ไปขับรถเที่ยว ไฮแลนด์ สก๊อตแลนด์ กันเถอะ

การเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ผมรักมาก จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของสิ่งที่ต้องทำในแต่ละปีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในเมืองไทยหรือเมืองนอก และการขับรถเที่ยวเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ผมชอบ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไปด้วยนะครับ ถ้าไปเที่ยวแบบเน้นอยู่ในเมืองใหญ่ๆ และอยู่ที่เมืองเดียวนานๆ อันนี้ก็ไม่แนะนำ
ทริปแรกที่ผมมีโอกาสได้ขับรถเที่ยวแบบเต็มๆ ก็คือทริป Scotland – Highlands ช่องปลายเดือน พฤศจิกายนต่อต้นเดือนธันวาคม ก่อนไปก็ทำการบ้านเยอะพอสมควรเพราะต้องตรวจสอบทั้งเส้นทางที่จะไปให้เหมาะสมกับเวลาที่เรามีรวมถึงสภาพของอากาศและสภาพเส้นทาง
ทริปนี้มันเป็นแค่ทริปสั้นๆ ใช้เวลาทั้งหมดแค่ 7 วัน 6 คืน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือตรวจสอบเส้นทางและปักหมุดตามเมืองต่างๆ ที่คิดว่าน่าสนใจเสร็จแล้วก็คำนวณเวลาที่จะต้องใช้ในการขับรถจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง และเนื่องจากช่วงเวลาที่ผมไปมันเป็นช่วงของต้นฤดูหนาวของที่นั่น ดังนั้นเราก็ต้องคำนึงถึงเรื่องเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วย ในช่วงเวลานั้นพระอาทิตย์จะขึ้นประมาณ 6.30น และตกประมาณ 15:30น
เรามาดูเส้นทางคร่าวๆ กันครับ Glasgow – Glencoe – Inverness – Perth – Edinburgh – Glasgow ระยะทางรวมทั้งสิ้น 600 กิโลเมตร และใช้เวลาขับทั้งสิน 8.30 ชั่วโมง (อ้างอิงจาก Google Map) ระยะทางกับเวลาที่โชว์ทำให้ดูเป็นไกด์ไลน์เท่านั้นนะครับ เพราะความเป็นจริงแล้วเราขับลัดเลาะและแวะไปตามหมู่บ้านเล็กๆ หรือแม้กระทั่งขับออกนอกเส้นทางที่ตั้งเอาไว้ก็มีแล้วแต่อารมณ์ของเราเลยครับ

ทริปนี้เราบินตรงไปยังเมืองกลาสโกว์เลยครับโดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินฮีทโธรว์ เราไปถึงที่สนามบินฮีทโธรว์ด้วยสายการบินไทยประมาณ 6 โมงเช้า และรอขึ้นเครื่องไปยังสนามบินกลาสโกว์ตอนประ 10 โมงเช้าใช้เวลาบินประมาณ 1.30 ชั่วโมง ในช่วงเวลาที่รอเปลี่ยนเครื่องเราก็เดินเล่นๆ ในสนามบิน ที่อาคาร 5 เค้ามีร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากไว้ให้บริการแก่นักเดินทาง เพราะฉนั้นไม่ต้องกล้วเบื่อเลยครับ



เกือบๆ เที่ยงเราก็มาถึงที่สนามบินกลาสโกว์โดยสายการบิน British Airways สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปรับรถที่จองไว้ เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางกันแค่ 2 คนจึงเลือกรถขนาดเล็กอย่าง Ford Fiesta ครับ คันเล็กๆ แบบนี้ขับสบายเพราะถนนที่นั่นก็ไม่ได้ใหญ่ยิ่งเข้าไปตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยแล้วละก็มันแคบมาก
หลังจากที่ได้รถแล้วเราก็ขับไปยังที่พักของเราก่อนเลยครับ คืนนี้เราจะพักกันที่ IBIS Glasgow เพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและที่สำคัญมีที่จอดรถให้ฟรี (อันนี้ต้องเช็คดีๆ นะครับเพราะที่พักที่อังกฤษหลายๆ ที่ไม่มีที่จอดรถให้โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ) ห้องที่ IBIS ก็เป็นห้องเล็กๆ ครับ(เล็กมาก) เราจะนอนที่นี่ 1 คืนแล้วจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่ กะว่าจะออกประมาณ 6 โมงเช้าเพื่อที่จะเลี่ยงการจราจร (วันแรกของการขับรถที่ต่างประเทศก็แอบกังวลนิดๆ นะครับ)

