เมื่อวันที่ 18 กันยายน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat ตั้งค่าเข้าถึงเป็นสาธารณะ ถึงกรณีปัญหาเมืองหลวงของไทย ระบุว่า
ฤาจะถึงเวลาที่ต้องคิดการใหญ่เสียที
กรุงเทพมหานคร เจริญรุ่งเรืองเกินขีดสุด
จนกลายเป็นเมืองอัปลักษณ์ที่สุด
ประชากรหนาแน่นที่สุด
ถนนหนทางคับแคบมืดมิดที่สุด
จราจรติดขัดที่สุด ทุกที่ ทุกเวลา
น้ำท่วมรอระบาย ทุกเวลาที่ฝนตก
การติดต่อสื่อสารยากที่สุด
ระดมสร้างรถไฟฟ้ามากที่สุด
ระดมสร้างคอนโดมากที่สุด
ระดมสร้างห้างสรรพสินค้ามากที่สุด
งานการรวมกระจุกมากที่สุด
สลัมชุมชนแออัด อาชญากรรมมากที่สุด
แท๊กซี่น่ากลัวที่สุด
ม้อบมากระจุกรวมตัวมากที่สุด แย่งอากาศหายใจกันมากที่สุด
อากาศ ขยะ สิ่งแวดล้อมสกปรกที่สุด
ดร.อาทิตย์ระบุอีกว่า “พม่า ยังย้ายไป เนปิดอร์ มาเลเซีย ยังย้ายไป ปุตตราจาย่า แล้ว ไทย ล่ะ ไม่คิดไปไหนเหรอ หรือคิดแต่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ คิดแค่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ส่วนกระทรวงอื่นเพื่อเศรษฐกิจส่วนตัว) คิดแค่ Thailand 4.0 คิดเกินไป 4.5 ได้ไหม เอาแค่ GDP โดยไม่สนว่า GDP ของไคร คิดแค่ ส่งออก 3%”
มติชนออนไลน์
คหสต . กรุงเทพเมืองที่ถมไม่เคยเต็ม ต่อให้สร้างอะไรต่างๆมารองรับแค่ไหน ก็ไม่มีวันพอ เพราะปัญหาของกรุงเทพ มันเริ่มตั้งแต่ผังเมือง การรวบทุกอย่างมาไว้เมืองนี้ ไม่กระจายออกไป คนยึดติดกับสิ่งเดิมๆ อันดับแรกที่จะแก้ปัญหาของเมืองนี้ได้ก็คือ ลดคน กระจายคนออกไปอยู่เมืองอื่น เมื่อคนน้อยลงการ แล้วค่อยปรับปรุงพัฒนาสิ่งที่แย่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะทำได้ไงง่ายขึ้น เพราะมันช่วยลดปัญหาที่เพิ่มขึ้น อย่าง เมืองราชการ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องเอามาไว้ที่ กรุงเทพอย่างเดียว ศูนย์ราชการ การเมือง รัฐสภา ไปอยู่จังหวัดไหนก็ได้ ก็สามารถบริหารประเทศได้เหมือนกัน แค่ครอบครัวข้าราชการไป ก็จะมีคนแห่ไปเปิดร้านทำธุรกิจ จ้างงานตามไปเอง ถ้าจะอ้างประชาชนเดินทางไม่สะดวก ทุกวันนี้ประชาชนทุกจังหวัดก็วิ่งตรงมา กรุงเทพเหมือนกัน ถ้าย้ายไป จังหวัดอื่นก็ไม่เห็นจะลำบากขึ้นตรงไหน แค่เปลี่ยนที่
กรุงเทพฯจากเจริญสุด สู่เมืองอัปลักษณ์สุด ถึงเวลาคิดการใหญ่เสียที?
เมื่อวันที่ 18 กันยายน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat ตั้งค่าเข้าถึงเป็นสาธารณะ ถึงกรณีปัญหาเมืองหลวงของไทย ระบุว่า
ฤาจะถึงเวลาที่ต้องคิดการใหญ่เสียที
กรุงเทพมหานคร เจริญรุ่งเรืองเกินขีดสุด
จนกลายเป็นเมืองอัปลักษณ์ที่สุด
ประชากรหนาแน่นที่สุด
ถนนหนทางคับแคบมืดมิดที่สุด
จราจรติดขัดที่สุด ทุกที่ ทุกเวลา
น้ำท่วมรอระบาย ทุกเวลาที่ฝนตก
การติดต่อสื่อสารยากที่สุด
ระดมสร้างรถไฟฟ้ามากที่สุด
ระดมสร้างคอนโดมากที่สุด
ระดมสร้างห้างสรรพสินค้ามากที่สุด
งานการรวมกระจุกมากที่สุด
สลัมชุมชนแออัด อาชญากรรมมากที่สุด
แท๊กซี่น่ากลัวที่สุด
ม้อบมากระจุกรวมตัวมากที่สุด แย่งอากาศหายใจกันมากที่สุด
อากาศ ขยะ สิ่งแวดล้อมสกปรกที่สุด
ดร.อาทิตย์ระบุอีกว่า “พม่า ยังย้ายไป เนปิดอร์ มาเลเซีย ยังย้ายไป ปุตตราจาย่า แล้ว ไทย ล่ะ ไม่คิดไปไหนเหรอ หรือคิดแต่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ คิดแค่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ส่วนกระทรวงอื่นเพื่อเศรษฐกิจส่วนตัว) คิดแค่ Thailand 4.0 คิดเกินไป 4.5 ได้ไหม เอาแค่ GDP โดยไม่สนว่า GDP ของไคร คิดแค่ ส่งออก 3%”
มติชนออนไลน์
คหสต . กรุงเทพเมืองที่ถมไม่เคยเต็ม ต่อให้สร้างอะไรต่างๆมารองรับแค่ไหน ก็ไม่มีวันพอ เพราะปัญหาของกรุงเทพ มันเริ่มตั้งแต่ผังเมือง การรวบทุกอย่างมาไว้เมืองนี้ ไม่กระจายออกไป คนยึดติดกับสิ่งเดิมๆ อันดับแรกที่จะแก้ปัญหาของเมืองนี้ได้ก็คือ ลดคน กระจายคนออกไปอยู่เมืองอื่น เมื่อคนน้อยลงการ แล้วค่อยปรับปรุงพัฒนาสิ่งที่แย่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะทำได้ไงง่ายขึ้น เพราะมันช่วยลดปัญหาที่เพิ่มขึ้น อย่าง เมืองราชการ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องเอามาไว้ที่ กรุงเทพอย่างเดียว ศูนย์ราชการ การเมือง รัฐสภา ไปอยู่จังหวัดไหนก็ได้ ก็สามารถบริหารประเทศได้เหมือนกัน แค่ครอบครัวข้าราชการไป ก็จะมีคนแห่ไปเปิดร้านทำธุรกิจ จ้างงานตามไปเอง ถ้าจะอ้างประชาชนเดินทางไม่สะดวก ทุกวันนี้ประชาชนทุกจังหวัดก็วิ่งตรงมา กรุงเทพเหมือนกัน ถ้าย้ายไป จังหวัดอื่นก็ไม่เห็นจะลำบากขึ้นตรงไหน แค่เปลี่ยนที่