SOTUS the series (กึ่งแต่งเรื่อง) : ว่าด้วยเรื่องแต่ง "เหตุผล"

อาทิตย์นั่งนิ่งบนชายหาด และ มองออกไปในความมืดมิดอย่างใจลอย กิจกรรมทั้งหมดเสร็จสิ้น พี่เดียร์ก็มอบเกียร์ให้น้องไปหมดแล้ว เป็นอันว่าเขาหมดหน้าที่แต่เพียงเท่านี้ หากเสียงคลื่นสาดซัดชายหาดมองเห็นทะเลเป็นสีดำอยู่ไหว ๆ เหมือนตัวเขาที่อารมณ์ที่ขึ้นและลงราวกับโรลเลอร์โคสเตอร์เพราะ "คน ๆ เดียว" มันคืออะไร


ห้วงคิดของอาทิตย์ลอยไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ...


เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมต้องมาถึงที่นี่ รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ วันนี้ "ร้านน้ำ" เจ้าประจำนั้นปิด ดังนั้นการที่สองขาก้าวมาตรงนี้ได้มันคือไร้เหตุผลสิ้นดี และที่ไร้เหตุผลมากกว่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่มาที่นี่หรอก แต่เป็นการ "ยืนรอ" ต่างหากยืนรอคนที่มักจะแวะมาทางนี้หลังเลิกเรียนเป็นกิจวัตร จาก 5 นาที เป็น 10 นาที จาก 10 นาที กลายเป็นเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่สมองสั่งว่าให้ไปได้แล้ว นายมีหลายอย่างที่ต้องทำมากกว่ามายืนเฉย ๆ เพื่อรอคน แล้วหลอกตัวเองว่าไม่ได้รอใครแบบนี้ ... มันน่าเจ็บใจที่สมองสั่งการแต่ขาไม่ยอมขยับตาม

สงครามระหว่างเหตุผลและอารมณ์สิ้นสุดลงกะทันหันเมื่อเสียงที่คุ้นเคยมาดังอยู่ตรงหน้า

"สวัสดีครับพี่อาทิตย์ วันนี้ไม่ซื้อนมเย็นเหรอครับ"

"ร้านมันปิด"

"แล้วมีใครรู้ไหมครับว่าพี่อาทิตย์ชอบดื่มนมเย็น"

"หึ !"

"แล้วมีใครรู้ไหมครับว่าพี่อาทิตย์ชื่อเล่นว่าไออุ่น"

"ไม่ !"

"แล้วมีใครรู้ไหมครับว่าพี่อาทิตย์แอบไปร้องไห้หลังแสตนด์"

"ถ้าคุณไปบอกใครรับรองโดนแน่"

คำถามที่รัวมานั้นทำเอาเขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปชั่วขณะ ถามทำไม ... แล้วจะให้ตอบว่าไง "เออ ในบรรดาปีหนึ่งก็มีแต่คุณนั่นแหละที่รู้" งี้เหรอ เอ้ย ผิดเรื่องละ จริง ๆ วันนี้ที่เขามายืนอยู่นี่ เพราะเรื่องเมื่อกลางวันต่างหาก

"คุณสอบแคลวันไหน ?"

"วันพุธครับ"

"อาจารย์ชอบออกเรื่องพื้นที่ใต้กราฟ ไปดูมาเยอะ ๆ นะ"

ที่โต๊ะติววันนี้ ... หันไปชำเลืองมองทีไรก็ไม่เห็นมีปฏิกิริยา ก้มหน้าตลอด ไม่รู้เข้าใจไหม หรือ กลุ้มใจบ้างหรือเปล่า ไอ้ครั้นจะถามตรง ๆ ก็คิดว่ามันส่วนตัวเกินไป นี่เลยมาดักรอตรงนี้ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่มีอะไรหรอก ก็ธรรมดาคนเป็นพี่ไง น้องจะสอบทั้งที จะไม่มีเมฆหมอกจากฟากฟ้าหล่นมาเลยได้ยังไงล่ะ ที่บอกเป็นนัย ๆ ไปว่า "เชื่อใจ" ว่าทำได้ อย่างที่บอกแหละชำเลือง ๆ ไป ก็เห็นเงียบ ๆ ก็ร้อนใจถึงต้องมารอตรงนี้

