เชื่อว่าหลายคนภายหลังจากการฝึกเจริญพระกรรมฐานแล้ว ถ้าฝึกแบบจริงๆแน่นอนว่าต้องเกิดสภาวะธรรมหรือสภาวะความก้าวหน้าทางการปฏิบัติ หลายคนมีครูบาอาจารย์ที่เก่ง ท่านก็จะได้รับการแนะนำอย่างถูกวิธี ฝึกต่อก็เกิดความก้าวหน้ารวดเร็ว แต่ถ้าบางท่านเจอครูบาอาจารย์ที่ไม่เก่ง สอนตามตำรา หรือไม่ถูกกับจริตของท่านๆก็จะปฏิบัติแบบพายเรือทวนอยู่ในอ่างแบบข้าพเจ้าในอดีต
ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสได้คุยกับผู้รู้ ได้ข้อคิดดีๆ ผมขอเอามาแชร์เพื่อให้เกิดประโยชน์
ขั้นต้นท่านต้องทราบก่อนว่า แนวทางการฝึกสมาธิหรือการเจริญพระกรรมฐานในประเทศไทย หลักๆมีทั้งหมด 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่1 ฝึกแบบสุขวิปัสสโก->ผู้ที่กลุ่มนี้ฝึกกลุ่มนี้จะเน้นเพ่งพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกตามแนวอานาปานสติ มีบริกรรมพุท-โธตามลมหายใจเข้า-ออก เมื่อเข้าเกิดองค์ฌาน อย่าง วิตก วิจาร ปิติ สุข เอตคัตตา เมื่อวางสิ่งที่ได้ทั้งหมดทฌาน 4 จากนั้นท่านจึงถอยอารมณ์กลับเข้าสูอารมณ์อุปปจาระสมาธิเพื่อพิจารณากาย-เวทนา-จิต-ธรรม เน้นการปล่อยวางทางความคิดมากกว่าตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง
กลุ่มที่ 2.ฝึกสมาธิแบบเตวิชโช->กลุ่มนี้จะฝึกตามแนวทางกรรมฐาน40มีมหาสติปัฏฐานสูตรเป็นเครื่องมือพิจารณาพระกรรมฐาน การฝึกขึ้นต้นเน้นเพ่งกษินให้เกิดภาพ เพื่อเป็นฐานของสมาธิในระดับต่อๆไป บางท่านเพ่งดิน เพ่งน้ำ เพ่งลม เพ่งไฟ-อากาศ สีแดง เหลือง เขียว ขาว หรือเพ่งแสง บางคนจับพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ นึกถึงคุณความดีพระพุทธองค์ เทวดา พรหม เพื่อให้เกิดกำลังฌาน บางท่านถูกจริตอสุภกรรมฐาน มีจริตขอบนึกถึงความตายเป็นอารมณ์
ผู้ที่ฝึกแนวทางเตวิชโชนี้จะมีผลการปฏิบัติที่ต่างจากกลุ่มแรกคือประสบการณ์ทางสมาธิ เข้าใจถึงอารมณ์สภาวะฌาณ4 ฌาน8 เมื่อได้แล้วจึงเพ่งเข้าสู่เข้าสู่การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อเพ่งถึงกาย-เวทนา-จิต-ธรรม ซึ่งจะเห็นถาพชัดเจนมาก บางท่านได้ของแถมอย่าง วิชชา 2ใน3 อภิญญา 5ใน6 และต้องเข้าพิจารณากรรมฐานต่ออีกเรื่อยๆ กลุ่มนี้จะเกิดปัญญามากกว่าแบบที่1เพราะอีกกลุ่มรู้ทุกอย่างฝึกยากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแสวงหาคำตอบทางธรรม เมื่อเข้าใจทุกอย่างก็จึงปล่อยวาง เพราะทราบแล้วว่าทุกอย่างเป็นของไม่แน่นอน มีความเป็นอนิจจังเป็นปลายทาง
เชื่อว่าผู้ที่ฝึกปฏิบัติทั้ง2วิธีนั้นเกิดมรรคเกิดผล บางท่านมีคำถามแต่หาคำตอบไม่ได้ บางคนมาทางจริตเตวิชโชแต่มาฝึกสายสุขวิปัสสโก ท่านก็จะไม่ได้คำตอบจากแนวดังกล่าว ส่วนอีกกลุ่มสายเตวิชโช ท่านที่ชอบความเรียบง่ายมาฝึกมักจะท้อแท้ บางครั้งก็จับกลุ่มคุยกันนอกรอบ คุยไปคุยมาเกิดความฟุ้งซ่าน ท่านควรค้นหาตัวเองให้พบแต่เนินๆ แสวงหาครูบาอาจารย์ที่เหมาะกับจริตของตน โดยเฉพาะท่านเตวิชโช ถ้าท่านไปคุยกับท่านสุขวิปัสโก ท่านหลังจะมองว่าท่านฟุ้งได้ แต่ท่านสุขวิปัสโกมาคุยกับท่านเตวิชโช ท่านนี้จะเข้าใจและตอบได้ จงอย่าเสียเวลาคุยกับคนที่รู้แบบงูๆปลาๆ คนที่พูดตามบาลีแต่ไม่เคยปฏิบัติ ไม่ยังงั้น ท่านจะคอยแต่พายเรือในอ่างไม่จบไม่สิ้น
