พิษสวาท (กึ่งวิพากษ์) : ศฤงคารรส

ในอุโมงค์ลับที่เรืองรองด้วยสมบัติพัสกนต์มากมาย ทรัพย์สินเหล่านั้นมิได้ทำให้อัคนีเกิดอารมณ์ชมเชยของโบราณสวยงามตามวิสัยแห่งนักโบราณคดี เพราะบัดนี้ภาพที่เห็นประจักษ์มิใช่ความงดงามอย่างที่ตาเนื้อเห็น สิ่งที่เป็นคือภาพความหลังที่เอ่อล้นขึ้นมาในคลองจักษุ ภาพของพ่ออยู่หัวที่ฝากฝังเครื่องทองล่องชาด ราชกกุธภัณฑ์นานา แก่ขุนศึกคู่ใจด้วยรู้แน่ว่ากรุงจะแตกเป็นแม่นมั่น สิ่งเหล่านี้สะสมไว้เพื่ออนุชนรุ่นหมายมั่นให้ลูกหลานเหล่านั้นฟื้นฟูบ้านเมืองต่อไป ภาพดวงวิญญาณทหารคู่ใจที่ก้มลงกราบ แม้นไม่พูดเพียงซักคำ แต่มองตาก็รับรู้ได้ "จัน" ก็ยังเป็นข้าที่ภักดีต่อนาย คำไหนเป็นคำนั้น "ข้า" ที่พระอรรคราชบดินทร์ไว้วางใจให้ "ดูแล" ใครคนนึงที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีค่าต่อใจและชีวิต "ผู้ชายคนนี้" มากแค่ไหน


โครงกระดูกใต้เครื่องทรงของนางรำแห่งกรุงศรีฯ
"หัว" ที่หลุดขาดออกจากตัว คือ เครื่องแสดงความภักดี
อย่าง "เมีย" อย่าง "ทาส" ที่ช่วงใช้ด้วยชีวิตและวิญญาณ
แล้ว "ทำไม" "ทำไม" เขาถึงทำ เขารู้มันไม่ใช่เพราะ "ไม่รัก"
แต่ความทรงจำก็ยังคล้ายม่านหมอกที่โรยตัว
จนกระทั่งเขา "หยิบ" ดาบเล่มนั้นขึ้นมา



สายตาทรงพลัง ... น้ำเสียงทุ้มลึกและวางอำนาจ หากใบหน้าเจือด้วยความเสียใจและผิดหวัง "คุณบอกว่าคุณรักเขาแต่คุณไม่รู้จักเขาเลย" ในที่สุดความเป็นพระอรรคราชบดินทร์ก็หวนคืนมา .... อดีตบรรจบกับปัจจุบันโดยสมบูรณ์ เสียงทุ้มต่ำหนักแน่นและชัดถ้อยชัดคำบรรยายถึง "ศฤงคารรส" รสรักที่เขาประจักษ์แน่แท้แก่ใจ จะกี่ชาติภพผ่านไปแม้นความทรงจำจะจบสิ้นหาก "รอยรัก" ไม่สิ้นสุด หลายเรื่องเขาอาจผิดและเขายินยอมพร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อ หรือ แม้กระทั่งไม่ได้ก่อ ความทุกข์ทรมานที่ทับถมตัวเธอผู้นั้น กี่หยดร้อยน้ำตาที่เธอต้องเสียตลอดมานับแต่สิ้นกรุงศรีฯ มันมากมายเกินไป เขาไม่สามารถจะสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวว่าเธอต้องเผชิญสิ่งใด ดังนั้น "เขา" ปรารถนาให้เธอหลุดพ้น หากเรื่องเดียวที่เขาจะ "ไม่ยอม" คือการที่ "เธอ" เชื่อ ว่าเขา "ไม่เคย" รักเธอ

ผู้ชายคนนั้น "ไม่เคย" ไม่รักเธอ นั่นต่างหากที่ถูกต้อง


ใครเลยจะรู้ใครเลยจะเห็น ค่ำคืนแห่งการฉลองชัย ยามที่พระอรรคราชบดินทร์ผู้เก่งกล้าสบตากับนางรำหลวงบนยกพื้น สายตาคมงามที่ทอดมาสบ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของชายผู้นั้นหายวับ และ อาจจะหายไปพร้อมใจที่หลุดลอย แล้วเมื่อสิ่งนั้นสำทับด้วยมาลัยสายสลับสีงดงาม น่าขำหรือไม่ ขุนศึกผู้เชี่ยวชาญการรบและคร่ำเคร่งกับงานถึงกับพลิกซ้ายพลิกขวานอนมิหลับ สายตาจดจ้องที่พานข้างเตียงนอน มือเรียวแข็งแรงบรรจงหยิบสิ่งที่อยู่บนพานอย่างถนอม มาลัยมะลิถึงจะเหี่ยวแห่งเป็นสีน้ำตาล .... หากความชื่นหวานยังติดในห้วงคิดย้อนที่คำนึงถึงร่างแน่งน้อย ใบหน้าอ่อนละออผินมองก่อนลับหายไปในความมืด

แค่นั้นเอง ... หัวใจชายฉกรรจ์อย่างคุณพระถึงกับระส่ำราวมาณพหนุ่มรู้รสรักเป็นครั้งแรก
ยามกินไม่เป็นอันกิน ยามนอนไม่เป็นอันนอน
เขาถึงกับแอบเลาะรั้ววังหวังจะเจอหน้า "เธอ" อีกสักครั้ง



