สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก สามารถตามอ่านตาม link ด้านล่างได้เลยครับ
365 วันในอังกฤษ - EP-1 เมื่อฉันไปเรียนต่อปริญญาโท
>>>>>>
http://ppantip.com/topic/35668426
"ท่องเที่ยว"
อย่างที่เราเล่าให้ฟังไปในตอนแรก ช่วงไหนที่เราว่างจากการเรียน และ งาน เราจะหาเวลาไปเที่ยวในอังกฤษและยุโรปตลอด
บางคนอาจสงสัยว่า ใน 1 ปี ไหนจะต้องเรียน ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องทำ Thesis จะเอาเวลาไหนไปเที่ยว
เป็นไปได้ครับ ถ้าเรารู้จักบริหารจัดการเวลา มี commitment ที่ดีกับตัวเองเรื่องการทำงาน
เราต้องรู้จักวางเป้าหมายไว้ตลอด ว่าในแต่ละวัน progress ของงานเราจะต้องทำถึงไหน
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่า ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำ
คิดซะว่า ถ้าไม่ทำวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ต้องทำอยู่ดี
วิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดที่จะเอาชนะความขี้เกียจ คือ " เริ่มลงมือทำ"
ไม่ใช่แค่กับเรื่องงานอย่างเดียว แต่ใช้ได้กับทุกเรื่อง
เรามีความฝันไว้ว่ายังไงกับชีวิต เราอยากทำอะไร อยากไปเที่ยวไหน
อย่าปล่อยให้มันเป็นแค่ความคิดลอยๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ลงมือทำอะไร
ถ้าเราไม่เริ่มทำซะที สิ่งที่เราฝันไว้ มันก็ไม่มีวันเป็นจริง
เอาล่ะเราก็เวิ่นเว้อ ออกทะเลมามากพอแล้ว มาเข้าเรืองกันดีกว่า
ในพาร์ทนี้เราจะไม่ได้เขียนรีวิวเป็นทริปยาวๆ แบบ เที่ยวยุโรป 8 เมือง 4 ประเทศอะไรทำนองนี้
แต่เราจะเขียนเล่าเป็นเมืองๆไป
เรามาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย
1. Munich
สถาณที่เที่ยว
1.Marienplatz
2.Neues Rathaus
3.Frauenkirche
4.St. Peter's Church
5.Biergarten Viktualienmarkt
6.Hofgaten
7.Munich Residenz
8.Hofbrauhaus
9.Allianz Arena
10.BMW Welt and BMW Museum
บ่ายแก่ๆ ณ เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเลีย เสียงล้อเครื่องบินที่เสียดสีกับพื้นรันเวย์ พร้อมกับเสียงกับตัน ประกาศว่า เราได้เดินทางมาถึงเมือง “ มิวนิค” แล้ว
หลังจากผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เหลือบไปมองนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าๆ จะถึงเวลานัดพบ ว่าแล้วก็หยิบกล้องคู่ใจที่พึ่งแกะกล่องใหม่ๆขึ้นมา
“ เอาวะไหนๆก็ว่างแล้ว ลองฝึกใช้กล้องถ่ายรูปเล่นๆในสนามบินละกัน”
“ Currywurst ” อาหารขึ้นชื่อของเยอรมันที่ไม่ควรพลาด ไส้กรอกร้อนๆ กับ curry ข้นๆ ท่ามกลางอากาศ 10 องศากว่าๆ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับทานรองท้องเพื่อฆ่าเวลา
