ผมชอบบทกวีของเนาวรัตน์ อ่านบทกวีของเนาวรัตน์หลายเล่ม
จึงจดจำบทกวีของเขาได้พอสมควร
ซดยาดองลดความหล่ออยู่ดี ๆ ผมก็นึกถึงบทกวีของเนาวรัตน์ขึ้นมา
แล้วก็ครุ่นคำนึงว่า 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ทำอไร อยู่ที่ไหนหนอ (ผมไม่ได้ติดตามข่าว)
บทกวีของเนาวรัตน์ที่ผมนึกถึง คือ วันฆ่านกพิราบ
ที่เนาวรัตน์ได้แรงดาลใจในการเขียนจากเหตุการณื 6 ตุลาคม 2519
วันฆ่านกพิราบ
มือกระชับคาบบุหรี่ที่มุมปาก
ตาหรี่เล็งร่องบากปากปืนจ้อง
สมุนรายเรียงรอบคอยหมอบมอง
รั้วระเนนเอนนอนกองก่ายร่างล้น
เลือดโทรมหน้าห่ามือเข้ายื้อยุด
กระชากฉุดกระชับหมัดซัดด้วยส้น
เงื้อไม้ฟาดฟัดซ้ำกระหน่ำจน
เลือดกระเซ็นกระ
กระสนทุรนทุราย
ผูกคอลากกระชากร่างกลางสนาม
เลือดยังลามจากหลังวิ่นรินเป็นสาย
นอนแน่นิ่งเนื้อขาวเปล่าเปลือยกาย
ท่อนไม้ก่ายเกรอะเลือดเลอะเดือดแดง
ร่างรุ่งริ่งลิ้นจุกผูกคอห้อย
กระโดดลอยถีบร่างคว้างร่องแร่ง
เก้าอี้เหล็กหวดโครมโถมสุดแรง
รองเท้าแยงยัดปากกรากเข้ารุม
ทีละร่างซ้อนร่างเอายางทับ
แล้วเปลวไฟก็ไหววับควันจับกลุ่ม
กระดิกดิ้นเดือดมอดเนื้อกอดกุม
กระกดงุ้มหงิกงอตอตะโก
เข้าตอกอกทีละอกยกไม้ฟาด
ดารดาษดับดิ้นสิ้นแรงโผ
หมวกเหล็กรายเรียงยืนและปืนโต
หัวโล้นเหลืองเรืองโร่โผล่ผุดกลาง
ทีละภาพทีละภาพประชับชัด
ทีละนัดทีละนัดถนัดร่าง
ทีละวันละวันไปยิ่งไม่จาง
ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
กาลเวลาผ่าน ความคิดเปลี่ยน
ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เชิดชูระบอบหนึ่ง จะหันไปซบระบอบหนึ่ง
คนที่เห็นอกเห็นใจผู้ทุกข์ยาก จะมองว่าผู้ทุกข์ยากคือคนโง่งมที่หลงเพริดไปกับทุนสามานย์
คน ๆ หนึ่งที่บอกว่ารังเกียจทุนสามานย์ มองเห็นนักการเมืองบางคนเป็นตัวกัดกินประเทศไทย
จะไปยืนเคียงข้างกับแป๊ะลิ้ม กับเทพเทือก
คน ๆ หนึ่งที่พร่ำเพียรบอกเล่าต่อชนชั้นปกครองเสมอว่า ธรรมคืออำนาจ มิใช่อำนาจคือธรรม
แต่กลับสวามิภักดิ์..................................... (เซนเซอร์)
ฯลฯ
กวีก็คือคน หาใช่เทวดาที่ไหน
แต่กวีที่เหยียบบันไดชนชั้นผู้ถูกปกครองขึ้นสู่หอคอย
ไยลืมจุดเริ่มต้น และมองบันไดที่เคยเหยียบอย่างไร้ค่า
ตถตา
ร้องพะเลงดีกั่ว
ประสาหนุ่มขี้อาย ไม่กล้าเอ่ยปากฝากรักใคร อาศัยยาดองปลอบใจเหงาไปวัน ๆ ยันสว่าง
