ถ้าเชิดชูนาซี และ ปลื้มปริ่มเรดการ์ดได้ขนาดนี้แสดงว่าการศึกษาประเทศนี้มีปัญหาแล้วว่ะ...!!!
โลกเขาไปกันถึงไหนแล้ว
แต่ยังมีคนไทยบางส่วนที่ยังอยู่ในกะลา
โดยที่มันไม่เคยคิดหาความรู้กันเลย ว่าประวัติศาสตร์เขาจารึกไอ้ฮิตเล่อร์ไว้ในแง่มุมไหน
ทั้งนักศึกษา , ทั้งนักทำหนัง ,ทั้งนักเรียน, ทั้งประธานองค์กรอิสระ, ทั้งนักการเมือง
ล้วนแล้วแต่เอาฮิตเล่อร์มาเล่นในแบบที่บ่งบอกถึง "รอยหยักในสมอง" กันทั้งนั้น
http://www.khaosodenglish.com/culture/net/2016/09/19/thai-university-students-cosplay-red-guards-nazis-photos/
-นักศึกษา-
จะบอกว่าเป็นการแต่งเพื่อรับน้อง
เป็นการแต่งคอสเพลย์กันแบบเอาสนุก
ยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวงครับ
เพราะหากรู้จักหาความรู้ซักหน่อย
ก็จะรู้ว่านาซีมันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อนมนุษย์
ส่วนเรดการ์ดนั้นก็ก่อตั้งโดยคอมมิวนิสท์เหมา และ ฆ่าคนเห็นต่างไปมากมาย
ไม่น่าเชื่อว่ามีความรู้ถึงขนาดสอบเข้าศิลปากรได้ แต่กลับไร้เดียงสาในเรื่องพวกนี้
"students said to be from the Faculty of Decorative Arts at Silpakorn University mug in uniforms of the Red Guards, the fanatical students organized by Mao Zedong in the mid-1960s who went on a campaign of torture and murder. At least one student cosplayed as Nazi Party leader and German Fuhrer Adolf Hitler."
เรื่องแบบนี้อาจดูใกลตัวคนกะลาแลนด์
แต่เชื่อเถอะว่าลูกหลานของพวกยิวที่โดนเอาเข้าห้องรมแก๊ส
หรือ ญาติพี่น้องของคนที่โดนเรดการ์ดฆ่านั้น เขาไม่ได้สนุกกับเราด้วยแน่ๆ
มิหนำซ้ำยังมีนักศึกษาโง่ๆบางตัวทำท่า Salutes ของนาซีอวดชาวโลกอีกต่างหาก
"Whether dressed as German fascists or Chinese communists, the students all raised Nazi salutes in the photos."
ก่อนหน้านี้ในปี 2013
ที่ "จุฬาฯ" ก็มีเรื่องขายขี้เท่อแบบนี้เช่นกัน
เพราะมีนักศึกษาที่เรียนจบถ่ายรูปกับพร็อพที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่
และ 1 ในซุปเปอร์ฮีโร่นั้น คือ "ฮิตเล่อร์" แถมนักศึกษานั่นยังทำท่า Salutes อีกต่างหาก
มหาลัย (ที่ประกาศว่าตัวเองมีเกียรติภูมิผ่านชุดครุยที่ถึงขนาดขอความร่วมมือนักศึกษาให้ถ่ายรูปกับชุดครุยแบบสำรวม) ถึงกับต้องออกมาขอโทษสังคมที่นักศึกษาซึ่งอุตส่าห์เรียนจบในมหาลัยชั้นนำแบบนี้ขาดความรู้ด้านประวัติศาสตร์จนเห็นฮิตเลอ่ร์เป็น "ฮีโร่"
"Chulalongkorn University apologized in 2013 after its graduating seniors posed for photos doing the Nazi salute in front of a mural of “superheroes” which included Adolf Hitler."
ท่าทางคงต้องถึงเวลาปฏิรูปการศึกษากันแล้วมั้งเนี่ย...????
