เราคบกับแฟนมาสักพักค่ะ ทำงานที่เดียวกัน แต่เราตัดสินใจย้ายที่ทำงานเพราะปัญหาเรื่องเจ้านาย และอื่นๆ ทำให้ไกลกันมากขึ้นแล้วได้เจอกันน้อยลง (ปกติเลิกงานก็มาหาทานข้าวกัน อาทิตย์ละ 3-4 วัน ได้เจอกันที่ทำงานด้วย ) ปกติรรมดาที่มีอาการงี่เง่าแบบผู้หญิงทั่วไป ได้เจอกันแล้วหาย
พอย้ายงานเรียบร้อย คราวนี้อาการงี่เง่าเราทวีความรุนแรงขึ้นมหาศาล จนตัวเองไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น รู้สึกตัวเองสูญเสียสมาธิให้งานใหม่แบบอย่างเห็นได้ชัดด้วยตัวเอง ประกอบด้วยเวลางี่เง่าแล้วคุยไม่รู้เรื่องแฟนจะไม่คุยด้วย(แฟนอายุมากว่าเรา 9 ปี จะเป็นผู้ใหญ่กว่า คอยสอนตลอดถ้าสอนไม่ได้ก็จะโดนดัดนิสัยไม่คุยด้วยเพราะคุยไม่รู้เรื่อง เป็นการดัดนิสัย) คนเจ้าน้ำตา ดราม่าด้วย หนักเลยร้องไห้จนปวดหัว รู้สึกตัวเองไร้ค่า อาการหนักมาจนต้องกินยาแก้แพ้นอนให้เบลอๆ เพื่อให้หลับ
พอมาถึงจุดหนึ่งเราทะเลาะกับแฟนหนักมาก ด้วยความงี่เง่า เริ่มกินเหล้า เริ่มร้าย เริ่มประชดทุกอย่าง เริ่มนิสัยไม่ดี เพื่อเรียกร้องความสนใจ จนกลับมาถามตัวเองว่า ไม่ไหวแล้วกับชีวิตแบบนี้ ดูมันพังไปหมด ทั้งงาน สุขภาพ ความรัก เลยตัดสินใจถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร
แต่ก่อนเราเป็นผู้หญิงที่เคยเชื่อว่า ความงี่เง่า เป็นปกติของ ผู้หญิง ผู้ชายต้องทนได้สิ มาจีบชั้นแล้ววันนี้เปลี่ยนไปเหรอ ถ้าชั้นสวยขึ้น ฉันเอาใจเก่ง ชั้นดีบลาๆ เธอต้องทนความงี่เง่าชั้นได้ แต่พอเอาเข้าจริง ตอนเค้ามาจีบก็หันด้านดีใส่เขากันนะ ไม่เคยแสดงแปลงร่างเป็นมารร้ายที่งี่เง่านะ
จากนั้นเราเริ่มตัดสินใจที่เปลี่ยนตัวเอง ตัดสินใจกำจัดความงี่เง่า เพราะแฟนก็คงไม่มีความสุข รู้สึกตัวเองไม่มีความสุข เรารู้เลยว่าที่ทรมานทั้งหมด ฉ้าน*********ทำตัวเองทั้งนั้นเลย แฟนเคยพูดว่า ถ้าเรากับคนอื่น ดีแค่ไหนผู้ชายก็ทิ้งนะถ้าคุยไม่รู้เรื่องขนาดนี้ เพราะคนสวยกว่านี้ก็มี เอาใจเก่งกว่านี้ก็มี สวยกว่านี้ก็มีและงี่เง่าน้อยกว่านี้ก็มี เรานี่เงิบเลย จริงอย่างที่เค้าพูดทุกอย่าง และมีรุ่นพี่ ผู้ชายเคยสอนว่า ผู้ชายจะรักผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
เราเริ่มทำปฎิบัติการลดอาการงี่เง่า โดยมีกฎหลักๆไม่กี่อย่างคือ
1. ตั้งใจว่า จะไม่มีอาการงี่เง่าใดทั้งสิ้นใน 30 วัน
2. เวลาที่คิดถามสงสัยอะไร จะตัดสินใจถามแฟนตามตรง ถ้าตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ห้ามโกหก ให้หาวิธีเอา จะไม่ตอบก็ไม่ว่า
