นี่ฉันคือคน 2 แผ่นดินแล้วหรือนี่.....
ในยุคที่ผู้คนแทบจะไม่หันหน้ามาคุยกัน ในยุคที่มีแต่ความสะดวกสบาย ฉันได้ทราบได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากสื่อที่เห็นจนชินตา หลากหลายกระแสข่าวที่เข้าหูทำให้ฉันต้องทำใจอยู่หลายครั้ง แต่มันก็เป็นข่าวหลอกเสมอ ตลอดทั้งชีวิตฉัน ฉันคิดเสมอว่า อย่างไรเสีย ฉันไม่มีทางได้อยู่ถึงรัชกาลที่ 10 แน่ เพราะโลกเดี๋ยวนี้เป็นตายง่ายเหลือเกิน ง่ายกว่าจะหายใจเข้าออกในแต่ละวันเสียอีก จนเช้าของวันนี้ (13 ตุลาคม 2559) หน้าเฟสบุค หรือIG ผู้คนโพสพระบรมฉายาลักษณ์กันเต็มไปหมด ส่งใจ สวดมนต์เพื่อส่งให้ถึงในหลวง ผู้เป็นดวงใจของพวกเรา ฉันพยายามไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ภายใต้จิตสำนึกลึกๆ จะรู้ถึงอนาคตอันมืดดำแล้วก็ตาม แต่ก็พยายามมองในแง่ดีว่า มันก็คงเป็นข่าวโคมลอยเดิมๆที่แชร์กันผิดๆ ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างรวดเร็วหลังจากพักเที่ยงได้ไม่กี่ชม. มืดครึ้มจนฉันรู้สึกว่า ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วิฉันยังร็สึกว่าท้องฟ้ายังคงสดใสอยู่ เงยหน้ามาอีกครั้งทำไมมืดมิดอย่างรวดเร็ว ตลอดบ่าย มีข่าวไม่สู้ดีมาเป็นระยะๆ จนในที่สุดแถลงการณ์ก็ออกมา ฉันเพียงแต่นั่งอยู่นิ่งๆ ฟังแถลงการณ์อย่างเงียบๆ หลังจากสิ้นคำว่า"สวรรคต" ฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีก ในสมองมันคิดไปหมดว่า เราเสียของที่รักไปแล้ว มันคือเรื่องจริงแล้วใช่มั๊ย เงยหน้าไปมองรูปที่เราเห็นมาแต่เด็ก แล้วก็พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล กลัวคนอื่นจะมองว่าเราเว่อร์ รู้สึกอะไรนักหนา จนเราได้ยินประโยคสุดท้ายที่นายกพูดคือ "พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ทรงพระเจริญ" ทันใดนั้นจิตใจเราก็เต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก มันแสดงให้เห็นถึงรอยก้าวเดินอีกก้าว ที่มันยิ่งใหญ่ เราเดินทางมาไกลถึงอีกแผ่นดิน แผ่นดินที่ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราเคยคิดว่าเราจะโตไปเป็นผู้ใหญ่ก็หลังจากวัย 30 ความคิดนั้นมันถูกเปลี่ยน ฉันรู้สึกโตขึ้นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกต้องเข้มแข็ง ต้องมีความคิด ต้องอยู่ให้ได้ ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดอีกกี่ครั้ง ความตายไม่ปรานีให้ใครเห็นจะจริงเสียแล้ว แม้แต่ในหลวงที่ทรงสูงศักดิ์ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ แะพสกนิกรที่จงรักภักดี ยังถึงวาระสุดท้ายได้ เราเองจะต้องเหลืออะไรให้คิดมาก คิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด อวสานสุดท้าย คงไม่พ้นความตาย ต่างกันแต่เพียง เราจะตายแล้วให้คนเสียใจ คนสวดมนต์ คนทำบุญไปให้ หรือจะตายแบบให้คนสาปแช่ง คนดีใจก็เท่านั้น ... ขอบคุณฟ้าที่ทำให้เราได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินที่มั่นคงให้เราได้อยู่จนทุกวันนี้ ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้จักพ่อหลวง ... ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด แต่อย่างน้อย ก็ได้เป็นข้าแผ่นดิน เกิดใต้ร่มพระบารมีของในหลวง ถึงแท้ในวันนี้จะไม่มีพระองค์อีกต่อไปแล้ว แต่ข้าพระพุทธเจ้าจะขอจงรักภักดีต่อราชวงค์จักรี สืบไปถึงลูกหลานจนร่างกายเป็นเถ้าธุลีดิน