ไม่มีอะไร

ไม่มีอะไรจริง ๆ

แม้กระทั่งตอนที่พูดจบแล้วก้าวขาออกมาจากตรงนั้น ... ก็ยังย้ำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่องว่ามันธรรมดา

ทั้งที่ในใจ ... ทั้งตกใจ ทั้งเตลิดกับความคิดตัวเองไปแล้ว อาทิตย์ ... ไอ้เวรเอ๊ย ทุกอย่างที่รู้สึก และ ที่ทำมาตั้งแต่เช้ายันเย็น

"ไม่เลย" มันไม่ธรรมดาซักนิดเดียว

ความไม่ธรรมดานั้นมันยิ่งเพิ่มดีกรีไปอีก เมื่อ "ได้ยิน" กลุ่มปีหนึ่งห่าม ๆ คุยกันว่าอยากลงเล่นน้ำทะเลโชว์หญิง ถึงเขาจะรู้ว่าพูดกัน "เล่น ๆ" ก็ตาม หากกันไว้ย่อมดีกว่าแก้แน่นอน กิจกรรมครั้งนี้ถึงไม่ได้โหดหินอะไร แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องคุมลิมิตของน้องให้ได้ การ "เตือน" ด้วยปาก ไม่น่าจะเป็นผลเท่ากับลงมือ "ซ่อม" แบบเบา ๆ

ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับแหละว่า "อารมณ์" สะดุดนิดนึงเมื่อเห็นว่าในกลุ่มที่เผลอหลุดพูดออกมานั้นมี "ตัวปัญหา" แฝงอยู่ด้วยหนึ่งคน และ ตัวปัญหานั้นกำลังหน้าเครียดได้ที่ เครียดเพราะอะไร ? อาทิตย์คาดถึงเหตุผลเอาไว้ในใจ หรือ เพราะจะห้ามมันเล่นน้ำโชว์หญิง ได้ .... จัดเต็มแน่นอน เขาหมายมาดไว้ในใจ

และเมื่อถึงชายหาดเขาก็ไม่รอช้า

"ไปครับน้องผู้ชาย ... ผมได้ยินว่าพวกคุณอยากเล่นน้ำทะเลมาก"

ไปเลยครับคุณ เชิญเล่นให้หนำใจ แต่โชว์ผู้ชายด้วยกันนะ สารภาพตามตรง เขาไม่เคยคิดซักนิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิด สายตาแบบนั้นของก้องภพทำให้เขาตกใจ แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ ... ถึงจะขัดอกขัดใจแค่ไหน ก้องภพไม่เคยเลยที่จะฉุนเฉียว ทุกครั้งจะตอบกลับมาด้วยเหตุผล และ หน้าตากวนประสาทให้เขาที่ต้องน็อตหลุด แต่วันนี้ ... สายตาแบบนั้น คำพูดแบบนั้น อารมณ์อย่างนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคน ๆ เดียวกันที่เห็นหน้าค่าตากันมาเป็นเดือน ทำไมล่ะทำไม ทำไมมันไม่เข้าใจที่เขาทำที่เขาสั่งวะ

หากความไม่พอใจมันแผ่ความร้อนได้ .... เขาคงไหม้เป็นจุณคาชายหาดไปแล้ว

คนเป็นพี่ต้องสติดีกว่าน้อง แต่ความหน่วงในอกนี่มันอะไรกัน เมื่อเขาสั่งให้มันเดินลงทะเลไป