"อันของสูงแม้ปองต้องจิต หากไม่คิดปืนป่ายจะได้ฤา" เมื่อความรู้ไปถึงพระโหราจารย์ผู้เป็นลุง "นางรำหลวง"ตัวโปรดเสียด้วย ใช่จะคว้ามาได้ง่าย ๆ แต่ความถูกใจในกริยากล้าหาญชาญชัย และ ความงามอันหาตัวจับได้ยาก ก็ปักใจขุนศึกหนุ่มไปแล้วจนมิอาจจะถ่ายถอนได้ รางวัลที่เขาปรารถนาจึงมิใช่เครื่องอานพานยศหรือตำแหน่งแห่งหนที่สู่งส่งขึ้น สิ่งที่เขา "ต้องการ" คือ "เธอ" หญิงงามล่มเมืองนาม "อุบล" เท่านั้น เสด็จฯท่านเอ่ยเป็นนัยว่าเครื่องศิราภรณณ์นั้นเป็นของรักขอให้ดูแลรักษา คงกินความไปถึง "นางรำ" ตัวโปรดของท่าน ซึ่งคุณพระฯก็รับแล้วเช่นกันว่าจะถนอมดีที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่

และคำว่าดีที่สุดนั่นเองที่เป็นปัญหา
ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ในฐานะสามี และ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
"ความรัก" ที่ดีที่สุดควรจะเป็นเยี่ยงไร ?


สำหรับผู้ชายที่ "ยก" หน้าที่ไว้เหนือสิ่งอื่นใด "เธอผู้นั้น" ก็สำคัญเทียบเท่ากับ "หน้าที่" เรื่องร้าย หรือ ความกังวลใด ๆ จะมิให้แผ้วพาน เธอจะอยู่ในโลกที่สงบงาม ส่วนความทุกข์หน่วงหนักสาหัสสากรรจ์ "เขา" จะเป็นคนรับไว้เอง นี่จริงเป็นที่มาของการ "ยก" เมียเอาไว้บนหิ้ง เพียงเสี้ยวเสี้ยนที่เกี่ยวสไบคุณพระก็แทบจะเกณฑ์บ่าวไพร่ทั้งเรือนมาขัดเกลาลำเรือให้เรียบสนิท และอีกหลายต่อหลายครั้งที่ "ปรารถนา" จะเอาใจ หากก็ไม่สามารถจะสื่อสารออกไปได้เท่าที่ใจอยาก ทั้งการรบ ทั้งงานลับ ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อคนที่คุณพระรักยิ่ง .... โมโหตัวเองที่ต้องทำรุนแรง แต่ก็รู้ว่าหากแพร่งพรายออกไป มันอาจะทำให้แม่อุบลของท่านจะต้องหาชีวิตไม่ .... เพียงเท่านี้คุณพระก็พูดอะไรไม่ออกสืบไป เพียงเสี้ยนไม้เกี่ยวสไบหัวใจก็หายวับ แล้วนี่เกี่ยวพันถึงชีวิต หากไม่มี "เจ้า" แล้ว "พี่" จะอยู่อย่างไร

เพราะเหตุนี้ถ้อยคำแต่ละคำจึงเข้มงวดกวดขันและติดจะห้วน
จะได้ไม่ต้องถาม และ เมื่อไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องตอบ
เพราะคุณพระก็รู้ ... น้ำตาของยอดดวงใจ
ต่อให้ท่านเข้มแข็งเพียงไหนก็ทนได้อีกไม่นาน


ท่านจึงโกรธหนักหนาเมื่อการศึกงวดเข้ามา ชีวิตของท่านก็ยกแล้วเป็นราชพลี แต่ "อุบล" เล่า เมียรักจะอยู่อย่างไร ท่านไม่เคยคิดแม้ซักครั้งว่าการแสดงออกหลายครั้งมันชวนให้ไม่น่าไว้ใจ ก็เพราะไม่เคยคิดจะนอกใจ ไม่เคยคิดเป็นอื่น เพราะลมหายใจมีแต่เรื่องของคุณอุบล เพราะบริสุทธิ์ใจจึงไม่ได้หันกลับไปมองการกระทำของตนเองแม้ซักครั้ง ก็ในเมื่อทุกเรื่องทุกฉากทุกตอนที่พูดคุยไม่ว่าจะกับใครที่ไหนก็ว่าด้วยความรักของคุณพระที่มีต่อคุณอุบลทั้งสิ้น ท่านจึงไม่รับรู้เลยว่าภาพที่คนใกล้ตัวมองทำให้รู้สึกว่า "เวลา" ของตนได้หมดลงไปทุกที

ใครเล่าจะนึก "รสรัก" จะกลายเป็นความขื่นขม
ทั้งที่ผู้ชายคนนี้มิได้ต้องการหยิบยื่นทุกข์ทรมานให้กับเธอ


ความผิดใหญ่หลวงอันเดียวของเขาคงเป็นการ "ไม่พูด"
การไม่พูดที่ทำให้ใครคนหนึ่งขังดวงใจในกรงไฟที่สุมทรวง
และทรมานด้วยรสรักมาถึง 249 ปี


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่