-นักทำหนัง-
คนที่จะทำหนังได้นั้น
มันจะต้องเป็นคนที่ชอบการ "ค้นคว้า"
เพื่อที่จะถ่ายทอดเนื้อหาของหนังออกมาให้มีคุณค่าได้อย่างเต็มที่
แต่ 1 ในไอ้คนทำหนังค่านิยม 12 ประการนี่ตรงกันข้ามเลย
เพราะมันเอาเรื่องราวของฮิตเล่อร์
มาใส่ในหนังตอน "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" จนโดนชาวโลกด่าเละ
ในหนังมันมีฉากที่นักเรียนชายคนหนึ่งยืนยิ้มกริ่ม
แล้วก็วาดรูปฮิตเลอร์ โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนยืนตบมือชื่มชมอยู่ข้างๆ !!! (ตบมืออัลไลละเนี่ย ???)
ฮิตเล่อร์เนี่ยนะจะมา "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" ?????
ท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศทุย Simon Roded
ถึงกับเต้นผางเป็นเจ้าเข้า ที่เห็น scene นี้โผล่มาในหนัง
ท่านทูตเขียนในเฟสบุ๊คว่า...
"ไอโคตรเสียใจshipหายที่เห็นภาพแบบนี้ในหนัง
เพราะฮิตเลอร์ และ ระบอบนาซี เป็นความโหดร้ายของการเหยียดชาติพันธุ์
จนนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 11 ล้านคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ เด็ก"
-นักเรียน-
ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารนี้
การเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆมันง่ายshipหาย
สมัยจ่าเรียนหนังสือ แหล่งความรู้มีเพียงที่เดียวคือ "ห้องสมุด"
อยากได้ความรู้อะไรก็ต้องมีความมานะบากบั่นไปนั่งรื้อ นั่งค้น นั่งอ่าน
เผลอๆไปถึงห้องสมุดแล้ว หนังสือเล่นที่อยากอ่านไม่อยู่อีกต่างหาก (โคตรเสียเที่ยวเลย)
เทียบกับนักเรียนสมัยนี้
พวกมีแค่คอมพิวเตอร์แล้วต่อเน็ท
ก็สามารถค้นคว้าได้ทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลนี้
แต่...ยังมีเด็กวัยรุ่นที่ไม่หาความรู้
อย่างเด็กบางกลุ่มที่ รร.พระหฤทัย เชียงใหม่
ที่เดินพาเหรดในงานกีฬาสีด้วยการแต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์ และ ทหารหน่วย SS
แถมยังถือธงสวัสดิกะ กับ ปืนปลอมอีกต่างหาก !!!!!
อย่าลืมว่าจังหวัดอย่างเชียงใหม่นั้น
มันมีฝรั่งที่เกษียณแล้วมาปักหลักใช้ชีวิตในบั้นปลายเต็มไปหมด
เรื่องเลยบานปลายแบบ โก โซ บิ๊ก
จนผู้แทนจากสถานกงสุลอังกฤษ สหรัฐ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี
ถึงกับต้องมาที่โรงเรียนพระหฤทัยเรียกร้องให้ครูสอนประวัติศาสตร์สมัยใหม่
และ ขอให้บรรจุการสอนเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลักสูตร เพื่อให้เด็กสมัยนี้ได้เรียนรู้ความเลวร้ายของนาซี
ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องแบบเดียวกันเป๊ะที่ รร.ทิวไผ่งาม ใน กทม.
จนโรงเรียนถึงกับต้องทำหนังสือขอโทษไปที่ "ศูนย์ไซม่อน วีเซนธฮาล"
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใน ลอส แองเจลิส
นี่แหละ...ผลของการไม่ค้นคว้าหาความรู้ของเด็กสมัยนี้ !!!
-ประธานองค์กรอิสระ-
คนที่จะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้
ควรที่จะมีวิสัยทัศน์มากกว่าคนธรรมดา
เพราะมันจะทำหน้าที่ดูแลประเทศในแบบมหภาค ตามอำนาจหน้าที่ๆตราไว้
แต่ "วสันต์" ซึ่งเป็นถึงประธาน ตลก.ตรงกันข้ามเลย....เพราะโง่ดักดานจริงๆ !!!