มันมากซับซ้อนกว่าความโกรธแล้วในจุดนี้ ... อารมณ์ที่อยากร้องเพลงเฮฮาริมทะเลหดหายไปเมื่อใดก็ไม่รู้ หากเขาก็ทำเฉย ๆ แล้วหลบเข้าไปหลังฉากทำเหมือนว่าจะพัก หากก็อดไม่ได้ อดไม่เหมือนที่เป็นมาร่วมเดือนนับแต่เจอกัน แค่แป๊บเดียวสายตาของเขา ... ก็มองตามหลังใครบางคนไป ทำไมมันหน่วงเหมือนกับโดนถ่วงขาแบบนั้นวะ แต่ละก้าวที่ลงไปในทะเล .... มันแปลกจนเขาชักนึกเป็นห่วง แล้วในขณะที่กำลังหันไปหาปีสองแถวนั้นให้ไปลากมันขึ้นมา แวบเดียวที่ละสายตา หันกลับมาอีกที

ไม่อยู่ ... ไม่อยู่แล้ว

ไปไหน ????

ยามนั้นภาพในหัวของอาทิตย์ช้าลงเหมือนภาพสโลว์โมชั่น

ท้องฟ้าสีคราม ผืนทรายสีขาว แสงแดดจ้า และ น้ำทะเลสีเขียวใส ..... กลายเป็นสีเทา เขาไม่ได้ยินอะไรอีก ไม่ว่าจะเสียงโวยวายตกใจของเพื่อน หรือ สายตาแตกตื่นของน้องที่อยู่บนชายหาด ที่มองเห็นอาทิตย์วิ่งพรวดลงไปในทะเลแล้วลากใครบางคนขึ้นมา เขาไม่ได้ยินอะไรอีก นอกจากเสียงหัวใจที่ลั่นเป็นจังหวะในแก้วหู

"คุณเป็นอะไร"

ทำไมไม่ตอบ

อย่านะ อย่าเป็นอะไร

เสียงสำลักกระอักกระไอยิ่งทำให้เขามือสั่นไปหมดด้วยความกลัว

"เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร"

สายตาของเขาคงเต็มไปด้วยคำถาม คนที่นั่งแช่น้ำจึงตอบมาตามตรง

"พี่บอกให้ผมทำให้หัวเย็น ... ผมก็เลย"

มือที่เย็นและสั่นด้วยความกลัว กลายเป็นความชาที่วาบตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงใบหน้า มันทำแบบนี้ได้ยังไง ทำได้ยังไง !!!! ไม่สิ เรารู้สึกแบบนี้ได้ยังไง ทำไมกัน !!!!! นาทีนั้นความริ้วความโกรธมากมายมหาศาลผนวกกับความอาย .... อายที่ตีตนไปก่อนไข้ อาย .... ที่สัญชาตญาณมันกำลังสารภาพตัวเอง การกระทำของเขาเองนี่แหละที่ลอกเปลือกที่เพียรหุ้มหนา จนคนภายนอกได้เห็น "ความพิเศษ" ที่เขามีต่อเด็กคนนี้ จะมีใครสังเกตบ้างรึเปล่า

มันอันตรายเกินไปแล้วอาทิตย์ นายจะอยู่แบบนี้ไม่ได้

" ถ้าผมบอกให้คุณไปตาย คุณก็ต้องไปตายเหรอ !!!!! โตแล้วคิดบ้าง !!!! "

" เลิกฐาน "

ไม่ใช่แค่เพราะโกรธ แต่เพราะรวบรวมสมาธิดำเนินกิจกรรมต่อไม่ได้แล้วต่างหาก มันอันตรายเกินไป ไม่ใช่ต่อกาย แต่เป็น "ที่ใจ"

ค่ำคืนนั้น .... แทนที่จะได้หลับลงเพราะเหนื่อยอ่อน แต่กลับต้องมานั่งกังวลกับความรู้สึกตัวเอง เขาออกไปเดินเล่นเผื่อจะทำให้นอนหลับขึ้นมาบ้าง แต่กลับพบปัญหาบางอย่าง .... "เหล้า" หลายขวดด้วย ... มันหายไป

เสียงสรวลเสเฮฮาที่ดังอ้อแอ้มาจากห้องรุ่นน้องทำให้เขาสงสัย

ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงจะด่า และ สั่งซ่อมไปแล้วในคืนนั้น