ขอเป็นกำลังใจกับนักปฏิบัติทุกคน......เจริญในธรรม
ข้อคิดดีๆและกำลังใจสำหรับผู้ฝึกกรรมฐาน 40 ร่วมกับมหาสติปัฏฐาณสูตร
ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสได้คุยกับผู้รู้ ได้ข้อคิดดีๆ ผมขอเอามาแชร์เพื่อให้เกิดประโยชน์
ขั้นต้นท่านต้องทราบก่อนว่า แนวทางการฝึกสมาธิหรือการเจริญพระกรรมฐานในประเทศไทย หลักๆมีทั้งหมด 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่1 ฝึกแบบสุขวิปัสสโก->ผู้ที่กลุ่มนี้ฝึกกลุ่มนี้จะเน้นเพ่งพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกตามแนวอานาปานสติ มีบริกรรมพุท-โธตามลมหายใจเข้า-ออก เมื่อเข้าเกิดองค์ฌาน อย่าง วิตก วิจาร ปิติ สุข เอตคัตตา เมื่อวางสิ่งที่ได้ทั้งหมดทฌาน 4 จากนั้นท่านจึงถอยอารมณ์กลับเข้าสูอารมณ์อุปปจาระสมาธิเพื่อพิจารณากาย-เวทนา-จิต-ธรรม เน้นการปล่อยวางทางความคิดมากกว่าตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง
กลุ่มที่ 2.ฝึกสมาธิแบบเตวิชโช->กลุ่มนี้จะฝึกตามแนวทางกรรมฐาน40มีมหาสติปัฏฐานสูตรเป็นเครื่องมือพิจารณาพระกรรมฐาน การฝึกขึ้นต้นเน้นเพ่งกษินให้เกิดภาพ เพื่อเป็นฐานของสมาธิในระดับต่อๆไป บางท่านเพ่งดิน เพ่งน้ำ เพ่งลม เพ่งไฟ-อากาศ สีแดง เหลือง เขียว ขาว หรือเพ่งแสง บางคนจับพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ นึกถึงคุณความดีพระพุทธองค์ เทวดา พรหม เพื่อให้เกิดกำลังฌาน บางท่านถูกจริตอสุภกรรมฐาน มีจริตขอบนึกถึงความตายเป็นอารมณ์
ผู้ที่ฝึกแนวทางเตวิชโชนี้จะมีผลการปฏิบัติที่ต่างจากกลุ่มแรกคือประสบการณ์ทางสมาธิ เข้าใจถึงอารมณ์สภาวะฌาณ4 ฌาน8 เมื่อได้แล้วจึงเพ่งเข้าสู่เข้าสู่การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อเพ่งถึงกาย-เวทนา-จิต-ธรรม ซึ่งจะเห็นถาพชัดเจนมาก บางท่านได้ของแถมอย่าง วิชชา 2ใน3 อภิญญา 5ใน6 และต้องเข้าพิจารณากรรมฐานต่ออีกเรื่อยๆ กลุ่มนี้จะเกิดปัญญามากกว่าแบบที่1เพราะอีกกลุ่มรู้ทุกอย่างฝึกยากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแสวงหาคำตอบทางธรรม เมื่อเข้าใจทุกอย่างก็จึงปล่อยวาง เพราะทราบแล้วว่าทุกอย่างเป็นของไม่แน่นอน มีความเป็นอนิจจังเป็นปลายทาง
เชื่อว่าผู้ที่ฝึกปฏิบัติทั้ง2วิธีนั้นเกิดมรรคเกิดผล บางท่านมีคำถามแต่หาคำตอบไม่ได้ บางคนมาทางจริตเตวิชโชแต่มาฝึกสายสุขวิปัสสโก ท่านก็จะไม่ได้คำตอบจากแนวดังกล่าว ส่วนอีกกลุ่มสายเตวิชโช ท่านที่ชอบความเรียบง่ายมาฝึกมักจะท้อแท้ บางครั้งก็จับกลุ่มคุยกันนอกรอบ คุยไปคุยมาเกิดความฟุ้งซ่าน ท่านควรค้นหาตัวเองให้พบแต่เนินๆ แสวงหาครูบาอาจารย์ที่เหมาะกับจริตของตน โดยเฉพาะท่านเตวิชโช ถ้าท่านไปคุยกับท่านสุขวิปัสโก ท่านหลังจะมองว่าท่านฟุ้งได้ แต่ท่านสุขวิปัสโกมาคุยกับท่านเตวิชโช ท่านนี้จะเข้าใจและตอบได้ จงอย่าเสียเวลาคุยกับคนที่รู้แบบงูๆปลาๆ คนที่พูดตามบาลีแต่ไม่เคยปฏิบัติ ไม่ยังงั้น ท่านจะคอยแต่พายเรือในอ่างไม่จบไม่สิ้น
ขอเป็นกำลังใจกับนักปฏิบัติทุกคน......เจริญในธรรม