หลังจากสำรวจที่พักเสร็จสับเราก็พร้อมออกเดินเท้าเข้าเมืองเพื่อไปหาอะไรกินและเผื่อซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็น จากโรงแรมที่เราพักไปยังตัวเมืองจะให้เวลาเดินประมาณ 15 นาที (แบบว่าเดินไปถ่ายรูปไปนะครับ) ระหว่างโรงแรมกับตัวเมืองจะมีแม่น้ำไคลด์ (Clyde River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของที่นี่กั้นกลางอยู่

วันนี้อากาศเย็นสบายดีครับ อุณหภูมิน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 องศา

วันนี้จังหวะดีมากๆ เค้ามีตลาดนัดขายของให้เดินชม แถมมีของกินขายเต็มเลยด้วย


เดินได้ไม่ถึงห้านาทีก็อดใจกับกลิ่นหอมยั่วยวนของจำไส้กรอกปิ้งไม่ไหว ขอจัดสักชิ้น อากาศเย็นๆ แบบนี้ได้ไส้กรอกร้อนๆ มากินนี่มันสุดยอดมากๆ (จะเห็นว่าหน้าตาสะใจมาก) จากตอนแรกที่คิดว่าจะไปหาอาหารกินแบบเต็มรูปแบบ ก็ต้องจบลงที่ไส้กรอก แต่พี่ผมไปลงเอยที่แฮมเบอร์เกอร์


ที่ตลาดนัดไม่ได้มีแค่ของกินเพียงอย่างเดียวนะครับ ยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย ไปดูภาพกันครับ



หลังจากเดินเล่นกันได้สักพักเราก็ตกลงกันว่าวันนี้คงพอแค่นี้ก่อนเพราะค่อนข้างเหนื่อยกับการเดินทางแถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าอีก แต่ก่อนกลับโรงแรมก็ขอแวะช๊อปปิ้งนิดส์นึง นี่เลยครับร้าน หนึ่งปอนด์ ก็ได้ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่จะเตรียมไว้สำหรับกินบนรถและก็พวกครีมอาบน้ำยาสีฟัน (เราไม่เอาไปจากเมืองไทย คือไปหาซื้อเอาข้างหน้าเลยครับ)

เนื่องจากเมื่อคืนเรานอนกันเร็วมาก การตื่นเช้าก็เลยไมใช่ปัญหา เราเช็คเอ้าท์กันประมาณตีห้าครึ่ง พอมาถึงที่รถก็ปรากฎว่ามีรถขนของจอดขวางอยู่อย่างที่เห็นนะครับ ในขนะที่เรากำลังยกกระเป๋าเก็บใส่รถก็มีคุณลุงชาวสกอตติชเดินกึ่งวิ่งเข้ามาทักทายแล้วขอโทษขอโพยที่เค้าจอดรถขวางอยู่ แกบอกแกจะรีบ (มารยาทดีมากๆ เลย)
ไม่ถึง 10 นาทีในขนะที่เรากำลังตั้ง GPS และตรวจสอบเส้นทางว่าควรจะใช้เส้นทางไหนวิ่งออกจากเมืองดี แกก็วิ่งเข้ามาบอกว่าเสร็จแล้วและถามว่าเราจะไปไหน เสร็จแล้วก็บอกให้เราขับรถตามแกไปแกจะพาพวกเราออกจากเมืองเอง (แกดูเป็นมิตรมาก อมยิ้ม02อมยิ้ม02)