3. ไม่คิดอะไรที่พาตัวเองต่อยอดแล้วทุกข์ คนเราเรื่องอาจเป็นแค่ไม้ขีดไฟ จินตนาการเป็นไฟไหม้บ้าน
4. เอาใจใส่ตัวเอง การที่งี่เง่าส่วนใหญ่คือ เอาใจไปไว้ที่คนรัก ให้ดึงใจกลับมา เอาเวลาไปดูแลสุขภาพ เสริมสวยหาความรู้
5. ฟังสิ่งดีๆ พยายามเสพสื่อที่ดี ไม่ว่าเพจความสวยงามบน facebook บล็อคนที่ประสบความสำเร็จ เรานี่เลิกฟังเพลงไทยเศร้าไปเลย ไปฟังเพลงสากล ฟังธรรมมะ ฟังดนตรีดีๆ ข้อนี้เหมาะกับ คนที่ชอบทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวี จริงไม่ได้ตั้งใจดราม่า งี่เง่า เพลงมันพาไป
เราเริ่มทำแบบนี้มาสักพักแล้ว รู้สึก ดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์กับแฟน กับตัวเอง กับงาน เหมือนมีความสุขแบบไม่หลอกตัวเอง บางทีก็แอบคิดว่า ฉันเปลี่ยนเพื่อตัวเองขนาดนี้เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเลยเหรอ พอเอาเข้าจริง คือ เราเปลี่ยนเพื่อตัวเรามากที่สุดต่างหาก สุดท้ายคนที่ได้ความสุขคือเรา มันก็ไม่ได้หายขาดราวกับเป็นคนละคน แต่เราว่ามันดีกว่าไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยน
จงอย่าเถียงว่า จะไม่เปลี่ยนเพื่อใคร ต้องรักที่ฉันเป็นฉัน และจมอยู่ความงี่เง่า งอแง ดราม่า แล้วบอกฉันมีความสุข
กลับมาถามตัวเองดี ๆ ว่าถ้ายอมเปลี่ยนเพื่อให้ทุกเรื่องในชีวิตดีขึ้น เรามีความสุข มันดีกว่าไหม!!!!!!!!!!!!!!!!
ไม่รู้คิดถูกไหม ที่ตัดสินใจเลิกกับความงี่เง่า เอาเเต่ใจ เจ้าน้ำตา ดราม่า พอกันที
พอย้ายงานเรียบร้อย คราวนี้อาการงี่เง่าเราทวีความรุนแรงขึ้นมหาศาล จนตัวเองไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น รู้สึกตัวเองสูญเสียสมาธิให้งานใหม่แบบอย่างเห็นได้ชัดด้วยตัวเอง ประกอบด้วยเวลางี่เง่าแล้วคุยไม่รู้เรื่องแฟนจะไม่คุยด้วย(แฟนอายุมากว่าเรา 9 ปี จะเป็นผู้ใหญ่กว่า คอยสอนตลอดถ้าสอนไม่ได้ก็จะโดนดัดนิสัยไม่คุยด้วยเพราะคุยไม่รู้เรื่อง เป็นการดัดนิสัย) คนเจ้าน้ำตา ดราม่าด้วย หนักเลยร้องไห้จนปวดหัว รู้สึกตัวเองไร้ค่า อาการหนักมาจนต้องกินยาแก้แพ้นอนให้เบลอๆ เพื่อให้หลับ
พอมาถึงจุดหนึ่งเราทะเลาะกับแฟนหนักมาก ด้วยความงี่เง่า เริ่มกินเหล้า เริ่มร้าย เริ่มประชดทุกอย่าง เริ่มนิสัยไม่ดี เพื่อเรียกร้องความสนใจ จนกลับมาถามตัวเองว่า ไม่ไหวแล้วกับชีวิตแบบนี้ ดูมันพังไปหมด ทั้งงาน สุขภาพ ความรัก เลยตัดสินใจถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร
