"ลูกชิ้น" ไม้ละ 1 บาท มี 4 ลูก ไม่แพงเลย สำหรับเด็กที่มีเงิน สัก 2 บาท ในสมัยนั้น แต่ถ้าเด็กคนหนึ่ง ไม่มีเงิน แม้ สักบาท ในทุกๆวัน ที่ไป โรงเรียน มันยิ่งกว่าคำว่าแพงอีก ค่ามันเท่ากับ ได้แค่มอง ย้อนเวลาไป ณ ที่แห่งหนึ่งของ ประเทศไทย ในยุคลูกชิ้น ไม้ละ 1 บาท

ผมเด็กน้อยวัย8ขวบกับน้องสาววัย5ขวบ ที่เกิดจากครอบครัวยากจน ต้องเดิน สะพาย ย่าม หิ้ว อับข้าว(กล่องข้าว) 2กล่อง เดินเท้าเปล่าจากบ้าน ร่วมระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อไปโรงเรียน เดิน5กิโลเมตรด้วยเท้าเปล่า ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยและเจ็บเท้าแต่อย่างใด ในความรู้สึกของเด็ก..

แต่ที่เจ็บกว่านั้น คือ ตอนเข้าแถวหน้าเสาธง แล้วโดน รุ่นพี่ที่อยู่แถวหลัง ล้อทุกวัน ว่า "เฮ้ยไอ้ตูดขาด ใส่ตัวเดิมอีกแล้วว่ะ เฮ้ยดูซิ ตูดมันเป็นแผนที่หมดแล้ว เคยซักบ้างป่าววะ.. ยี้เหม็น " เสียงคำเหยียดหยัน ดูถูก ต่างๆนา ที่ดังมาจากด้านหลัง พร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ย แม้กระทั่งเด็กแถวเดียวกันก็ยังรังเกียจ.. ผมว่ามัน "เจ็บ"กว่า เดินเท้าเปล่าเยอะ..

โดนถีบก้น โดยไม่รู้สาเหตุ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม ถ้าผมตัวใหญ่กว่านี้ ก็คงจะสู้คน กับเขาได้บ้าง
แต่ก็อีกนั้นแหล่ะ ยังมีที่เจ็บกว่า
เมื่อถึงเวลา พักกลางวัน ผมไม่เคยล้อมวง กินข้าวกับเพื่อนๆ มานานมากแล้ว "ข้าวเปล่า กับไข่ดาวราดน้ำปลา ในทุกๆวัน .. ไข่ดาวมันไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ มันทำให้ผมกับน้องอิ่มและมีแรงได้ ในแต่ละวัน แต่ที่มันเจ็บ คือ ผมกับน้อง ต้องไป แอบกินกันแค่สองคน ในที่ลับตาเพื่อนๆคนอื่น
เล่าถึงตอนนี้ บางท่าน อาจจะคิดว่า ผมเขียนได้ โอเว่อร์เศร้า เล่าเกินจริง แต่ถ้า คุณเคย จน คุณจะไม่คิดเช่นนั้น
หากข้าวกลางวันยังได้กินแค่ ข้าวไข่ดาวราดน้ำปลา จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องขนม ในขณะที่เด็กคนอื่น นั่งกินขนม ที่ซื้อจาก สหกรณ์ร้านค้า และร้านในโรงอาหาร ของโรงเรียน
ผมก็กำลังปีนขึ้นต้น ตะขบ หลังห้องน้ำโรงเรียน โดยมีน้องสาวผม คอยเก็บอยู่ข้างล่าง ตะขบต้นนี้ มีบุญคุณกับผมมากมาย มันให้ความหวานผ่านลูกแดงๆ ที่พอกัดเข้าไป มันจะมีน้ำ หวานๆ พุ่งปรี๊ดเข้าปาก มันจะมีเนื้อ เป็นเม็ดเล็กสากลิ้นสักหน่อย ดูดเอาแต่น้ำกับเนี้อใน แล้วคายเปลือกทิ้งไป มันให้ความอร่อยเพียงพอ ที่จะทำให้เด็กสองคนนี้ ลืม ขนมหวาน ในร้าน สหกรณ์ได้บ้าง
แต่สิ่งที่ได้ตามมาอย่างไม่ระมัดระวังก็คือ เนี้อตัวเสื้อผ้าของผมและน้อง จะมอมแมม ไปด้วย น้ำจากลูกตะขบ มันจะเหนียวติดไม้ติดมือ ติดเสื้อผ้า แถม มดก็เยอะโดนกัดเป็นประจำ ..คุณลองนึกถึง เด็กที่ตัวผอมๆหน้าตามอมแมม เดินเกาแขน เกาขา กางเกงตูดป่ะ คงไม่น่า ดูเท่าไรนัก เวลาเดินผ่านสายตาใครๆ..
