ค่ำคืนงานฉลองชัยในเขตพระราชฐานในกรุงศรีอยุธยา ผู้คนล้วนหรรษาและเชื่อว่าการศึกระหว่างอโยธยา และ พม่ารามัญกำลังจะคลี่คลายเช่นเดียวกับกาลก่อน จะมีก็แต่ขุนศึกผู้หนึ่งพระอรรคราชบดินทร์ที่มิได้ครื้นเครงไปกับงานฉลองด้วยรู้ว่าศัตรูหาได้แตกพ่ายไปอย่างถาวร อารมณ์ที่ขุ่นมัวพาลทำให้ไม่มีความสนใจสิ่งรอบตัว จนกระทั่งได้สบตากับนางรำที่สวมศิราภรณ์ทับทิมผู้นั้น อ้อนแอ้น อ่อนช้อย ท่วงท่าทั้งอ่อนหวานและงามสง่า ครานั้นหัวจิตหัวใจที่เคยมีแต่เรื่องงานการออกทัพจับศึกถึงกับออกอาการ เขาได้แต่นิ่งตะลึงมองเธอผู้นั้นร่ายรำจนกระทั่งจบเพลง ความจริงแล้วเขาและหล่อนนั้นยากที่จะพบกันอีก แต่เจ้าหล่อนก็ปรากฎตัวพร้อมมาลัย .... หญิงใดในอโยธากล้าพูดถึงเรื่องหน้าที่ และ การศึกกับผู้ชาย และ ยิ่งกว่านั้นหญิงใดจะชาญชัยมอบมาลัยให้กับขุนศึกเช่นนี้นับว่าขวัญกล้าพอตัว
เจ้าตัวมองมาลัยงดงามเป็นสายยาวที่คล้องดาบ
ใบหน้าเคร่งครึมและค่อนข้างดุมีรอยยิ้มจุดขึ้นมาที่มุมปาก
แล้วโลกของ "คุณพระ" ก็เปลี่ยนไป
จิตใจที่เคยแน่วแน่เปี่ยมด้วยสมาธิมาในวันนี้กลับลอยหายไป มือเรียวที่น้อมรับถุงเงินและหมากพลูในวันนั้น ใบหน้าสวยหวานผินมาในคืนนั้นก่อนเดินลับหาย และ รอยยิ้มใสพิสุทธิ์ดังบัวขยายกลีบยังติดตรึงอยู่ในสายตา และ ในหัวใจ เธอผู้นั้นช่างกล้าหาญเหนือหญิงใดที่เคยเจอแต่ก็มิทิ้งความอ่อนหวานแลยังมีรูปโฉมงดงามหาตัวจับได้ยาก แต่คุณพระหรือจะกล้าบอกเรื่องนี้กับใคร ใจหนอใจ .... รบทัพจับศึกงานสำคัญมาตั้งเท่าไหร่ ใครจะนึกเล่าว่า "ความเสน่หา" จะมีอานุภาพร้ายแรงเช่นนี้ ทั้งลูกน้องบ่าวไพร่ต่างเป็นห่วงใยว่าจะกังวลในเรื่องงาน ที่ไหนได้เล่าสิ่งที่คุณพระจดจ่อทุกลมหายใจในช่วงเวลานี้คือสตรีนาม "อุบล" พระโหราจารย์ผู้เป็นลุงยังหัวเราะที่เจ้าหลานบ้างานก็มี "เวลา" เยี่ยงนี้กับเขาเหมือนกัน
และแล้วคุณพระก็ได้ "เธอ" มาร่วมเรือน
เธอที่ต่อมาเป็นดังดวงใจของผู้ชายชาตินักรบเช่นเขา
เมื่อพิจารณาดูจากนิสัยของคุณพระแล้ว การจะ "รับ" ใครมาร่วมเรือนสักคน มิใช่ "ใคร" ก็ได้ คู่ครองคงเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยรูปโฉมและความสามารถ ครองตัวเป็นโสดทั้งที่ยศเป็นคุณพระฯก็ออกจะผิดปกติประมาณหนึ่ง อย่างน้อยเมียบ่าวเมียเล็กก็น่าจะมี หรือ "ทิพ" เอาเข้าจริงน่าจะดองกันไปนานแล้ว สิ่งเหล่านี้บอกอะไร ประการแรกเจ้าตัวคงไม่ได้สนใจเรื่องรักใคร่มากนัก ประการที่สองไม่มีหญิงใดถึงความสนใจของคุณพระท่านออกจากเรื่องงานได้ ไม่มีเลยซักคนจนกระทั่งพบกับอุบล นี่แสดงว่าเธอผู้นั้นมีอะไรพิเศษ คุณพระเป็นคนกล้าย่อมนิยมคนกล้า คุณอุบลเธอแปลกกว่าหญิงใดที่ขวัญกล้าแข็งที่เธอได้แสดงออกในวันรำฉลองชัย ยิ่งกว่านั้นหากจะพูดถึงรูปโฉม คุณพระเองก็น่าจะพานพบสตรีมาจำนวนหนึ่ง ลูกสาวขุนน้ำขุนนางบ้านไหนหากเจอชายคุณสมบัติอย่างคุณพระ พ่อแม่เขาก็น่าจะอยากยกให้ทางเปิดกว้างสะดวกโยธิน แต่ความงามใด ๆ ก็มิต้องใจคุณพระเท่ากับแวบแรกที่เห็นนางรำหลวงเฉิดฉายบนยกพื้นในคืนนั้น
