หนังเก่าเล่าใหม่ 067: I Wish (Hirokazu Koreeda, 2011)
"ความหวัง ปรารถนา เรียนรู้และเติบโต" 'Hirokazu Koreeda' ถือเป็นผู้กำกับที่สร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวและวัยเด็กได้อย่างละมุมละไมคนหนึ่ง ทั้งงานสายสะเทือนใจอย่าง 'Nobody Knows' หรืองานเรียกน้ำตาอย่าง 'Like Father, Like Son' แต่สำหรับ 'I Wish' ถือเป็นงานที่ดูง่าย+ย่อยง่ายในเนื้อหาบริบทของกลุ่มเด็กที่พร้อมจะก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปด้วยกัน สำหรับหนังเรื่องนี้โทนสีค่อนข้างจะสดใส+ไม่หม่นเศร้าเหมือนกับเรื่องอื่นของตัวผู้กำกับคนนี้ ตัวหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความปรารถนาที่ตัวละครแต่ละตัวต้องการ ถูกบรรจง+ถ่ายทอด ได้อย่างน่ารักน่าชัง ทำให้เราร่วมสนุกและร่วมลุ้นไปกับภารกิจของเด็กๆ หนังเริ่มเล่าจากชีวิตของเด็กชายสองคน ที่พ่อกับแม่แยกทางกัน พี่ชายนั้นอยู่กับแม่ ส่วนน้องชายย้ายไปอยู่กับพ่อ ทั้งสองคนต้องแยกจากกันและติดต่อหากันโดยใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าเด็กชายทั้งสองทำทุกวิถีทางแล้วที่จะให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกันเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า และ ณ จุดที่ความหวังกำลังจะหมดลง เรื่องราวราวการตามหาปาฏิหาริย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เด็กๆได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ทางรถไฟสายชินกันเซ็น ณ จุดที่รถไฟสวนทางกันด้วยความเร็วสูงจะก่อให้เกิดพลังงานมหาศาล และถ้าใครมีคำขอ 'อธิษฐาน' ณ เวลาที่รถไฟสวนทางกันพอดี 'คำอธิษฐาน' นั้นจะเป็นจริง แน่นอนว่าสองพี่น้องได้ยินเรื่องเล่าดังกล่าว จนเกิดเป็นแผนการเดินทางไปขอคำอธิฐานให้พ่อกับแม่คืนดีกัน เส้นทางของเด็กๆจึงเปรียบเสมือนจุดพลิกผันระหว่างเด็กทั้งสองให้เรียนรู้และเติบโตก้าวผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย รวมถึงเพื่อนๆร่วมทางที่ออกเดินทางไปพร้อมกันกับพวกเขา ต่างก็มีคำอธิฐานที่อยากขอแตกต่างกันไป เราที่เป็นคนดูทำได้เพียงติดตามการเดินทางของเด็กๆ ที่ระหว่างทางนั้นมีเรื่องราวน่าสนใจรายล้อมอยู่เสมอ เสน่ห์ของ 'I Wish' ไม่เพียงแค่ความน่ารักสดใสของเด็กๆเท่านั้น การเล่าเรื่องที่เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ได้ยัดเยียดความรู้สึกแต่อย่างใดนั้นทำให้เรารู้สึกสบายใจไปกับเรื่องราวทั้งหมด ผนวกกับเนื้อหาที่สร้างความอบอุ่นของคนในครอบครัวยังลอยละล่องตลอดทั้งเรื่อง สุดท้าย สิ่งที่หนังให้กลับมาคงเปรียบเสมือนบทเรียนหนึ่งในชีวิตที่สะท้อนผ่านสายตาของเด็กๆ ให้เราหวนคิดถึงอดีตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไม่มากก็น้อย...และบทเรียนที่หนังให้กลับมายังคงมีคุณค่าให้เราได้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่ไม่ว่าจะรอคอยปาฏิหาริย์หรือไม่ ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไปในทางที่มันเป็นอยู่เสมอ
ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 067: I Wish (Hirokazu Koreeda, 2011) เขียนโดย Form Corleone
"ความหวัง ปรารถนา เรียนรู้และเติบโต" 'Hirokazu Koreeda' ถือเป็นผู้กำกับที่สร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวและวัยเด็กได้อย่างละมุมละไมคนหนึ่ง ทั้งงานสายสะเทือนใจอย่าง 'Nobody Knows' หรืองานเรียกน้ำตาอย่าง 'Like Father, Like Son' แต่สำหรับ 'I Wish' ถือเป็นงานที่ดูง่าย+ย่อยง่ายในเนื้อหาบริบทของกลุ่มเด็กที่พร้อมจะก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปด้วยกัน สำหรับหนังเรื่องนี้โทนสีค่อนข้างจะสดใส+ไม่หม่นเศร้าเหมือนกับเรื่องอื่นของตัวผู้กำกับคนนี้ ตัวหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความปรารถนาที่ตัวละครแต่ละตัวต้องการ ถูกบรรจง+ถ่ายทอด ได้อย่างน่ารักน่าชัง ทำให้เราร่วมสนุกและร่วมลุ้นไปกับภารกิจของเด็กๆ หนังเริ่มเล่าจากชีวิตของเด็กชายสองคน ที่พ่อกับแม่แยกทางกัน พี่ชายนั้นอยู่กับแม่ ส่วนน้องชายย้ายไปอยู่กับพ่อ ทั้งสองคนต้องแยกจากกันและติดต่อหากันโดยใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าเด็กชายทั้งสองทำทุกวิถีทางแล้วที่จะให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกันเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า และ ณ จุดที่ความหวังกำลังจะหมดลง เรื่องราวราวการตามหาปาฏิหาริย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เด็กๆได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ทางรถไฟสายชินกันเซ็น ณ จุดที่รถไฟสวนทางกันด้วยความเร็วสูงจะก่อให้เกิดพลังงานมหาศาล และถ้าใครมีคำขอ 'อธิษฐาน' ณ เวลาที่รถไฟสวนทางกันพอดี 'คำอธิษฐาน' นั้นจะเป็นจริง แน่นอนว่าสองพี่น้องได้ยินเรื่องเล่าดังกล่าว จนเกิดเป็นแผนการเดินทางไปขอคำอธิฐานให้พ่อกับแม่คืนดีกัน เส้นทางของเด็กๆจึงเปรียบเสมือนจุดพลิกผันระหว่างเด็กทั้งสองให้เรียนรู้และเติบโตก้าวผ่านช่วงเวลาอันโหดร้าย รวมถึงเพื่อนๆร่วมทางที่ออกเดินทางไปพร้อมกันกับพวกเขา ต่างก็มีคำอธิฐานที่อยากขอแตกต่างกันไป เราที่เป็นคนดูทำได้เพียงติดตามการเดินทางของเด็กๆ ที่ระหว่างทางนั้นมีเรื่องราวน่าสนใจรายล้อมอยู่เสมอ เสน่ห์ของ 'I Wish' ไม่เพียงแค่ความน่ารักสดใสของเด็กๆเท่านั้น การเล่าเรื่องที่เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ได้ยัดเยียดความรู้สึกแต่อย่างใดนั้นทำให้เรารู้สึกสบายใจไปกับเรื่องราวทั้งหมด ผนวกกับเนื้อหาที่สร้างความอบอุ่นของคนในครอบครัวยังลอยละล่องตลอดทั้งเรื่อง สุดท้าย สิ่งที่หนังให้กลับมาคงเปรียบเสมือนบทเรียนหนึ่งในชีวิตที่สะท้อนผ่านสายตาของเด็กๆ ให้เราหวนคิดถึงอดีตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไม่มากก็น้อย...และบทเรียนที่หนังให้กลับมายังคงมีคุณค่าให้เราได้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่ไม่ว่าจะรอคอยปาฏิหาริย์หรือไม่ ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไปในทางที่มันเป็นอยู่เสมอ
ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/