"ลูกชิ้น" ไม้ละ 1 บาท มี 4 ลูก ไม่แพงเลยสำหรับเด็กที่มีเงิน สัก 2 บาท "
แต่ถ้า สักครั้งหนึ่ง เด็ก5ขวบอย่างน้องสาวผม เอ่ยว่า "พี่จ๋าหนูอยากินลูกชิ้น" กับพี่ชายตัวเอง ที่ไม่มีเงินแม้ สักบาทเดียว มันแพงมาก ค่าเท่ากับคือ" ไม่มีทางได้กิน

แต่ถ้าคุณ ได้เห็น เด็กตัวน้อยๆและเป็นคนที่คุณรัก เริ่มเบ้ปาก ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้า ร้องไห้กระซิกเบาๆ มันเจ็บทรมานใจ มากกว่า โดนถีบก้นหน้าเสาธงซะอีก..
ความจน มันก็เจ็บแบบนี้ล่ะครับ..
ชีวิตมันก็วนลูป ผ่านไปในแต่ละวัน จนมาวันหนึ่ง
ผมบอกกับน้องสาว ว่า วันนี้น้องจะได้กินลูกชิ้น เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้.. น้องสาวผมทำหน้าดีใจ พร้อมถามว่า"จริงหรอๆ" ซ้ำหลายคำ ผมตอบว่าจริง อย่าไปไหนนะ ให้เล่นอยู่ตรงนี้เดี๋ยวพี่มา ..
ผมเดินไปที่กลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งกินลูกชิ้น กันอยู่ แม่ผมเคยสอนไว้เสมอว่า "ห้ามขโมยของ และห้ามขอ ของคนอื่น " เราไม่ใช่โจร หรือขอทาน แต่วันนี้ผม ไม่ได้ทำตามคำที่แม่ผมสอน ..

ผมเดินเข้าไป เอ่ยปากกับเพื่อนคนหนึ่งว่า" เราขอลูกชิ้นลูกหนึ่งได้ไหม" .... คุณลองเดาซิครับ ว่าผมได้คำตอบว่าไง
"ไม่เอาไม่ให้" นั้นคือคำตอบที่ผมได้.. มันเป็นเรื่องจริงและธรรมดามากๆ สำหรับเด็กในวัยเดียวกัน ที่จะตอบมาแบบนี้ ..เด็กไม่จำเป็นต้องโลกสวย คิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้นทำอย่างนั้น..
ผมเริ่มหน้าชา เพราะ รู้สึกอายมากๆ ที่ตัวเอง ต้องมาร้องขอ ลูกชิ้นเพียง 1ลูก ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนทั้งหญิงและชาย ในวัยเดียวกัน เพราะผมไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน..
ผมเตรียมหันหลังกลับ กะจะเดินจากไปให้ไว แต่ก็ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดิน ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พูดออกมาว่า
"เธอ เราให้ ไม้หนึ่ง"... ผมหันไปพร้อมก้มหน้าเดิน ไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น แล้ว ก็ขว้าลูกชิ้นไม้นั้น ที่เธอยื่นให้มา แบบ ไม่พูดไม่จา ขว้าได้ วิ่งทันที..