เพราะความพิเศษนี้ .... ทำให้ผู้มาอยู่เคียงข้างคุณพระจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "อุบล"
คนที่ทำให้คุณพระใจลอยกระทั่งซ้อมดาบแพ้ทั้งที่ไม่เคยเป็น
เมื่อ "คุณอุบล" สำคัญต่อคุณพระเช่นนี้ การปกป้องดูแลจึงยกระดับความเข้มงวดเป็นพิเศษ "แม่อุบล" ของคุณพระราวกับของสูงค่าแตกหักง่าย ท่านจึงถนอมของท่านริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม สิ่งไรก็มิให้เป็นกังวลถึงแม้สุ้มเสียงที่ออกไปจะเป็นการดุ หรือ คล้ายออกคำสั่ง ด้วยเคยชินกับการควบคุมบ่าวไพร่บริวาร ดังนั้นการแสดงความห่วงใยของคุณพระจึงออกมาในรูปของ "อวัจนภาษา" เสมอ ในการกระทำ หากเป็นคำพูดก็ออกจะหนักแน่น มันอาจไม่อ่อนหวานแต่ขอให้เข้าใจเถิดว่า หากท่านพูดคำไหน ท่านก็หมายความเช่นนั้นเป็นคำสัตย์
ผู้ชายหน้านิ่ง ๆ แลดูเหมือนมิเต็มใจหากมือก็พายเรือให้เมียได้นั่งชมดอกบัว ยามเสี้ยวเสี้ยนชิ้นเล็กที่เกี่ยวสไบเมีย มือที่จับแต่ดาบแต่อาวุธก็ค่อยปลดเสี้ยนไม้เบื้องชายสไบอย่างเบามือ ผิวผ่องผุดเนียนนุ่มเช่นนั้นมิควรระคาย เมื่อกลับถึงเรือนแม่ทัพนายกองคนสนิทของท่านขุนหลวงถึงกับคุมบ่าวไพร่ช่วยกันขัดเนื้อไม้ให้เกลี้ยงเกลา "หากคราหน้ามีเสี้ยนเกี่ยวเนื้อตัวแม่อุบลแม้แต่นิด" คุณพระท่านถึงกับจะเอาหวายลงหลังทีเดียว ไม่ว่าสิ่งไรที่พอจะทำให้ให้ "แม่อุบล" ของท่านสุขใจก็รีบจัดรีบหารีบทำ สิ่งละอันพันละน้อยที่เจ้าหล่อนปรนนิบัตรก็มิเคยจะอยู่นอกสายตา จะพลูจีบหรือหมากที่เจียนฝอย มาลัยดอกรักที่ท่านเหลือบมองอยู่บ่อย ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ผูกใจท่านไว้กับอุบลอย่างไม่เปลี่ยนแปร แต่สิ่งนี้จะเคยแสดงให้อุบลได้รับรู้ก็หาไม่
สิ่งเหล่านั้นจารลึกในใจทุกอย่าง หากในความเป็นผู้ชายก็ออกจะแสดงพูดไม่เป็น แสดงไม่ถูก "คำรัก" จึงมิเคยหลุดออกจากปาก สิ่งที่คุณพระดูเหมือนจะจัดการ "ยาก" ที่สุด นั่นคือ "น้ำตา" ของอุบล ทนไม่ได้ และ ไม่อยากเห็น จะปลอบก็ปลอบไม่เป็นจึงใช้อยู่ 2 วิธี ไม่บอกให้หยุด ก็เบี่ยงความสนใจ หาสิ่งพึงใจให้แม่อุบลเธอทำ แม้ตัวเองจะบาดเจ็บเพียงไหนก็ทนไหว หากอุบลมีน้ำตามันเจ็บยิ่งกว่า จึงเกิดเหตุการณ์สั่งบ่าวจัดเครื่องบูชาพากันไปวัดแม้แผลจากรอยดาบจะพาดอยู่กลางหลัง เห็นได้ว่าความเป็นห่วงนี้ไม่เพียงหมายถึงชีวิตในปัจจุบัน แต่ท่านก็ยังเผื่อไปถึงชาติภพอื่นสืบไป ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณ เพราะมันมิใช่บุญคุณ คุณพระยึดถือเรื่องหน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด คุณพระมีหน้าที่ของทหาร มีหน้าที่ต่อแผ่นดิน และคำ ๆ นี้ คำว่า "หน้าที่" ท่านหยิบเรื่องของอุบลรวมอยู่ในนั้นด้วย สิ่งที่คุณพระรู้สึกต่ออุบลจึงสำคัญเท่าเทียมคำว่า "หน้าที่" อันเป็นสิ่งที่คุณพระยึดถือมาตลอด คงมิต้องวิเคราะห์ต่อว่าคุณพระวาง "แม่อุบล" ไว้ตรงจุดใด