คำพูดของไอ้หมอนี่ที่บอกว่า
"ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ฮิตเล่อร์ยังได้เป็นผู้นำที่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ในตัวมัน ว่ามีพอๆกับเด็กนักเรียนที่แต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์เลยก็ว่าได้
ฮิตเล่อร์แพ้เลือกตั้งนะครับ......วสันต์ !!!
มันไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นประชามติของคนเยอรมันเลยซักนิด
มันลงสมัครเลือกตั้งในปี 1932
แต่คะแนนที่มันได้มานั้นไม่มากพอที่จะชนะ
เพราะมันแพ้ให้กับ "พอล ฟอน ฮินเดนบวร์ก" ผู้สมัครอิสระ
แถมกองกำลัง SA และ SS ของมันยังไปก่อกวนการเลือกตั้งอีกต่างหาก
จากนั้นไม่นานก็เกิดวิฤติทางการเมือง
และ ตามมาด้วยการยุบสภาสภาเลือกตั้งใหม่ในปีเดียวกันนั่นแหละ
เลือกตั้งครั้งนี้พรรคของไอ้หนวดจิ๋มได้คะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งก่อน
แต่หลังการเลือกตั้ง พวกมันยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แบบไหน
ปัญหามันคาราคาซังจนต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปลายปีเดียวกัน ( 3 ครั้งแล้ว )
คราวนี้คะแนนของไอ้ฮิตเล่อร์กลับลดลงไปจากที่เคยได้ครั้งก่อน จนการตั้งรัฐบาลแทงกั๊กกันไปมาระหว่าง 2 ก๊กที่แข่งกัน
นายก "ฟรานซ์ ฟอน เพเพน" จึงได้เสนอให้เลือกตั้งใหม่อีกรอบ
โดยที่ระหว่างนั้นเพเพนจะบริหารประเทศแบบไม่มีสภาไปเรื่อยๆก่อน
แต่ "เคิร์ด ฟอน ชไลเชอร์" หนึ่งในรัฐมนตรีกลัวว่าผู้คนจะไม่ยอมรับและจะเกิดความรุนแรง
จึงได้ออกหน้าไปคุยกับประธานาธิบดีฮินเดนบวร์ก ว่าจะรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลให้โดยมีแผนว่าจะทำให้พรรคฮิตเล่อร์แตกคอกันเอง
ชไลเชอร์ได้ไปเจรจากับ "สแตรสเซอร์"
สแตรสเซอร์คนนี้คือคู่แข่งของฮิตเล่อร์ (แต่ก็อยู่พรรคเดียวกับฮิตเล่อร์นั่นแหละ)
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขยับทำอะไรเลยไอ้สแตรสเซอรก็ดันมาโดนลดทอนอำนาจในพรรคลงไป....แผนเลยเป็นหมัน
ในขณะเดียวกัน
นายกฯเพเพน ก็หักหลังชไลเชอร์
ด้วยการแอบไปคุยหลังบ้านกับฮิตเล่อร์เพื่อแบ่งผลประโยชน์
และ ลงเอยด้วยฮิตเล่อร์ยอมรับการแบ่งเค็กของเพเพน
โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้ฮิตเลอร์ นั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ในตำแหน่งนายกฯ
ฮิตเลอร์จึงเป็นนายกฯเมื่อ 30 มกราคม 1933
ในขณะที่เพเพนยอมลดเพดานบินไปเป็นรองนายกฯ
มันจึงกลายเป็นการขึ้นเป็นนายกฯโดยที่ "ไม่ชนะการเลือกตั้ง" จากเสียงส่วนใหญ่อะไรเลยของฮิตเล่อร์
เพราะมันใช้วิธีเจรจาแบบ "งูเห่า" เหมือนที่ชวน ทำกับ พรรคประชากรไทยของลุงหมัก
วสันต์เป็นถึง ปธ.ตลก.
ที่ต้องให้คุณ ให้โทษกับนักการเมือง
ตามอำนาจหน้าที่ และ บทบัญญัติของ รธน.
ไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนระดับนี้จะ "โง่" ถึงขนาดกล้าพูดว่า "ฮิตเล่อร์เป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง"
-นักการเมือง-
รธน.กำหนดให้นักการเมืองต้องจบ ป.ตรี
เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชนควรที่จะ "มีความรู้" ในระดับหนึ่ง
ไม่ใช่โง่ๆไม่มีความรู้แล้วยังอยากจะมาเป็น สส. อยากจะมาเป็นรัฐมนตรีให้อายหมามัน
แต่ "บุญยอด" มันทำให้รู้สึกเลยว่าปริญญาตรีอาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนบางคน
เพราะขนาดว่ามันเป็น สส.
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มาจากประชาชนแท้ๆ
แต่มันดันนิยมชมชอบอะไรที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลย
จนถึงขนาดมันกล้าทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร" ในสภาฯ
ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีแต่ผู้คนที่มาจากประชาธิปไตยด้วยเสียงของประชาชน !!!
บุญยอดคงไม่รู้หรอก
ว่าถ้าเกิดไปเดินอยู่แถวๆยุโรป
แล้วทะลึ่งไปทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร์" ให้ใครเขาเห็น
บุญยอดอาจโดนตรีนฝรั่งกระทืบจนจำบ้านเลขที่ไม่ได้ไปเลยก็ได้
เป็น สส.ตามระบอบประชาธิปไตยแท้ๆ แต่กลับบูชาฮิตเล่อร์
คนแบบนี้อย่าว่าแต่จบ ป.ตรีเลย ต่อให้จบ ป.เอก ก็คงไม่ฉลาดขึ้นหรอก !!
ประเทศที่ผู้คนเชื่อในความเป็น "คนดี"
โดยที่ไม่เคยคิดจะออกไปหาความรู้นอกกะลาเลย
มันก็คงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะมีคนชอบในสิ่งที่ชาวโลกส่วนใหญ่เขารังเกียจกัน
เชื่อเถอะ...
เรื่องแบบนี้จะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ
เพราะผู้คนบางส่วนในประเทศนี้ดันชอบความเป็นเผด็จการ....
ชอบกันจนถึงขนาดเห็นว่า ฮิตเล่อร์ , ไฮ ฮิตเล่อร์ , สวัสดิกะ , คอมมิวนิสท์ , เรดการ์ด , ฟาสซิสม์ เป็นเรื่องดี ...!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@@@@@@----------จ่าว่าเราคงมีปัญหาแล้วครับ....!!!!!!---------@@@@@@@@@@
โลกเขาไปกันถึงไหนแล้ว
แต่ยังมีคนไทยบางส่วนที่ยังอยู่ในกะลา
โดยที่มันไม่เคยคิดหาความรู้กันเลย ว่าประวัติศาสตร์เขาจารึกไอ้ฮิตเล่อร์ไว้ในแง่มุมไหน
ทั้งนักศึกษา , ทั้งนักทำหนัง ,ทั้งนักเรียน, ทั้งประธานองค์กรอิสระ, ทั้งนักการเมือง
ล้วนแล้วแต่เอาฮิตเล่อร์มาเล่นในแบบที่บ่งบอกถึง "รอยหยักในสมอง" กันทั้งนั้น
http://www.khaosodenglish.com/culture/net/2016/09/19/thai-university-students-cosplay-red-guards-nazis-photos/
-นักศึกษา-
จะบอกว่าเป็นการแต่งเพื่อรับน้อง
เป็นการแต่งคอสเพลย์กันแบบเอาสนุก
ยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวงครับ
เพราะหากรู้จักหาความรู้ซักหน่อย
ก็จะรู้ว่านาซีมันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อนมนุษย์
ส่วนเรดการ์ดนั้นก็ก่อตั้งโดยคอมมิวนิสท์เหมา และ ฆ่าคนเห็นต่างไปมากมาย
ไม่น่าเชื่อว่ามีความรู้ถึงขนาดสอบเข้าศิลปากรได้ แต่กลับไร้เดียงสาในเรื่องพวกนี้
"students said to be from the Faculty of Decorative Arts at Silpakorn University mug in uniforms of the Red Guards, the fanatical students organized by Mao Zedong in the mid-1960s who went on a campaign of torture and murder. At least one student cosplayed as Nazi Party leader and German Fuhrer Adolf Hitler."
