เอาเข้าจริงตอนนี้เริ่มนึกถึงเวลาในแต่ละวันที่อยู่กับหน้าจอล่ะ ตื่นเช้าระหว่างเข้าห้องน้ำ ระหว่างเดินทางไปทำงานพอเข้าออฟฟิตนี่แหละของจริง เปิดคอมพ์ทำงานกันทั้งวันจนเย็น กลับบ้านก็ดูทีวี ดูซีรีย์กันจนดึกดื่นอีกสารพัด คนเรายุคนี้ ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอกันจริงจัง ถ้าเราจดบันทึกไว้เหมือนบันทึกการใช้เงิน เราคงจะเห็นเลยว่า เราใช้งานดวงตากันหนักหน่วงมากจริงๆ ใช้กันตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น


พอใช้มากๆเข้า ก็จะเกิดอาการตาล้า ตาเบลอ ซึ่งหากยังติดจอต่อไปนานๆ อาจะนำไปสู่โรคที่หลายๆคนอาจจะคิดว่าไกลตัว คือ โรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจาก แสงจากหน้าจอทั้งหลายนี่แหละ ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระสะสม และไปทำร้ายเซลล์ที่จอประสาทตาของเรา โรคนี้คนส่วนใหญ่มักคิดว่าไกลตัว เป็นโรคคนแก่ แต่จริงๆแล้ว เนื่องจากคนสมัยนี้ใช้ตากันเยอะมากกว่าคนสมัยก่อนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ก่อนวัยอันควรมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วอาการเป็นยังไง ลองสังเกตดูว่า เราเริ่มมองภาพไม่ชัดบ้างหรือไม่ บางทีเราไม่ได้สังเกตเพราะมันจะเป็นไปอย่างช้าๆ จนถึงจุดที่มองภาพไม่ชัดหนักๆ เห็นภาพบิดเบี้ยว หรืออาจจะเห็นจุดดำๆบังตรงกลางภาพได้ ถ้ามาถึงตรงนี้ความน่ากลัวที่สุดคือวันนึงเราอาจจะมองไม่เห็นอะไรเลย ที่ร้ายกว่านั้น โรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้


ดังนั้น เราจึงควรหันมาดูแลป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ตั้งแต่แรก ด้วยการปรับพฤติกรรมที่ทำร้ายดวงตา พักสายตาจากหน้าจอคอม หรือสมาร์ทโฟนบ้าง แต่เชื่อว่าบางทีพฤติกรรมคุ้นเคยตลอดๆแบบนี้ เลิกยาก เราจึงควรหันมาบำรุงดวงตากันให้มากขึ้น หนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ช่วยดูแลดวงตาคือ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีสีม่วงแดง อย่างเช่น บิลเบอร์รี่ แบล็คเคอร์แรนต์ อะซาอิเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ผลไม้กลุ่มนี้จะมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์จอประสาทตา ช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ช่วยในการมองเห็นเวลากลางคืน และช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตาได้

ดวงตาเรามีกันอยู่คู่เดียว ควรเริ่มดูแลตั้งแต่วันนี้ อย่าละเลย ปล่อยจนมีอาการต่างๆ อันเป็นสัญญาณเตือนของโรคทางสายตา อย่างเช่น ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม



[Advertorial]