรียนทางด้านนี้ยังต่างประเทศ ระหว่างเรียนก็รับงานเป็นแบบให้กับบางสถาบันด้วย”

คำรพมองหน้าแต้มอย่างไม่ละสายตา เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยถึงขนาดนี้มาก่อน แต้มสวยมากสำหรับเขา แค่เห็นหน้า เขาเองก็แทบจะทนไม่ไหว ถ้าแต้มต้องถอดเสื้อคลุมและอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า คำรพนึกไม่ออกเลยว่าตัวเขาจะเกิดอาการเช่นไร

ประณตย้ำให้นักศึกษาของเธอได้ตระหนักถึงความสำคัญในวันนี้

“วิชาวาดเส้นถือว่าสำคัญมาก และการที่จะต้องวาดภาพนู้ดจากแบบจริง นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องผ่านไปให้ได้ ขอให้ทุกคนระลึกเสมอว่าแต้มเปรียบเสมือนครูคนหนึ่งของพวกเธอ ถ้าไม่มีแต้ม พวกเธอก็จะไม่สามารถฝึกฝนฝีมือและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในสายงานของพวกเธอได้เลย”

เมื่อพูดจบ ประณตหันไปพยักหน้าให้แต้ม แต้มค่อยๆปลดผ้าคลุมของเธอออก ทำให้ร่างของเธอเปลือยเปล่า

------------------------------------------------------------------------------
ใจดวงมองร่างเปลือยเปล่าของเธอผ่านกระจก อายุอานามของเธอก็ 33 ปีแล้ว มันมีความหมายอะไรกับเธออีกหรือไม่ เธอยังไม่แน่ใจ เธอมองภาพของตัวเองในกระจก รูปร่างหน้าตาของเธอก็ยังสวยงามอยู่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร การเป็นเจ้าของร้านดวงใจต่อจากมารดา และยังเป็นเจ้าของมูลนิธิดวงใจ ทำให้ตัวเธอเหมือนวางอยู่บนหิ้ง

ร้านดวงใจเป็นร้านผ้าไหมที่มีชื่อเสียงมาก มูลนิธิดวงใจก็ทำประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย ใจดวงเองก็ต้องวางตนเป็นกุลสตรีตั้งแต่เด็กจนอายุ 33 คุณแม่ยังสาวของเธอก็ยังมองว่าใจดวงมาถูกทางแล้ว

“วางตัวแบบนี้ดีแล้วล่ะลูก เราเป็นกุลสตรีที่สูงส่ง อย่าลดตัวและทำให้ตัวเองกลายเป็นหญิงกร้านโลก”

ใจดวงพยายามคิดเสมอว่าเธอเป็นกุลสตรี แต่เป็นกุลสตรีที่ไม่มีใครเอา

การช่วยดูแลร้านและมูลนิธิทำให้เธอไม่ต้องคิดเรื่องพวกนั้นไปได้ เธอน่าจะอยู่บนหิ้งและเป็นที่ชื่นชมอีกนานเท่านานจนอายุ 40, 50 จนถึง 60 ปี และก็คงตายซากอยู่บนหิ้ง จนสุดท้ายคงกลายเป็นที่เชิดชูบูชา

วันนี้ใจดวงใส่ชุดผ้านุ่งยาวจรดพื้นกับเสื้อแบบไทยๆเดินลงมาจากชั้นบนไปยังร้าน พอดูความเรียบร้อยของร้านแล้ว เธอก็ไปดูความเรียบร้อยของการก่อสร้างตึกใหม่ของมูลนิธิ

เธอดูเหมือนคนขยันที่ไปตรวจงานก่อสร้างแต่เช้า แต่ในความเป็นจริง เธอชอบที่จะไปตรงนั้นด้วยเหตุผลอื่น
ช่วงเช้าๆแถวๆนั้น กรรมกรก่อสร้างเริ่มทำงานของพวกเขา

กล้ามกำยำกับหุ่นบึกบึนทำให้เธอเกิดอารมณ์บางอย่าง มันเป็นภาพที่น่าติดตามมาก
รถผู้รับเหมาแล่นเข้ามา เสียงเครื่องยนต์ทำลายสมาธิของเธอ

ผู้รับเหมาเปิดประตูรถ ...

---------------------------------------------------------
พยัพเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่แล้วปิดประตูรถ

“ไปแถวพระรามเก้าครับ”

คนขับรถหนุ่มใหญ่วัย 55 ปี ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อรถแล่นไประยะหนึ่ง คนขับเอ่ยออกมา

“พักอยู่แถวพระรามเก้าเหรอ”

“ครับ ผมอยู่หอพักแถวนั้นครับ” พยัพตอบออกไป

“เรียนปีไหนแล้วล่ะ”

“ปีสองครับ”

“เป็นคนกรุงเทพเหรอ”

“เปล่าครับ เป็นคนชลบุรีครับ”

“อ๋อ”

แล้วในรถแท็กซี่ก็ตกอยู่ในความเงียบ จนคนขับทำลายความเงียบ

“มีแฟนหรือยังล่ะ”

“ยังครับ ผมไม่รีบ” พยัพพูดไปยิ้มไปด้วยความเขิน

“ยังไม่เคยล่ะสิ”

พยัพยิ้มๆ “มีบ้างครับ”

และคำถามที่พยัพนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินก็อุบัติขึ้น

“แล้วเคยมีอะไรกับผู้ชายรึเปล่า”

พยัพทำหน้าเครียด

“ทำไมถามผมอย่างนี้ล่ะครับ หรือว่าพี่ ...”