เรื่องแบบนี้อาจดูใกลตัวคนกะลาแลนด์
แต่เชื่อเถอะว่าลูกหลานของพวกยิวที่โดนเอาเข้าห้องรมแก๊ส
หรือ ญาติพี่น้องของคนที่โดนเรดการ์ดฆ่านั้น เขาไม่ได้สนุกกับเราด้วยแน่ๆ
มิหนำซ้ำยังมีนักศึกษาโง่ๆบางตัวทำท่า Salutes ของนาซีอวดชาวโลกอีกต่างหาก
"Whether dressed as German fascists or Chinese communists, the students all raised Nazi salutes in the photos."
ก่อนหน้านี้ในปี 2013
ที่ "จุฬาฯ" ก็มีเรื่องขายขี้เท่อแบบนี้เช่นกัน
เพราะมีนักศึกษาที่เรียนจบถ่ายรูปกับพร็อพที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่
และ 1 ในซุปเปอร์ฮีโร่นั้น คือ "ฮิตเล่อร์" แถมนักศึกษานั่นยังทำท่า Salutes อีกต่างหาก
มหาลัย (ที่ประกาศว่าตัวเองมีเกียรติภูมิผ่านชุดครุยที่ถึงขนาดขอความร่วมมือนักศึกษาให้ถ่ายรูปกับชุดครุยแบบสำรวม) ถึงกับต้องออกมาขอโทษสังคมที่นักศึกษาซึ่งอุตส่าห์เรียนจบในมหาลัยชั้นนำแบบนี้ขาดความรู้ด้านประวัติศาสตร์จนเห็นฮิตเลอ่ร์เป็น "ฮีโร่"
"Chulalongkorn University apologized in 2013 after its graduating seniors posed for photos doing the Nazi salute in front of a mural of “superheroes” which included Adolf Hitler."
ท่าทางคงต้องถึงเวลาปฏิรูปการศึกษากันแล้วมั้งเนี่ย...????
-นักทำหนัง-
คนที่จะทำหนังได้นั้น
มันจะต้องเป็นคนที่ชอบการ "ค้นคว้า"
เพื่อที่จะถ่ายทอดเนื้อหาของหนังออกมาให้มีคุณค่าได้อย่างเต็มที่
แต่ 1 ในไอ้คนทำหนังค่านิยม 12 ประการนี่ตรงกันข้ามเลย
เพราะมันเอาเรื่องราวของฮิตเล่อร์
มาใส่ในหนังตอน "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" จนโดนชาวโลกด่าเละ
ในหนังมันมีฉากที่นักเรียนชายคนหนึ่งยืนยิ้มกริ่ม
แล้วก็วาดรูปฮิตเลอร์ โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนยืนตบมือชื่มชมอยู่ข้างๆ !!! (ตบมืออัลไลละเนี่ย ???)
ฮิตเล่อร์เนี่ยนะจะมา "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" ?????
ท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศทุย Simon Roded
ถึงกับเต้นผางเป็นเจ้าเข้า ที่เห็น scene นี้โผล่มาในหนัง
ท่านทูตเขียนในเฟสบุ๊คว่า...
"ไอโคตรเสียใจshipหายที่เห็นภาพแบบนี้ในหนัง
เพราะฮิตเลอร์ และ ระบอบนาซี เป็นความโหดร้ายของการเหยียดชาติพันธุ์
จนนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 11 ล้านคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ เด็ก"
-นักเรียน-
ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารนี้
การเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆมันง่ายshipหาย
สมัยจ่าเรียนหนังสือ แหล่งความรู้มีเพียงที่เดียวคือ "ห้องสมุด"
อยากได้ความรู้อะไรก็ต้องมีความมานะบากบั่นไปนั่งรื้อ นั่งค้น นั่งอ่าน
เผลอๆไปถึงห้องสมุดแล้ว หนังสือเล่นที่อยากอ่านไม่อยู่อีกต่างหาก (โคตรเสียเที่ยวเลย)
เทียบกับนักเรียนสมัยนี้
พวกมีแค่คอมพิวเตอร์แล้วต่อเน็ท
ก็สามารถค้นคว้าได้ทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลนี้
แต่...ยังมีเด็กวัยรุ่นที่ไม่หาความรู้
อย่างเด็กบางกลุ่มที่ รร.พระหฤทัย เชียงใหม่
ที่เดินพาเหรดในงานกีฬาสีด้วยการแต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์ และ ทหารหน่วย SS
แถมยังถือธงสวัสดิกะ กับ ปืนปลอมอีกต่างหาก !!!!!