หลังจากที่ออกจากตัวเมืองมาได้เราก็ขับรถตาม GPS โดยยึดถนนสาย A82 เป็นหลัก วิ่งมาได้สักครึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นพอให้เห็นสองข้างทางและที่สำคัญเราก็ควรที่จะเติมน้ำมันไว้ก่อนเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีที่เติมตรงไหนบ้าง (แต่จริงๆ แล้วปั๊มน้ำมันมีเยอะมาก) ผมหันไปเห็นปั๊มซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแถมมีซุปเปอร์มาเก็ตของ Mark & Spencer ด้วย ก็เลยตัดสินใจยูเทิร์นรถ ตอนเข้าไปจ่ายเงินด้านในซุปเปอร์มาเก็ต ก็หันหน้ามามองกันแล้วพูดว่าน่าจะรอมาซื้อของที่นี่ (ของกินของ M&S คุณภาพดีมาก รสชาติก็ดีกว่าร้านหนึ่งปอนด์ 5555) ในที่สุดเราก็ซื้อน้ำผลไม้เพิ่มอีก 3 กล่องบวกกับช็อกโกแลตอีกสองสามชิ้น

หลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จเราก็เหลือบไปเห็นร้านอาหารซึ่งสำหรับเรามันดูเป็นร้านที่สวย (วันแรกๆ อะไรก็สวยงามแปลกตาไปหมดเลย)


ตอนแรกก็กะแค่ว่าจะมาถ่ายรูปด้วย เพราะไม่คิดว่าร้านจะเปิดให้บริการแต่เช้า แต่พอเดินมาดูปรากฎว่าร้านกำลังจะเปิดให้บริการพอดีแถมราคาก็น่าสนใจมากๆ เราเลยกลายเป็นลูกค้า 2 คนแรกของร้านในวันเช้านี้

ก่อนเข้ามาในร้านก็กะจะกิน Fish & Chip แต่พอเข้าไปข้างในเห็นไลน์บุฟเฟ่ต์ก็เลยเปลี่ยนใจ (น่าเสียดายลืมถ่ายรูปไลน์บุฟเฟ่ต์มา) เรามาดูบรรยากาศภายในร้านกันครับ




คราวนี้ก็พร้อมออกเดินทางกันจริงๆ แล้วสินะ น้ำมันก็เต็มถังอาหารก็เต็มท้อง
จุดแรกที่เราแวะคือบริเวณทะเลสาปโลมอนด์ (Loch Lomond) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของที่นั่น ไปดูภาพบรรยากาศกันครับ




เราใช้เวลาที่นี่ไม่นานนัก เพราะระยะทางสำหรับวันนี้ยังอีกยาวไกลและที่สำคัญเราไม่รู้จักเส้นทางแถมช่วงนี้แค่ไม่เกินบ่ายสี่โมงพระอาทิตย์ก็ตกแล้ว ถ้าถามว่าทำไมเลือกมาเที่ยวช่วงนี้คำตอบก็ง่ายๆ ครับ คืออยากมาสัมผัสกับอากาศเย็นๆ (จะว่าไปเที่ยวช่วงนี้ก็ดีไปอีกแบบนะ คือได้พักผ่อนเต็มที่จริงๆ สองสามทุ่มก็หลับแล้ว ตื่นเช้ามาเจออากาศเย็นๆ ก็สดชื่นอีก)
เรามาดูรูปบรรยากาศข้างทางกันครับ ตอนนี้เรากำลังขับรถลัดเลาะไปตามทะเลสาบโลมอนด์ จุดหมายคือหมู่บ้านลูสส์ (Luss Village) หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงอยู่ในอาณาเขตของทะเลสาบโลมอนด์ เราไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันครับ





ข้างหน้าเป็นเหมือนปรัมพิธีอะไรบางอย่าง เห็นแล้วแอบนึกถึงหนังแม่มดเลย

เราเดินย้อนกลับไปยังหมู่บ้านกันดีกว่าครับ




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่