นั่งซดยาดองอยู่ดี ๆ ผมก็นึกถึง "ศิลปินแห่งชาติ" ที่ชื่อเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 2557
จึงจดจำบทกวีของเขาได้พอสมควร
ซดยาดองลดความหล่ออยู่ดี ๆ ผมก็นึกถึงบทกวีของเนาวรัตน์ขึ้นมา
แล้วก็ครุ่นคำนึงว่า 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ทำอไร อยู่ที่ไหนหนอ (ผมไม่ได้ติดตามข่าว)
บทกวีของเนาวรัตน์ที่ผมนึกถึง คือ วันฆ่านกพิราบ
ที่เนาวรัตน์ได้แรงดาลใจในการเขียนจากเหตุการณื 6 ตุลาคม 2519
มือกระชับคาบบุหรี่ที่มุมปาก
ตาหรี่เล็งร่องบากปากปืนจ้อง
สมุนรายเรียงรอบคอยหมอบมอง
รั้วระเนนเอนนอนกองก่ายร่างล้น
เลือดโทรมหน้าห่ามือเข้ายื้อยุด
กระชากฉุดกระชับหมัดซัดด้วยส้น
เงื้อไม้ฟาดฟัดซ้ำกระหน่ำจน
เลือดกระเซ็นกระกระสนทุรนทุราย
ผูกคอลากกระชากร่างกลางสนาม
เลือดยังลามจากหลังวิ่นรินเป็นสาย
นอนแน่นิ่งเนื้อขาวเปล่าเปลือยกาย
ท่อนไม้ก่ายเกรอะเลือดเลอะเดือดแดง
ร่างรุ่งริ่งลิ้นจุกผูกคอห้อย
กระโดดลอยถีบร่างคว้างร่องแร่ง
เก้าอี้เหล็กหวดโครมโถมสุดแรง
รองเท้าแยงยัดปากกรากเข้ารุม
ทีละร่างซ้อนร่างเอายางทับ
แล้วเปลวไฟก็ไหววับควันจับกลุ่ม
กระดิกดิ้นเดือดมอดเนื้อกอดกุม
กระกดงุ้มหงิกงอตอตะโก
เข้าตอกอกทีละอกยกไม้ฟาด
ดารดาษดับดิ้นสิ้นแรงโผ
หมวกเหล็กรายเรียงยืนและปืนโต
หัวโล้นเหลืองเรืองโร่โผล่ผุดกลาง
ทีละภาพทีละภาพประชับชัด
ทีละนัดทีละนัดถนัดร่าง
ทีละวันละวันไปยิ่งไม่จาง
ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
กาลเวลาผ่าน ความคิดเปลี่ยน
ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เชิดชูระบอบหนึ่ง จะหันไปซบระบอบหนึ่ง
คนที่เห็นอกเห็นใจผู้ทุกข์ยาก จะมองว่าผู้ทุกข์ยากคือคนโง่งมที่หลงเพริดไปกับทุนสามานย์
คน ๆ หนึ่งที่บอกว่ารังเกียจทุนสามานย์ มองเห็นนักการเมืองบางคนเป็นตัวกัดกินประเทศไทย
จะไปยืนเคียงข้างกับแป๊ะลิ้ม กับเทพเทือก
คน ๆ หนึ่งที่พร่ำเพียรบอกเล่าต่อชนชั้นปกครองเสมอว่า ธรรมคืออำนาจ มิใช่อำนาจคือธรรม
แต่กลับสวามิภักดิ์..................................... (เซนเซอร์)
ฯลฯ
กวีก็คือคน หาใช่เทวดาที่ไหน
แต่กวีที่เหยียบบันไดชนชั้นผู้ถูกปกครองขึ้นสู่หอคอย
ไยลืมจุดเริ่มต้น และมองบันไดที่เคยเหยียบอย่างไร้ค่า
ตถตา
ร้องพะเลงดีกั่ว
ประสาหนุ่มขี้อาย ไม่กล้าเอ่ยปากฝากรักใคร อาศัยยาดองปลอบใจเหงาไปวัน ๆ ยันสว่าง