ผมมาคิดย้อนถึงวันนั้น ว่าทำไมผม ทำกิริยา หยาบคายเช่นนั้น แต่ในหัวผมตอนที่วิ่ง ออกจากกลุ่มเพื่อน พร้อมกับลูกชิ้น 1ไม้นั้น คิดแต่เพียงว่า "ได้ลูกชิ้นมาให้น้องสาวแล้ว"....
ลูกชิ้น ไม้ละ 1บาท มี 4ลูก ผมได้มาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยื่นให้น้องสาวผม
ผมต้องหักปลายของไม้ที่แหลมๆออก เพราะอาจจะทิ่มปากน้องได้ น้องผมทำท่าทางดีใจมาก ผมนั่งมอง น้องผม กินลูกชิ้นอย่างมีความสุข ผมก็มีความสุขตามไปด้วย..
ในระหว่างที่ผมนั่งมองน้องผมกินลูกชิ้นอยู่ ผมได้นึกขึ้นได้ว่า "แล้วใคร เด็กผู้หญิงคนนั้น เพื่อนคนไหน" ที่ใจดี ให้ลู
กชิ้นผมมา.. ผม แอบมอง จากจุดที่ผมอยู่มันไกลมากเกินไปที่จะรู้ได้..
ทุกวันนี้ผมยังนึกตำหนิ ตัวเองอยู่เลยว่า ทำไมผมไม่มี แม้คำขอบคุณ ให้กับเธอคนนั้น.สักคำ .
หากเรื่องราวของผมที่เล่ามานั้น ได้ผ่านสายตาของทุกๆท่าน ผมแค่อยากจะบอกกับทุกๆท่านว่า
"หากแม้คุณจะลำบากสักแค่ไหน จะท้อแท้กับสังคม ที่แย่ ๆสักเท่าไร คนรอบตัวจะกระทำ ให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจ"

ขอให้จงเชื่อมั่นไว้ว่า สิ่งดีๆ คนดีๆ ไม่เคยหมดจาก โลกนี้ ถึงมีน้อย แต่มันก็มีอยู่จริง...
ขอบคุณ" ลูกชิ้นนางฟ้า"
ขอขอบคุณ ภาพประกอบ จาก Google
ภาพ ทุกภาพ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อเรื่อง
++ ลูกชิ้นไม้ละ 1 บาท มี 4 ลูก ++
ผมเด็กน้อยวัย8ขวบกับน้องสาววัย5ขวบ ที่เกิดจากครอบครัวยากจน ต้องเดิน สะพาย ย่าม หิ้ว อับข้าว(กล่องข้าว) 2กล่อง เดินเท้าเปล่าจากบ้าน ร่วมระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อไปโรงเรียน เดิน5กิโลเมตรด้วยเท้าเปล่า ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยและเจ็บเท้าแต่อย่างใด ในความรู้สึกของเด็ก..
แต่ที่เจ็บกว่านั้น คือ ตอนเข้าแถวหน้าเสาธง แล้วโดน รุ่นพี่ที่อยู่แถวหลัง ล้อทุกวัน ว่า "เฮ้ยไอ้ตูดขาด ใส่ตัวเดิมอีกแล้วว่ะ เฮ้ยดูซิ ตูดมันเป็นแผนที่หมดแล้ว เคยซักบ้างป่าววะ.. ยี้เหม็น " เสียงคำเหยียดหยัน ดูถูก ต่างๆนา ที่ดังมาจากด้านหลัง พร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ย แม้กระทั่งเด็กแถวเดียวกันก็ยังรังเกียจ.. ผมว่ามัน "เจ็บ"กว่า เดินเท้าเปล่าเยอะ..