สำหรับใครที่พึ่งออกมาจากสนามบิน และอยากหาอะไรทานรองท้อง แนะนำให้ลองไปทานร้านนี้ดูครับ ตัวร้านจะอยู่ลานกว้างหน้า terminal 2 ของสนามบิน munich เลยครับ นอกจากนี้ใกล้ๆก็ยังมี edeka เป็น convenience store (คล้ายๆ lotus บ้านเรา) ซึ่งเป็น store ที่ใหญ่มาก มีอาหาร, ขนมขบเคี้ยว, อาหารfreeze เครื่องดื่ม เบียร์ให้เลือกมากมายเต็มร้าน คือเป็น shop ที่ใหญ่มากจริงๆ และเบียร์ราคาถูกมา erdinger ขวดนึงไม่ถึง 1 ยูโร
>> ขอเท้าความเกริ่นสักเล็กน้อย ว่าแคว้นบาวาเลียในเยอรมันเป็นแหล่งผลิตเบียร์ และมีมิวนิคเป็นเมืองหลวง ดังนั้นจริงๆมีเบียร์หลายยี่ห้อมาก และราคาถูกเว่อออ ( ประมาณ 1 ยูโร ) สำหรับใครที่ชอบทานเบียร์ก็แนะนำให้ลองหลายๆยี่ห้อดูครับ ภาพด้านล่างคือเบียร์ที่เราและเพื่อนอีกสองคน ใช้เวลาสองเดือนในการลองเบียร์ทุกยี่ห้อ ( ส่วนใหญ่เพื่อนกินมากกว่า) ภาพอาจไม่ชัดเท่าไร แต่อยากแนะนำว่าใครมีโอกาสได้ไปมิวนิค ต้องลองทานเบียร์สักครั้งหนึ่ง คือมันเป็น signature ของเมืองนีเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆคือคนเยอรมันที่นี่ที่เรารู้จักวันนึงกินเบียร์มากกว่าน้ำ คือพี่แกกินวันละ 6 ขวด = = ( ขวดนึงประมาณ 500-600 ml )
สำหรับเรา เบียร์ยี่ห้อที่เราชอบมากที่สุดในมิวนิค และกินบ่อยที่สุดคือยี่ห้อ Augustiner (ตอนไปฝึกงานคนท้องถิ่นที่มิวนิคก็แนะนำเราว่าตัวนี้เด็ดสุด )
สำหรับวันแรก ก็ไม่มีไรมาก เพื่อนเรามาถึงก็เย็นแล้ว เรากับเพื่อนจริงนั่งจัดเบียร์คนละขวดนั่งกินกันชิวๆที่สนามบิน คุยสัพเพเหระตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ก่อนที่จะเดินทางไปที่พัก
[CR] 365 วันในอังกฤษ : EP-2 นครหลวงแห่งแคว้นบาวาเลีย - มิวนิค
365 วันในอังกฤษ - EP-1 เมื่อฉันไปเรียนต่อปริญญาโท
>>>>>> http://ppantip.com/topic/35668426
"ท่องเที่ยว"
อย่างที่เราเล่าให้ฟังไปในตอนแรก ช่วงไหนที่เราว่างจากการเรียน และ งาน เราจะหาเวลาไปเที่ยวในอังกฤษและยุโรปตลอด
บางคนอาจสงสัยว่า ใน 1 ปี ไหนจะต้องเรียน ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องทำ Thesis จะเอาเวลาไหนไปเที่ยว
เป็นไปได้ครับ ถ้าเรารู้จักบริหารจัดการเวลา มี commitment ที่ดีกับตัวเองเรื่องการทำงาน
เราต้องรู้จักวางเป้าหมายไว้ตลอด ว่าในแต่ละวัน progress ของงานเราจะต้องทำถึงไหน
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่า ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำ
คิดซะว่า ถ้าไม่ทำวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ต้องทำอยู่ดี
วิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดที่จะเอาชนะความขี้เกียจ คือ " เริ่มลงมือทำ"
ไม่ใช่แค่กับเรื่องงานอย่างเดียว แต่ใช้ได้กับทุกเรื่อง
เรามีความฝันไว้ว่ายังไงกับชีวิต เราอยากทำอะไร อยากไปเที่ยวไหน
อย่าปล่อยให้มันเป็นแค่ความคิดลอยๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ลงมือทำอะไร
ถ้าเราไม่เริ่มทำซะที สิ่งที่เราฝันไว้ มันก็ไม่มีวันเป็นจริง
เอาล่ะเราก็เวิ่นเว้อ ออกทะเลมามากพอแล้ว มาเข้าเรืองกันดีกว่า
