บันทึก .. ถึงพ่อหลวง

ในหลวง .. ท่านเป็นใคร ?

.. ทำไมทุกคนต้องกราบไหว้และรักท่านกันมากมายขนาดนี้ ในสมัยเด็กนี่คงเป็นหนึ่งในคำถามที่คาใจว่าบุคคลเพียงคนเดียวนี้ทำไมถึงมีแต่คนให้ความสำคัญ เทิดทูนและยกย่องเหนือหัว

.. เมื่อเราโตขึ้นได้เรียนรู้ในสิ่งที่ท่านทำ ได้เห็นว่าท่านเป็นนักคิดนักพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่เคยมีคำว่าหยุดพักในขณะที่ประชาชนของท่านยังลำบากในหลายพื้นที่ ยิ่งอ่านประวัติยิ่งเข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องรักผู้ชายคนนี้ คนที่คนไทยทั้งประเทศเรียกว่า "พ่อ"

.. เมื่อยังเยาว์วัยเราไม่เคยรู้ว่าพ่อของเรามีนัยน์ตาที่ใช้งานได้เพียงข้างเดียว เมื่อเราได้รู้คำถามที่ตามมาคือ ท่านทรงงานหนักขนาดนี้ได้ยังไง ? โดยที่ไม่เคยบ่นเหนื่อยและไม่เคยหยุดพัก ในขณะที่เรามีตาที่สมบูรณ์ทั้งสองข้าง ทำงานมีวันหยุดพักผ่อนเรายังรู้สึกเหนื่อยกับปัญหาที่เข้ามา แล้วพ่อต้องแบกรับปัญหาของประชาชนคนไทยทั้งประเทศไว้บนบ่าด้วยนัยน์ตาเพียงข้างเดียว พ่อทำได้ยังไง ? สายตาของพ่อเป็นสายตาที่มองการณ์ไกล สายตาของพ่อคอยสอดส่องมองทุกปัญหาและคอยแก้ไข สายตาที่อบอุ่นกับรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นทำให้เราอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้เห็น

.. พ่อเป็นคนอารมณ์ดีและมักมีอารมณ์ขันเสมอ เราจะเห็นได้จากบทความต่าง ๆ ที่บรรยายถึงอารมณ์ขันของพ่อ เช่น เรื่องเล่าจากในวัง หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาส เราชอบอ่านบทความพวกนี้เพราะทำให้เราได้รู้จักพ่อมากขึ้น

.. สิ่งที่ได้อ่านทำให้รู้ว่าพ่อเป็นคนที่ไม่ถือยศถือศักดิ์ ทำตัวติดดินเฉกเช่นราษฎรทั่วไปแม้ว่าตนเองเป็นกษัตริย์ แต่ก็ขับรถไปไหนมาไหนเอง นั่งบนดินกินบนพื้น แม้พบเจอกับชาวบ้านที่ไม่รู้ว่าท่านคือใคร ท่านก็สนทนาแบบปกติทั่วไปไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองชาวบ้านเหล่านั้น

.. พ่อบุกเบิกทุกผืนดินผืนป่าและผืนน้ำเพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงต่าง ๆ ให้บรรดาลูกหลานได้อยู่สุขสบาย ไม่มีดินแห่งใดที่พ่อไม่ย่ำ ไม่มีน้ำสายใดที่พ่อไปไม่ถึง ผืนแผ่นดินไทยทุกหนแห่งมีแต่รอยเท้าของพ่อที่หวังรอให้ลูกก้าวตามรอยเท้านั้น

.. ตั้งแต่เล็กจนโตเราได้รับรู้เรื่องราวของพ่อมากมายชนิดที่ทั้งชีวิตก็บรรยายไม่หมด ผู้ชายที่เราไม่เคยได้เจอคนนี้แต่ทำให้เรารักได้สุดหัวใจ คำสอนของพ่อและรอยเท้าของพ่อเราอาจทำตามได้ไม่หมด เพราะเราก็คือมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่ยังคงมีกิเลสในใจ แต่เราก็จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด

.. สิ่งที่ได้ทำ สิ่งที่ทำได้ คือการจดจำในทุกเรื่องราว ทุกการกระทำของพ่อไว้ในใจ ฉันไม่ได้เป็นนักเขียนบทความมืออาชีพ แต่ฉันคือนักเขียนอิสระที่นึกอยากจะเขียนอะไรก็เขียนตามใจตัวเอง ฉันรู้ว่าตัวเองมีความสามารถด้านไหน พรสวรรค์และพรแสวงที่มีคือการเรียบเรียงถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจ แม้ไม่สวยหรูและดีที่สุดแต่มีความตั้งใจและจริงใจที่สุด

.. บทความนี้ฉันเขียนเพื่อให้ตัวเองได้ย้อนระลึกถึงพ่อ ว่าฉันโชคดีมากเพียงใดที่ได้เกิดในสมัยรัชกาลที่ 9 มีพ่อที่ทำงานเพื่อราษฎรนานถึง 70 ปี ทำงานจนวาระสุดท้ายของชีวิต พ่อที่อุทิศตนทั้งแรงกายแรงใจเพื่อประเทศชาติ พ่อที่ใกล้ชิดประชาชนอย่างไม่ถือตัว ฉันชอบรูปที่พ่อโน้มตัวลงมารับไหว้หญิงชราที่มารอรับเสด็จมากที่สุด แต่ในวันนี้ .. ฉันไม่มีพ่ออีกแล้ว

"ไม่มีแล้ว"

ไม่มีแล้ว .. ราชาสามัญชน
กษัตริย์ที่ทำตนเยี่ยงคนธรรมดา

ไม่มีแล้ว .. รอยยิ้มเหลือเพียงน้ำตา
เมื่อพ่อจากลาทิ้งไว้แต่ความอาลัย

ไม่มีแล้ว .. พ่อจ๋าพ่อของลูก
แม้ไม่มีสายเลือดผูกสมัครรักใคร่

ไม่มีแล้ว .. ร่มโพธิ์ .. ร่มไทร
ที่คอยปัดเป่าโภยภัยให้บ้านเรา

ไม่มีแล้ว .. พ่อที่คอยสั่งสอน
จากนี้ทุกตอนขอเดินตามรอยเท้า

ไม่มีแล้ว .. เหลือเพียงแค่ภาพเงา
ทุกเรื่องราวลูกจดจำไว้ในใจ

ไม่มีแล้ว .. วันนี้ไม่มี .. "พ่อ"
น้ำตาคลอมือประนมก้มกราบไหว้

ขอน้อมส่งพ่อ .. สู่สวรรคาลัย
กษัตริย์ของไทย .. พ่อของแผ่นดิน

** วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 2559 เวลา 15.52 น. **

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมกราบแทบเบื้องพระยุคลบาท ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยความอาลัยรักและจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้ #ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.สุภาพรและครอบครัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่