“อ๋อ พี่เองแต่งงานจนมีลูกสามคนแล้ว แต่ช่วงเนี่ย นกเขาพี่มันไม่ขัน พี่สงสารแฟนพี่ เลยคิดที่จะหาอะไรที่มันตื่นเต้นทำ เช่น การมีอะไรกับนักศึกษาหนุ่มๆ อย่าง ... น้อง มันอาจทำให้นกเขาของพี่ขันขึ้นมาบ้างก็ได้ มันคงทำให้แฟนพี่มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม”

ความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง

------------------------------------------------------------------
ในห้องเงียบมาก ทุกคนตั้งใจกับการสเก็ตซ์ภาพ คำรพตื่นเต้นมาก

ทิศที่แต้มนั่งหันตรงมาทางเขาพอดี แต้มอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มองมาทางเขา จุดโฟกัสที่เธอมอง น่าจะเป็นเก้าอี้ที่เขานั่ง
คำรพตื่นเต้นกับเรือนร่างอันงดงามของแต้ม แต้มโพสต์ท่าเป็นมืออาชีพมาก เธอนั่งไขว้ขาเล็กน้อย ผมยาวประบ่า แต่เธอไม่ได้ปิดหน้าอกของเธอ ทำให้คำรพเห็นหน้าอกของเธออย่างชัดเจน

ภาพที่เห็นมันทำให้บางสิ่งบางอย่างในร่างกายเขาค่อยๆเคลื่อนไหว
สนั่น เพื่อนรักของเขาสังเกตเห็นอาการของคำรพทุกอย่าง เขาได้ใช้เท้าสะกิดขาของคำรพ
ทำให้คำรพหันไปมองเขา สนั่นพูดแบบให้คำรพอ่านปากเขา มันเป็นการอ้าปากที่ไม่มีเสียงออกมา

“ข้างหน้า ครูนะโว้ย”

คำพูดเตือนสติของสนั่นทำให้คำรพข่มใจได้ และทำให้สิ่งนั้นสงบลง

สนั่นทำทีหันไปมองแบบ แล้วสเก็ตซ์งานของตัวเอง แล้วก็หันไปมองคำรพเป็นระยะๆ
สนั่นคิดในใจว่า “ถ้าแบบเปลือยเป็นคำรพก็คงดี”
ตอนนั้นมีคนเปิดประตูห้องออกมา

-------------------------------------------------------------------
ผู้รับเหมาลงมาจากรถ เขาดีใจมากที่เห็นใจดวงอยู่ตรงนั้น
ตอนนั้นใจดวงหันไปคุยกับเขาแล้วก็รู้สึกหน้ามืด

ใจดวงบอกผู้รับเหมาขอตัวไปหาหมอ แล้วก็สั่งคนรถให้เอารถออก

ใจดวงสั่งให้คนรถขับไปจอดที่ตึกที่เธอสั่งให้เขามาจอดบ่อยๆ

เธอลงจากรถโดยมีกระเป๋าและถุงถือติดมือไปด้วย แล้วเธอก็ไปเข้าห้องน้ำในตึกนั้น เปลี่ยนชุดเป็นชุดเสื้อกางเกงนำสมัย แต่งหน้าจัดแล้วสวมวิก พอออกจากห้องน้ำ เธอเดินออกไปตรงทางเชื่อมเพื่อไปอีกตึกนึง

เธอเดินมาจนมาถึงร้านหนังสือร้านนึงที่เธอมาค่อนข้างบ่อยในช่วงหลังๆ เธอเดินลึกเข้าไปตรงซอกที่มีหนังสือประโลมโลกที่มีหน้าปกเป็นภาพวาดนางเอกแสนสวยกับพระเอกหล่อล่ำที่โชว์แผงอก เธอซื้อหนังสือไปสองถึงสามเล่ม

พอซื้อหนังสือเสร็จ เธอก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่มุมตึก จ้องมองหนังสือพวกนั้น เธอรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันเหมือนหาทางออกไม่เจอ เธอจึงเลือกเดินไปบนชั้นที่กำลังมีนิทรรศการศิลปะ

เดินไปเดินมาสักพัก ใจดวงไปเห็นป้ายประกาศที่กำลังตามหานางแบบนู้ดที่จะมาทำงานทางศิลปะโครงการใหญ่
ใจดวงปิ๊งบางอย่างขึ้นมาในหัว เธอซื้อโปสการ์ดภาพนู้ดจำนวนหนึ่งมานั่งดูรูป ...

--------------------------------------------------------------
หลังจากเลือกดูรูปเสร็จแล้ว คณินปิ๊งกับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วเหมือนกับนักกีฬา หน้าตาก็ดูดี เขาพอจะจำได้ว่าหนุ่มคนนี้พูดคุยอะไรบ้างตอนสัมภาษณ์ เขาหันไปดูชื่อของพ่อหนุ่มคนนี้แล้วหันไปบอกเลขาของเขา

“ผมเลือกพิภพครับ”

โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่