ต้นป่านศรนารายณ์ รอยต่อของชีวิต

รอยต่อของชีวิต

นานๆครั้งผมจะเขียนเรื่องอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับมีด วันนี้ก็เป็นอีกทีนึง จะเล่าให้ฟังถึงต้นไม้ธรรมดาๆ ต้นป่านศรนารายณ์หรือพวกอากาเว่ ที่บ้านผมมีไม้จำพวกนี้หลายชนิดไม่ใช่ว่าผมชอบมันเป็นพิเศษแต่เพราะมันปลูกแล้วไม่ค่อยตาย ความแห้งแล้งไม่อาจพรากมันไปจากผมได้ มันจึงเติบโตงอกงามแบ่งปันโลกในด้านรื่นรมณ์ให้ผมได้สัมผัส

วันนี้ผมได้เห็นมันออกดอก ปรกติก็เคยเห็นนานๆครั้งที่ไม้พวกนี้จะออกดอก นั่นหมายถึงวาระสุดท้ายของต้นนั้นๆได้มาถึงแล้ว ไม่ว่ามันจะสวยงามปานใดได้รับการทะนุถนอมเพียงไหนวันนึงมันก็จะต้องตาย หลังการใช้ชีวิตทรหดอดทนต่อสู้ความร้อนแล้งมาอย่างยาวนานจะถึงจุดๆนึงที่มันจะไปต่อไม่ได้ บางต้นก็แห้งเหี่ยวไปเฉยๆและบางต้นก็ออกดอก เช่นต้นนี้ ต้นใหญ่ที่สุดที่ผมมี

ปรกติแล้วต้นอากาเว่มันก็ขยายพันธุ์หรือเพิ่มจำนวนจากการแตกแขนงอยู่แล้ว คือถ้าเราปลูกต้นมันไว้ต้นนึงพอมันโตขึ้นรอบๆของต้นก็จะมีต้นเล็กๆเกิดขึ้นตามมา เป็นกอหรือชุมชนของต้นอากาเว่ แต่บางครั้งมันก็ขยายพันธุ์ด้วยวิธีพิเศษ ในโอกาสพิเศษ คือมันออกดอกเป็นลำตรงขึ้นสู่ฟากฟ้าเหมือนๆลำไผ่ สูงขึ้นไปไกลจากพื้นดินแล้วก็ออกดอกไล่กันเป็นชั้นๆ และที่ดอกของมันจะกลายเป็นต้นอ่อน รอวันร่วงลงสู่ผืนดิน ไม่ใช่ลงไปเพื่อความตายแต่เป็นการกำเนิดของชีวิตใหม่ ชีวิตเล็กๆ

ป่านศรนารายณ์ รู้ตัวไหมว่ามันจะต้องตายเพราะการออกดอกหรือรู้ตัวว่ามันกำลังจะตายมันเลยออกดอก หรือมันจะต้องออกดอกไม่ว่ามันจะเป็นหรือจะตาย บางทีที่เราคิดว่ามันจะตายในมุมมองของมนุษย์แต่สำหรับป่านศรนารายณ์มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนการเกิดใหม่บางทีมันก็ไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นรอยต่อของชีวิต

ต้นอากาเว่ที่โตเต็มวัยหรือจะเป็นต้นที่สูงวัยจนเกือบสิ้นอายุไขแล้วก็ไม่รู้ ผมดูไม่เป็น ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับต้นไม้พวกนี้มากนัก สิ่งที่ผมทำคือเฝ้ามองดูมัน เฝ้ามองความเป็นไปของมันที่ผสมผสานกับความเป็นไปของจักรวาล มันอยู่ที่นั่นไม่มีทางไปไหน เฝ้ารอการเยี่ยมเยือนด้วยสายตาจากทุกชีวิตที่ผ่านเข้ามา เมื่อมันออกดอกมันสวยงามที่สุด ผมรู้สึกอย่างนั้นและเข้าใจว่าต้นไม้ที่เป็นสิ่งมีชีวิตก็รับรู้ได้ถึงความงามชนิดนั้นเหมือนกัน ชีวิตและจิตวิญญาณมีด้วยกันหลายประเภท มีขันธ์ห้าขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว มีขันธ์สี่ขันธ์ กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี

เหมือนจั๊กจั่นตัวน้อยอยู่ในดินเป็นสิบปี เพื่อขึ้นมาลอกคราบและผสมพันธุ์วางไข่ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงเจ็ดวัน ต้นอากาเว่ก็เหมือนกันมันอยู่มาเป็นสิบๆปีและเมื่อถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมันเลือกที่จะออกดอก สร้างชีวิตใหม่ต้นเล็กๆที่เติบโตขึ้นมาด้วยพลังในการมีชีวิตอยู่ในช่วงสุดท้าย มันใช้เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์อากาเว่ไม่ให้สูญสลาย ผมเชื่อว่าในวันที่ต้นไม้เล็กๆซึ่งเป็นลูกของมันหยั่งรากลงไปในดิน ต้นเดิมหรือแม่ของมันจะรู้สึกได้

ต้นใหม่เริ่มใช้ชีวิต ต้นเก่าก็ไม่ได้หายไปไหน มันยังเป็นส่วนนึงของกันและกัน ใช้โอกาสในการมีชีวิตครั้งใหม่ร่วมกัน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของความสวยงาม จากจุดกำเนิดอันยืดยาวหาต้นหาปลายไม่ได้

ขอบคุณสำหรับความงามที่ผ่านมา ความงามที่เป็นอยู่ในเวลานี้ และความงามที่จะรับรู้ได้ในวันต่อๆไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่