โดนถีบก้น โดยไม่รู้สาเหตุ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม ถ้าผมตัวใหญ่กว่านี้ ก็คงจะสู้คน กับเขาได้บ้าง
แต่ก็อีกนั้นแหล่ะ ยังมีที่เจ็บกว่า
เมื่อถึงเวลา พักกลางวัน ผมไม่เคยล้อมวง กินข้าวกับเพื่อนๆ มานานมากแล้ว "ข้าวเปล่า กับไข่ดาวราดน้ำปลา ในทุกๆวัน .. ไข่ดาวมันไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ มันทำให้ผมกับน้องอิ่มและมีแรงได้ ในแต่ละวัน แต่ที่มันเจ็บ คือ ผมกับน้อง ต้องไป แอบกินกันแค่สองคน ในที่ลับตาเพื่อนๆคนอื่น
เล่าถึงตอนนี้ บางท่าน อาจจะคิดว่า ผมเขียนได้ โอเว่อร์เศร้า เล่าเกินจริง แต่ถ้า คุณเคย จน คุณจะไม่คิดเช่นนั้น
หากข้าวกลางวันยังได้กินแค่ ข้าวไข่ดาวราดน้ำปลา จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องขนม ในขณะที่เด็กคนอื่น นั่งกินขนม ที่ซื้อจาก สหกรณ์ร้านค้า และร้านในโรงอาหาร ของโรงเรียน
ผมก็กำลังปีนขึ้นต้น ตะขบ หลังห้องน้ำโรงเรียน โดยมีน้องสาวผม คอยเก็บอยู่ข้างล่าง ตะขบต้นนี้ มีบุญคุณกับผมมากมาย มันให้ความหวานผ่านลูกแดงๆ ที่พอกัดเข้าไป มันจะมีน้ำ หวานๆ พุ่งปรี๊ดเข้าปาก มันจะมีเนื้อ เป็นเม็ดเล็กสากลิ้นสักหน่อย ดูดเอาแต่น้ำกับเนี้อใน แล้วคายเปลือกทิ้งไป มันให้ความอร่อยเพียงพอ ที่จะทำให้เด็กสองคนนี้ ลืม ขนมหวาน ในร้าน สหกรณ์ได้บ้าง
แต่สิ่งที่ได้ตามมาอย่างไม่ระมัดระวังก็คือ เนี้อตัวเสื้อผ้าของผมและน้อง จะมอมแมม ไปด้วย น้ำจากลูกตะขบ มันจะเหนียวติดไม้ติดมือ ติดเสื้อผ้า แถม มดก็เยอะโดนกัดเป็นประจำ ..คุณลองนึกถึง เด็กที่ตัวผอมๆหน้าตามอมแมม เดินเกาแขน เกาขา กางเกงตูดป่ะ คงไม่น่า ดูเท่าไรนัก เวลาเดินผ่านสายตาใครๆ..
"ลูกชิ้น" ไม้ละ 1 บาท มี 4 ลูก ไม่แพงเลยสำหรับเด็กที่มีเงิน สัก 2 บาท "
แต่ถ้า สักครั้งหนึ่ง เด็ก5ขวบอย่างน้องสาวผม เอ่ยว่า "พี่จ๋าหนูอยากินลูกชิ้น" กับพี่ชายตัวเอง ที่ไม่มีเงินแม้ สักบาทเดียว มันแพงมาก ค่าเท่ากับคือ" ไม่มีทางได้กิน
แต่ถ้าคุณ ได้เห็น เด็กตัวน้อยๆและเป็นคนที่คุณรัก เริ่มเบ้ปาก ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้า ร้องไห้กระซิกเบาๆ มันเจ็บทรมานใจ มากกว่า โดนถีบก้นหน้าเสาธงซะอีก..
ความจน มันก็เจ็บแบบนี้ล่ะครับ..
ชีวิตมันก็วนลูป ผ่านไปในแต่ละวัน จนมาวันหนึ่ง
ผมบอกกับน้องสาว ว่า วันนี้น้องจะได้กินลูกชิ้น เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้.. น้องสาวผมทำหน้าดีใจ พร้อมถามว่า"จริงหรอๆ" ซ้ำหลายคำ ผมตอบว่าจริง อย่าไปไหนนะ ให้เล่นอยู่ตรงนี้เดี๋ยวพี่มา ..
