Review: After the Storm (Hirokazu Koreeda,2016) เขียนโดย Form Corleone

After the Storm (Hirokazu Koreeda,2016) คะแนน A



By Form Corleone

" อนาคตแบบไหนที่เราฝันถึง " เคยพูดกับตัวเองหน้ากระจกมั้ย?? ว่าทำไมถึงปล่อยให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนี้ นับจากวันนั้นเราได้พาตัวเองออกมาจากชีวิตในแบบที่เราไม่ชอบแล้วหรือยัง?? หนังเรื่องนี้ให้ความอบอุ่น สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกที่ทำให้เราเชื่อ+ตามติดชีวิตของคนๆหนึ่งได้อย่างเรียบง่าย ผู้กำกับไม่ได้ป้อนทัศนคติของตัวละครมาให้คนดูแบบตรงไปตรงมา หนังเพียงดำเนินไปทำให้เรารู้สึกว่ามันดูจริงที่สุด หลังจากนั้นหน้าที่ของคนดูคือทำความเข้าใจ ตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ตัวละครแต่ละตัว ด้วยแนวคิดของแต่ละคน ซึ่งความเรียบง่ายทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราซาบซึ้ง ผนวกกับการแสดงของเหล่านักแสดงยิ่งทำให้เราอินไปกับหนังจนถึงตอนจบ หนังไม่ได้ปรุงแต่งข้อความใดๆเลย ไม่ได้สลับซับซ้อนในวิธีลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง ผ่านเหตุการณ์พายุไต้ฝุ่น ที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากพายุจบลง ตัวละครในเรื่องกลับได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน มีคนบอกว่า ' ฟ้าหลังฝนมักจะสดใส ' สดใสในความหมายของเราในที่นี้อาจไม่ได้หมายถึงทุกคนมีความสุข แต่อาจรวมถึง การเข้าใจและยอมรับ+ปล่อยวางความรู้สึกลงบาง เราคงพบเจอชีวิตที่มีความสุขมากกว่าตอนนี้ เราชอบที่หนังดำเนินไปอย่างเนิบช้าถึงช้าที่สุด เมื่อหนังจบลง แน่นอนว่าความเนิบช้าของหนังทำให้เราย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดในหนังได้ชั



' เราไม่ได้เป็นในแบบที่ฝัน แต่เราก็ยังก้าวเดินต่อไปเพื่อในสักวันจะได้เป็นคนในแบบที่ฝันอยากจะเป็น ' ถ้าชีวิตเราไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต หรือ ความรู้สึกที่คิดว่าเรากำลังเข้าใกล้คนที่เราอยากจะเป็นแม้แต่น้อยเลย ทางเลือกคงมีให้สองทาง คือ หนึ่ง หยุดฝันที่จะเป็นคนในแบบที่ฝัน สอง ก้าวเดินพยายามทำให้ตัวเองเป็นคนในแบบที่ฝัน ตัวละครในเรื่องไม่ได้ให้คำตอบเมื่อหนังจบลง แต่เรามีคำตอบในใจแล้วเมื่อวันนั้นมาถึง เราคงเลือกทางที่ดีสุด ตัวละครในเรื่องอาจจะคิดได้แต่อาจสายไป 'ชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ควรต้องเป็นแบบนี้' คือสิ่งที่ตัวละครพูด แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็คิดได้ และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นก็กำลังสอนคนดูอยู่เช่นเดียวกัน เราคิดว่าจะเป็นคนในแบบที่เราฝัน เราก็ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราทำอะไรอยู่ ณ ตอนนี้ เพื่อให้เข้าใกล้สิ่งที่เราตั้งใจไว้ ถึงแม้ตัวละครในเรื่องจะคิดได้ แต่หนังก็ไม่ได้ตัดให้เราเห็นว่าสิ่งที่ตัวละครคิดนั้น เมื่อพายุลูกนี้เคลื่อนตัวจากไป เขาจะทำตัวเองให้ดีขึ้นหรือเปล่า เราที่เป็นคนดูต่างหากที่เป็นตัวละครตัวนั้นเมื่อหนังจบลง เมื่อเราได้ออกจากโรงหนังไปแล้ว เราไปทำสิ่งที่เราตั้งใจที่จะเป็นต่อไปหรือเปล่า? ฉากจบของเรื่องเลยดูเรียลมาก



' มันยากมากแค่ไหนที่เราจะเป็นคนในแบบที่เราฝันอยากจะเป็น ' คำถามที่ยากจะหาคำตอบ บางคนอาจได้เป็นคนในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็นแล้ว แต่สำหรับใครอีกหลายคนยังคงตามหาตัวตนในแบบที่เราอยากจะเป็นอยู่ อย่างที่กล่าวไปทั้งหมด หนังไม่ได้ให้วิธีหรือรูปแบบในการก้าวไปถึงจุดหมายในข้ามวันหรือข้ามคืน แต่หนังเลือกให้เราซึมซับเส้นทาง ระหว่างทางที่ตัวละครกำลังเดินเสียมากกว่า ระหว่างทางใครจะรู้ว่าจะมีพายุลูกหนึ่งที่ทำให้เราได้มาอยู่ด้วยกัน หรือ ใครจะรู้ว่าชีวิตเราจะต้องเผชิญสถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ บางครั้งเราก็ออกนอกเส้นทาง บางครั้งเรากลับเดินย้อนหลัง หรือบ่อยครั้งเราก็หลงทาง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ตัวละครแสดงให้เห็น ทั้งคนที่อยู่ในฐานะของคนเป็น พ่อ แม่ หรือ ย่า ไม่มีตัวละครตัวไหนในเรื่องที่หยุดเดินไปให้ถึงชีวิตที่อยากจะเป็นเลยสักคน เราอาจจะมองในมุมที่เศร้าว่าคนเหล่านี้ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วก็ยังไม่ถึงฝันที่อยากจะเป็นเลย ในมุมกลับกัน เราอาจจะคิดว่าขนาดพวกเขาเหล่านี้ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตก็ยังไม่หยุดฝันที่จะเป็นคนที่ฝันเลย ท้ายสุดเราคงต้องเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน



สุดท้าย ' After the Storm ' คือหนังที่ให้ทั้งความเศร้าที่แสนจะอบอุ่น ให้บทสนทนาแนวคิดที่ฟังแล้วนำไปใช้ต่อได้ แม้หนังไม่ได้มีพล็อตเรื่องที่ชวนดราม่าน้ำตาคลอ หรือมีจุดพีคของเรื่อง แต่เพราะความเป็นธรรมชาติของหนังนี้แหละ ที่ทำให้เราแอบน้ำตาซึมอยู่เหมือนกัน ระหว่างที่ดูเราอาจไม่รู้สึกประทับใจอะไรมาก แต่หลังจากหนังจบ เรารู้สึกว่ากระบวนการหลังจากนั้นมันมีค่าสำหรับความคิดของเรา



ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ ยิ้ม

ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่