อย่าลืมว่าจังหวัดอย่างเชียงใหม่นั้น
มันมีฝรั่งที่เกษียณแล้วมาปักหลักใช้ชีวิตในบั้นปลายเต็มไปหมด
เรื่องเลยบานปลายแบบ โก โซ บิ๊ก
จนผู้แทนจากสถานกงสุลอังกฤษ สหรัฐ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี
ถึงกับต้องมาที่โรงเรียนพระหฤทัยเรียกร้องให้ครูสอนประวัติศาสตร์สมัยใหม่
และ ขอให้บรรจุการสอนเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลักสูตร เพื่อให้เด็กสมัยนี้ได้เรียนรู้ความเลวร้ายของนาซี
ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องแบบเดียวกันเป๊ะที่ รร.ทิวไผ่งาม ใน กทม.
จนโรงเรียนถึงกับต้องทำหนังสือขอโทษไปที่ "ศูนย์ไซม่อน วีเซนธฮาล"
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใน ลอส แองเจลิส
นี่แหละ...ผลของการไม่ค้นคว้าหาความรู้ของเด็กสมัยนี้ !!!
-ประธานองค์กรอิสระ-
คนที่จะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้
ควรที่จะมีวิสัยทัศน์มากกว่าคนธรรมดา
เพราะมันจะทำหน้าที่ดูแลประเทศในแบบมหภาค ตามอำนาจหน้าที่ๆตราไว้
แต่ "วสันต์" ซึ่งเป็นถึงประธาน ตลก.ตรงกันข้ามเลย....เพราะโง่ดักดานจริงๆ !!!
คำพูดของไอ้หมอนี่ที่บอกว่า
"ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ฮิตเล่อร์ยังได้เป็นผู้นำที่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ในตัวมัน ว่ามีพอๆกับเด็กนักเรียนที่แต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์เลยก็ว่าได้
ฮิตเล่อร์แพ้เลือกตั้งนะครับ......วสันต์ !!!
มันไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นประชามติของคนเยอรมันเลยซักนิด
มันลงสมัครเลือกตั้งในปี 1932
แต่คะแนนที่มันได้มานั้นไม่มากพอที่จะชนะ
เพราะมันแพ้ให้กับ "พอล ฟอน ฮินเดนบวร์ก" ผู้สมัครอิสระ
แถมกองกำลัง SA และ SS ของมันยังไปก่อกวนการเลือกตั้งอีกต่างหาก
จากนั้นไม่นานก็เกิดวิฤติทางการเมือง
และ ตามมาด้วยการยุบสภาสภาเลือกตั้งใหม่ในปีเดียวกันนั่นแหละ
เลือกตั้งครั้งนี้พรรคของไอ้หนวดจิ๋มได้คะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งก่อน
แต่หลังการเลือกตั้ง พวกมันยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แบบไหน
ปัญหามันคาราคาซังจนต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปลายปีเดียวกัน ( 3 ครั้งแล้ว )
คราวนี้คะแนนของไอ้ฮิตเล่อร์กลับลดลงไปจากที่เคยได้ครั้งก่อน จนการตั้งรัฐบาลแทงกั๊กกันไปมาระหว่าง 2 ก๊กที่แข่งกัน
นายก "ฟรานซ์ ฟอน เพเพน" จึงได้เสนอให้เลือกตั้งใหม่อีกรอบ
โดยที่ระหว่างนั้นเพเพนจะบริหารประเทศแบบไม่มีสภาไปเรื่อยๆก่อน
แต่ "เคิร์ด ฟอน ชไลเชอร์" หนึ่งในรัฐมนตรีกลัวว่าผู้คนจะไม่ยอมรับและจะเกิดความรุนแรง
จึงได้ออกหน้าไปคุยกับประธานาธิบดีฮินเดนบวร์ก ว่าจะรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลให้โดยมีแผนว่าจะทำให้พรรคฮิตเล่อร์แตกคอกันเอง
ชไลเชอร์ได้ไปเจรจากับ "สแตรสเซอร์"