แต่พอเห็นคนร่วมกลุ่มในห้องนั้น เสียงตวาดมันกลับจุกอยู่ที่คอ วาทะคมคาย คำพูดที่เฉียบขาด ไม่ออกจากปากซักแอะ "ผิดหวัง" ความรู้สึกที่อัดอยู่ในใจคือคำนี้ ตั้งแต่ช่วงกลางวันมาแล้ว เด็กผู้ชายที่ยืนหยัดในหลักการและเหตุผลคนนั้นหายไปไหน สิ่งที่อาทิตย์ทำจริงเป็นเพียงการมองเงียบ ๆ ปิดประตูและเดินออกไปอย่างไม่เหลียวหลัง เหมือนจะใกล้แต่ก็ห่างออกไปอีก

เขาเหนื่อยแล้ว ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว มันมากไปสำหรับหนึ่งวัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่กิจกรรมทีต้องอาศัยพลังงานอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นความสนุก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้กลับสร้างความอลม่านสับสนใจหัวใจให้อย่างไม่เคยเป็น เขาแย่แล้วเขารู้ตัว เขาไม่ควรที่จะรู้สึกอะไรกับการกระทำของเด็กปีหนึ่งแค่คนเดียวแบบนี้ แต่นี่เขารู้เลยทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันห้ามไม่ได้มันควบคุมไม่ได้ เขาไม่เป็นตัวเองอย่างที่เคยเป็นมา

เด็กคนนั้นทำให้อารมณ์ของเขาขึ้นลงได้ราวกับรถไฟเหาะ วันนี้เขาโกรธ เขาเสียใจ เขากลัว เขาสับสน เพราะ "มัน" คนเดียว ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เพราะ "มัน" ล้วน ๆ ที่ต้องลุยน้ำลงไป ที่ต้องมาเดินเล่น ที่พูดอะไรไม่ออก อิทธิพลของการกระทำต่อก้องภพที่มีต่อเขามันมากมายขนาดนี้แล้ว

และแม้แต่ภายหลังการเล่นละคร .... พอคิดถึงหน้าซีดเซียว และ ความเหม่อลอยเมื่อเพื่อนเล่นละครเลียนแบบเหตุการณ์รับน้อง หัวใจของอาทิตย์ก็กระตุกวูบ เมื่อเห็นถึงความทุกข์ทรมานกับการอยากขอลุแก่โทษบนใบหน้าของก้องภพ อดไม่ได้เหมือนเคย นอกจากทำให้เขาโกรธ กลัว เสียใจ สับสน เจ้านี่มันยังทำให้เขา "ใจอ่อน" ได้อีกด้วย

"ถ้าคุณรู้ว่าทำแล้วผมจะโกรธ ... แล้วทำ ทำไมล่ะ"

เกียร์สีเงินในมือของอาทิตย์ส่องแสงวาววับ ... นี่ก็อีกเหมือนกันที่ทำให้ใจกระตุกวูบขึ้นมาอีกหน "ความหมายของเกียร์" คืออะไร ?

ดวงตาเงาวับใต้เงามืดที่ทอดมาก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้องทิ้งเขาไว้คนเดียวตรงชายหาดกับแก้วเหล้าที่เขาเป็นคนหยิบมาให้เอง

อาทิตย์ละลายตาจากทะเลมาจับจ้องแก้วเหล้า คิดถึงคนดื่มที่ป่านนี้อาจจะหลับไปแล้ว

รู้ตัวบ้างไหมทิ้งอะไรเอาไว้ตรงนี้ ... ก้องภพ อารมณ์ขึ้นลงราวกับเกลียวคลื่นในทะเล ที่มันเกิดขึ้นเพราะคุณ

"ผมจะหลุดพ้นมันได้อย่างไร ?"

อาทิตย์ไม่กล้าคิดสืบไปว่าที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ "เหตุผล" เพราะอะไร



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


因你而起伏的感受 怎麼掙脫
yin ni er qi fu de gan shou zen me zheng tuo
How do I break free from these feelings that rise and fall because of you


ป.ล. มา ... ละครมันเร็วไปใช่มะ มาข่ะมา พี่อาทิตย์รู้สึกไง แต่งให้เองเลย จบไป ฮ่า ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่