นี่ฉันเป็นคนสองแผ่นดินแล้วหรือนี่....??(น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย)
ในยุคที่ผู้คนแทบจะไม่หันหน้ามาคุยกัน ในยุคที่มีแต่ความสะดวกสบาย ฉันได้ทราบได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากสื่อที่เห็นจนชินตา หลากหลายกระแสข่าวที่เข้าหูทำให้ฉันต้องทำใจอยู่หลายครั้ง แต่มันก็เป็นข่าวหลอกเสมอ ตลอดทั้งชีวิตฉัน ฉันคิดเสมอว่า อย่างไรเสีย ฉันไม่มีทางได้อยู่ถึงรัชกาลที่ 10 แน่ เพราะโลกเดี๋ยวนี้เป็นตายง่ายเหลือเกิน ง่ายกว่าจะหายใจเข้าออกในแต่ละวันเสียอีก จนเช้าของวันนี้ (13 ตุลาคม 2559) หน้าเฟสบุค หรือIG ผู้คนโพสพระบรมฉายาลักษณ์กันเต็มไปหมด ส่งใจ สวดมนต์เพื่อส่งให้ถึงในหลวง ผู้เป็นดวงใจของพวกเรา ฉันพยายามไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ภายใต้จิตสำนึกลึกๆ จะรู้ถึงอนาคตอันมืดดำแล้วก็ตาม แต่ก็พยายามมองในแง่ดีว่า มันก็คงเป็นข่าวโคมลอยเดิมๆที่แชร์กันผิดๆ ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างรวดเร็วหลังจากพักเที่ยงได้ไม่กี่ชม. มืดครึ้มจนฉันรู้สึกว่า ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วิฉันยังร็สึกว่าท้องฟ้ายังคงสดใสอยู่ เงยหน้ามาอีกครั้งทำไมมืดมิดอย่างรวดเร็ว ตลอดบ่าย มีข่าวไม่สู้ดีมาเป็นระยะๆ จนในที่สุดแถลงการณ์ก็ออกมา ฉันเพียงแต่นั่งอยู่นิ่งๆ ฟังแถลงการณ์อย่างเงียบๆ หลังจากสิ้นคำว่า"สวรรคต" ฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีก ในสมองมันคิดไปหมดว่า เราเสียของที่รักไปแล้ว มันคือเรื่องจริงแล้วใช่มั๊ย เงยหน้าไปมองรูปที่เราเห็นมาแต่เด็ก แล้วก็พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล กลัวคนอื่นจะมองว่าเราเว่อร์ รู้สึกอะไรนักหนา จนเราได้ยินประโยคสุดท้ายที่นายกพูดคือ "พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ทรงพระเจริญ" ทันใดนั้นจิตใจเราก็เต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก มันแสดงให้เห็นถึงรอยก้าวเดินอีกก้าว ที่มันยิ่งใหญ่ เราเดินทางมาไกลถึงอีกแผ่นดิน แผ่นดินที่ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราเคยคิดว่าเราจะโตไปเป็นผู้ใหญ่ก็หลังจากวัย 30 ความคิดนั้นมันถูกเปลี่ยน ฉันรู้สึกโตขึ้นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกต้องเข้มแข็ง ต้องมีความคิด ต้องอยู่ให้ได้ ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดอีกกี่ครั้ง ความตายไม่ปรานีให้ใครเห็นจะจริงเสียแล้ว แม้แต่ในหลวงที่ทรงสูงศักดิ์ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ แะพสกนิกรที่จงรักภักดี ยังถึงวาระสุดท้ายได้ เราเองจะต้องเหลืออะไรให้คิดมาก คิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด อวสานสุดท้าย คงไม่พ้นความตาย ต่างกันแต่เพียง เราจะตายแล้วให้คนเสียใจ คนสวดมนต์ คนทำบุญไปให้ หรือจะตายแบบให้คนสาปแช่ง คนดีใจก็เท่านั้น ... ขอบคุณฟ้าที่ทำให้เราได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินที่มั่นคงให้เราได้อยู่จนทุกวันนี้ ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้จักพ่อหลวง ... ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด แต่อย่างน้อย ก็ได้เป็นข้าแผ่นดิน เกิดใต้ร่มพระบารมีของในหลวง ถึงแท้ในวันนี้จะไม่มีพระองค์อีกต่อไปแล้ว แต่ข้าพระพุทธเจ้าจะขอจงรักภักดีต่อราชวงค์จักรี สืบไปถึงลูกหลานจนร่างกายเป็นเถ้าธุลีดิน