ผมเดินไปที่กลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งกินลูกชิ้น กันอยู่ แม่ผมเคยสอนไว้เสมอว่า "ห้ามขโมยของ และห้ามขอ ของคนอื่น " เราไม่ใช่โจร หรือขอทาน แต่วันนี้ผม ไม่ได้ทำตามคำที่แม่ผมสอน ..
ผมเดินเข้าไป เอ่ยปากกับเพื่อนคนหนึ่งว่า" เราขอลูกชิ้นลูกหนึ่งได้ไหม" .... คุณลองเดาซิครับ ว่าผมได้คำตอบว่าไง
"ไม่เอาไม่ให้" นั้นคือคำตอบที่ผมได้.. มันเป็นเรื่องจริงและธรรมดามากๆ สำหรับเด็กในวัยเดียวกัน ที่จะตอบมาแบบนี้ ..เด็กไม่จำเป็นต้องโลกสวย คิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้นทำอย่างนั้น..
ผมเริ่มหน้าชา เพราะ รู้สึกอายมากๆ ที่ตัวเอง ต้องมาร้องขอ ลูกชิ้นเพียง 1ลูก ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนทั้งหญิงและชาย ในวัยเดียวกัน เพราะผมไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน..
ผมเตรียมหันหลังกลับ กะจะเดินจากไปให้ไว แต่ก็ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดิน ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พูดออกมาว่า
"เธอ เราให้ ไม้หนึ่ง"... ผมหันไปพร้อมก้มหน้าเดิน ไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น แล้ว ก็ขว้าลูกชิ้นไม้นั้น ที่เธอยื่นให้มา แบบ ไม่พูดไม่จา ขว้าได้ วิ่งทันที..
ผมมาคิดย้อนถึงวันนั้น ว่าทำไมผม ทำกิริยา หยาบคายเช่นนั้น แต่ในหัวผมตอนที่วิ่ง ออกจากกลุ่มเพื่อน พร้อมกับลูกชิ้น 1ไม้นั้น คิดแต่เพียงว่า "ได้ลูกชิ้นมาให้น้องสาวแล้ว"....
ลูกชิ้น ไม้ละ 1บาท มี 4ลูก ผมได้มาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยื่นให้น้องสาวผม
ผมต้องหักปลายของไม้ที่แหลมๆออก เพราะอาจจะทิ่มปากน้องได้ น้องผมทำท่าทางดีใจมาก ผมนั่งมอง น้องผม กินลูกชิ้นอย่างมีความสุข ผมก็มีความสุขตามไปด้วย..
ในระหว่างที่ผมนั่งมองน้องผมกินลูกชิ้นอยู่ ผมได้นึกขึ้นได้ว่า "แล้วใคร เด็กผู้หญิงคนนั้น เพื่อนคนไหน" ที่ใจดี ให้ลู
กชิ้นผมมา.. ผม แอบมอง จากจุดที่ผมอยู่มันไกลมากเกินไปที่จะรู้ได้..
ทุกวันนี้ผมยังนึกตำหนิ ตัวเองอยู่เลยว่า ทำไมผมไม่มี แม้คำขอบคุณ ให้กับเธอคนนั้น.สักคำ .
หากเรื่องราวของผมที่เล่ามานั้น ได้ผ่านสายตาของทุกๆท่าน ผมแค่อยากจะบอกกับทุกๆท่านว่า
"หากแม้คุณจะลำบากสักแค่ไหน จะท้อแท้กับสังคม ที่แย่ ๆสักเท่าไร คนรอบตัวจะกระทำ ให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจ"
ขอให้จงเชื่อมั่นไว้ว่า สิ่งดีๆ คนดีๆ ไม่เคยหมดจาก โลกนี้ ถึงมีน้อย แต่มันก็มีอยู่จริง...
ขอบคุณ" ลูกชิ้นนางฟ้า"
ขอขอบคุณ ภาพประกอบ จาก Google
ภาพ ทุกภาพ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อเรื่อง