แต่ก่อนเราเป็นผู้หญิงที่เคยเชื่อว่า ความงี่เง่า เป็นปกติของ ผู้หญิง ผู้ชายต้องทนได้สิ มาจีบชั้นแล้ววันนี้เปลี่ยนไปเหรอ ถ้าชั้นสวยขึ้น ฉันเอาใจเก่ง ชั้นดีบลาๆ เธอต้องทนความงี่เง่าชั้นได้ แต่พอเอาเข้าจริง ตอนเค้ามาจีบก็หันด้านดีใส่เขากันนะ ไม่เคยแสดงแปลงร่างเป็นมารร้ายที่งี่เง่านะ
จากนั้นเราเริ่มตัดสินใจที่เปลี่ยนตัวเอง ตัดสินใจกำจัดความงี่เง่า เพราะแฟนก็คงไม่มีความสุข รู้สึกตัวเองไม่มีความสุข เรารู้เลยว่าที่ทรมานทั้งหมด ฉ้าน*********ทำตัวเองทั้งนั้นเลย แฟนเคยพูดว่า ถ้าเรากับคนอื่น ดีแค่ไหนผู้ชายก็ทิ้งนะถ้าคุยไม่รู้เรื่องขนาดนี้ เพราะคนสวยกว่านี้ก็มี เอาใจเก่งกว่านี้ก็มี สวยกว่านี้ก็มีและงี่เง่าน้อยกว่านี้ก็มี เรานี่เงิบเลย จริงอย่างที่เค้าพูดทุกอย่าง และมีรุ่นพี่ ผู้ชายเคยสอนว่า ผู้ชายจะรักผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
เราเริ่มทำปฎิบัติการลดอาการงี่เง่า โดยมีกฎหลักๆไม่กี่อย่างคือ
1. ตั้งใจว่า จะไม่มีอาการงี่เง่าใดทั้งสิ้นใน 30 วัน
2. เวลาที่คิดถามสงสัยอะไร จะตัดสินใจถามแฟนตามตรง ถ้าตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ห้ามโกหก ให้หาวิธีเอา จะไม่ตอบก็ไม่ว่า
3. ไม่คิดอะไรที่พาตัวเองต่อยอดแล้วทุกข์ คนเราเรื่องอาจเป็นแค่ไม้ขีดไฟ จินตนาการเป็นไฟไหม้บ้าน
4. เอาใจใส่ตัวเอง การที่งี่เง่าส่วนใหญ่คือ เอาใจไปไว้ที่คนรัก ให้ดึงใจกลับมา เอาเวลาไปดูแลสุขภาพ เสริมสวยหาความรู้
5. ฟังสิ่งดีๆ พยายามเสพสื่อที่ดี ไม่ว่าเพจความสวยงามบน facebook บล็อคนที่ประสบความสำเร็จ เรานี่เลิกฟังเพลงไทยเศร้าไปเลย ไปฟังเพลงสากล ฟังธรรมมะ ฟังดนตรีดีๆ ข้อนี้เหมาะกับ คนที่ชอบทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวี จริงไม่ได้ตั้งใจดราม่า งี่เง่า เพลงมันพาไป
เราเริ่มทำแบบนี้มาสักพักแล้ว รู้สึก ดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์กับแฟน กับตัวเอง กับงาน เหมือนมีความสุขแบบไม่หลอกตัวเอง บางทีก็แอบคิดว่า ฉันเปลี่ยนเพื่อตัวเองขนาดนี้เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเลยเหรอ พอเอาเข้าจริง คือ เราเปลี่ยนเพื่อตัวเรามากที่สุดต่างหาก สุดท้ายคนที่ได้ความสุขคือเรา มันก็ไม่ได้หายขาดราวกับเป็นคนละคน แต่เราว่ามันดีกว่าไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยน
จงอย่าเถียงว่า จะไม่เปลี่ยนเพื่อใคร ต้องรักที่ฉันเป็นฉัน และจมอยู่ความงี่เง่า งอแง ดราม่า แล้วบอกฉันมีความสุข
กลับมาถามตัวเองดี ๆ ว่าถ้ายอมเปลี่ยนเพื่อให้ทุกเรื่องในชีวิตดีขึ้น เรามีความสุข มันดีกว่าไหม!!!!!!!!!!!!!!!!