ในพาร์ทนี้เราจะไม่ได้เขียนรีวิวเป็นทริปยาวๆ แบบ เที่ยวยุโรป 8 เมือง 4 ประเทศอะไรทำนองนี้
แต่เราจะเขียนเล่าเป็นเมืองๆไป
เรามาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย
1. Munich
สถาณที่เที่ยว
1.Marienplatz
2.Neues Rathaus
3.Frauenkirche
4.St. Peter's Church
5.Biergarten Viktualienmarkt
6.Hofgaten
7.Munich Residenz
8.Hofbrauhaus
9.Allianz Arena
10.BMW Welt and BMW Museum
บ่ายแก่ๆ ณ เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเลีย เสียงล้อเครื่องบินที่เสียดสีกับพื้นรันเวย์ พร้อมกับเสียงกับตัน ประกาศว่า เราได้เดินทางมาถึงเมือง “ มิวนิค” แล้ว
หลังจากผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เหลือบไปมองนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าๆ จะถึงเวลานัดพบ ว่าแล้วก็หยิบกล้องคู่ใจที่พึ่งแกะกล่องใหม่ๆขึ้นมา
“ เอาวะไหนๆก็ว่างแล้ว ลองฝึกใช้กล้องถ่ายรูปเล่นๆในสนามบินละกัน”
“ Currywurst ” อาหารขึ้นชื่อของเยอรมันที่ไม่ควรพลาด ไส้กรอกร้อนๆ กับ curry ข้นๆ ท่ามกลางอากาศ 10 องศากว่าๆ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับทานรองท้องเพื่อฆ่าเวลา
สำหรับใครที่พึ่งออกมาจากสนามบิน และอยากหาอะไรทานรองท้อง แนะนำให้ลองไปทานร้านนี้ดูครับ ตัวร้านจะอยู่ลานกว้างหน้า terminal 2 ของสนามบิน munich เลยครับ นอกจากนี้ใกล้ๆก็ยังมี edeka เป็น convenience store (คล้ายๆ lotus บ้านเรา) ซึ่งเป็น store ที่ใหญ่มาก มีอาหาร, ขนมขบเคี้ยว, อาหารfreeze เครื่องดื่ม เบียร์ให้เลือกมากมายเต็มร้าน คือเป็น shop ที่ใหญ่มากจริงๆ และเบียร์ราคาถูกมา erdinger ขวดนึงไม่ถึง 1 ยูโร
>> ขอเท้าความเกริ่นสักเล็กน้อย ว่าแคว้นบาวาเลียในเยอรมันเป็นแหล่งผลิตเบียร์ และมีมิวนิคเป็นเมืองหลวง ดังนั้นจริงๆมีเบียร์หลายยี่ห้อมาก และราคาถูกเว่อออ ( ประมาณ 1 ยูโร ) สำหรับใครที่ชอบทานเบียร์ก็แนะนำให้ลองหลายๆยี่ห้อดูครับ ภาพด้านล่างคือเบียร์ที่เราและเพื่อนอีกสองคน ใช้เวลาสองเดือนในการลองเบียร์ทุกยี่ห้อ ( ส่วนใหญ่เพื่อนกินมากกว่า) ภาพอาจไม่ชัดเท่าไร แต่อยากแนะนำว่าใครมีโอกาสได้ไปมิวนิค ต้องลองทานเบียร์สักครั้งหนึ่ง คือมันเป็น signature ของเมืองนีเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆคือคนเยอรมันที่นี่ที่เรารู้จักวันนึงกินเบียร์มากกว่าน้ำ คือพี่แกกินวันละ 6 ขวด = = ( ขวดนึงประมาณ 500-600 ml )
สำหรับเรา เบียร์ยี่ห้อที่เราชอบมากที่สุดในมิวนิค และกินบ่อยที่สุดคือยี่ห้อ Augustiner (ตอนไปฝึกงานคนท้องถิ่นที่มิวนิคก็แนะนำเราว่าตัวนี้เด็ดสุด )
สำหรับวันแรก ก็ไม่มีไรมาก เพื่อนเรามาถึงก็เย็นแล้ว เรากับเพื่อนจริงนั่งจัดเบียร์คนละขวดนั่งกินกันชิวๆที่สนามบิน คุยสัพเพเหระตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ก่อนที่จะเดินทางไปที่พัก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น