สแตรสเซอร์คนนี้คือคู่แข่งของฮิตเล่อร์ (แต่ก็อยู่พรรคเดียวกับฮิตเล่อร์นั่นแหละ)
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขยับทำอะไรเลยไอ้สแตรสเซอรก็ดันมาโดนลดทอนอำนาจในพรรคลงไป....แผนเลยเป็นหมัน
ในขณะเดียวกัน
นายกฯเพเพน ก็หักหลังชไลเชอร์
ด้วยการแอบไปคุยหลังบ้านกับฮิตเล่อร์เพื่อแบ่งผลประโยชน์
และ ลงเอยด้วยฮิตเล่อร์ยอมรับการแบ่งเค็กของเพเพน
โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้ฮิตเลอร์ นั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ในตำแหน่งนายกฯ
ฮิตเลอร์จึงเป็นนายกฯเมื่อ 30 มกราคม 1933
ในขณะที่เพเพนยอมลดเพดานบินไปเป็นรองนายกฯ
มันจึงกลายเป็นการขึ้นเป็นนายกฯโดยที่ "ไม่ชนะการเลือกตั้ง" จากเสียงส่วนใหญ่อะไรเลยของฮิตเล่อร์
เพราะมันใช้วิธีเจรจาแบบ "งูเห่า" เหมือนที่ชวน ทำกับ พรรคประชากรไทยของลุงหมัก
วสันต์เป็นถึง ปธ.ตลก.
ที่ต้องให้คุณ ให้โทษกับนักการเมือง
ตามอำนาจหน้าที่ และ บทบัญญัติของ รธน.
ไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนระดับนี้จะ "โง่" ถึงขนาดกล้าพูดว่า "ฮิตเล่อร์เป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง"
-นักการเมือง-
รธน.กำหนดให้นักการเมืองต้องจบ ป.ตรี
เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชนควรที่จะ "มีความรู้" ในระดับหนึ่ง
ไม่ใช่โง่ๆไม่มีความรู้แล้วยังอยากจะมาเป็น สส. อยากจะมาเป็นรัฐมนตรีให้อายหมามัน
แต่ "บุญยอด" มันทำให้รู้สึกเลยว่าปริญญาตรีอาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนบางคน
เพราะขนาดว่ามันเป็น สส.
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มาจากประชาชนแท้ๆ
แต่มันดันนิยมชมชอบอะไรที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลย
จนถึงขนาดมันกล้าทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร" ในสภาฯ
ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีแต่ผู้คนที่มาจากประชาธิปไตยด้วยเสียงของประชาชน !!!
บุญยอดคงไม่รู้หรอก
ว่าถ้าเกิดไปเดินอยู่แถวๆยุโรป
แล้วทะลึ่งไปทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร์" ให้ใครเขาเห็น
บุญยอดอาจโดนตรีนฝรั่งกระทืบจนจำบ้านเลขที่ไม่ได้ไปเลยก็ได้
เป็น สส.ตามระบอบประชาธิปไตยแท้ๆ แต่กลับบูชาฮิตเล่อร์
คนแบบนี้อย่าว่าแต่จบ ป.ตรีเลย ต่อให้จบ ป.เอก ก็คงไม่ฉลาดขึ้นหรอก !!
ประเทศที่ผู้คนเชื่อในความเป็น "คนดี"
โดยที่ไม่เคยคิดจะออกไปหาความรู้นอกกะลาเลย
มันก็คงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะมีคนชอบในสิ่งที่ชาวโลกส่วนใหญ่เขารังเกียจกัน
เชื่อเถอะ...
เรื่องแบบนี้จะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ
เพราะผู้คนบางส่วนในประเทศนี้ดันชอบความเป็นเผด็จการ....
ชอบกันจนถึงขนาดเห็นว่า ฮิตเล่อร์ , ไฮ ฮิตเล่อร์ , สวัสดิกะ , คอมมิวนิสท์ , เรดการ์ด , ฟาสซิสม์ เป็นเรื่องดี ...!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์