การตัดสินใจให้ "อุบล" เป็นโสมเฝ้าทรัพย์จึงยากยิ่งนัก หากไม่จำเป็นถึงที่สุดก็คงมิทำ และ เมื่อทำไปแล้วคุณพระเองก็ไม่ขออยู่ ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก ไม่มีแม้คำว่าเสียใจ ไม่มีคำอำลา ไม่มีคำว่าขอโทษ มีเพียงรอยน้ำตาจากผู้ชายที่ไม่ว่าจะเจ็บเท่าใดก็ไม่เคยร้องไห้ และ มีเพียงคำที่ว่าหาก "เธอ" ไม่อยู่ "กระผม" ก็ไม่ขออยู่ คุณพระอาจไม่มีคำว่า "รัก" ที่แสดงด้วยคำพูด หากสิ่งนั้นร้อยเรียงออกมาเป็นอวัจนภาษา สม่ำเสมอตลอดมา นับตั้งแต่วันแรกที่พบเจอจนกระทั่งถึงวันสุดของชีวิต
เพียงครู่เดียวสายตาเกี่ยวกระหวัด
ก็ย้ำชัดมีเพียงหนึ่งเสน่หา
อันศรรักที่ปักกลางอุรา
มีหนึ่งเดียวในหล้ามิมีใคร
จะถนอมนวลไว้มีให้หมอง
จะปกป้องทุกชาติและภพไหน
แม้คำรักมิพูดบอกออกไป
เช่นนี้ไซร้ให้เป็นสัตย์สาบาน
หากสิ้นเจ้าสิ้นชีพเสียดีกว่า
ในอุราดังเพลิงคอยเผาผลาญ
เมื่อไร้เจ้าสุดแสนทรมาน
ตลอดกาลจะขออยู่คู่เจ้าเอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีความเซิ้งคุณพระบ้าง เซิ้งตามหน้าที่ มีความเป็นกลาง (หราาา) จะได้เสมอกัน
พิษสวาท (กึ่งวิเคราะห์) : พระอรรคราชบดินทร์ .... "ความรัก" ในอวัจนภาษา (สปอยด์หนักมาก)
ใบหน้าเคร่งครึมและค่อนข้างดุมีรอยยิ้มจุดขึ้นมาที่มุมปาก
แล้วโลกของ "คุณพระ" ก็เปลี่ยนไป
จิตใจที่เคยแน่วแน่เปี่ยมด้วยสมาธิมาในวันนี้กลับลอยหายไป มือเรียวที่น้อมรับถุงเงินและหมากพลูในวันนั้น ใบหน้าสวยหวานผินมาในคืนนั้นก่อนเดินลับหาย และ รอยยิ้มใสพิสุทธิ์ดังบัวขยายกลีบยังติดตรึงอยู่ในสายตา และ ในหัวใจ เธอผู้นั้นช่างกล้าหาญเหนือหญิงใดที่เคยเจอแต่ก็มิทิ้งความอ่อนหวานแลยังมีรูปโฉมงดงามหาตัวจับได้ยาก แต่คุณพระหรือจะกล้าบอกเรื่องนี้กับใคร ใจหนอใจ .... รบทัพจับศึกงานสำคัญมาตั้งเท่าไหร่ ใครจะนึกเล่าว่า "ความเสน่หา" จะมีอานุภาพร้ายแรงเช่นนี้ ทั้งลูกน้องบ่าวไพร่ต่างเป็นห่วงใยว่าจะกังวลในเรื่องงาน ที่ไหนได้เล่าสิ่งที่คุณพระจดจ่อทุกลมหายใจในช่วงเวลานี้คือสตรีนาม "อุบล" พระโหราจารย์ผู้เป็นลุงยังหัวเราะที่เจ้าหลานบ้างานก็มี "เวลา" เยี่ยงนี้กับเขาเหมือนกัน
เธอที่ต่อมาเป็นดังดวงใจของผู้ชายชาตินักรบเช่นเขา
เมื่อพิจารณาดูจากนิสัยของคุณพระแล้ว การจะ "รับ" ใครมาร่วมเรือนสักคน มิใช่ "ใคร" ก็ได้ คู่ครองคงเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยรูปโฉมและความสามารถ ครองตัวเป็นโสดทั้งที่ยศเป็นคุณพระฯก็ออกจะผิดปกติประมาณหนึ่ง อย่างน้อยเมียบ่าวเมียเล็กก็น่าจะมี หรือ "ทิพ" เอาเข้าจริงน่าจะดองกันไปนานแล้ว สิ่งเหล่านี้บอกอะไร ประการแรกเจ้าตัวคงไม่ได้สนใจเรื่องรักใคร่มากนัก ประการที่สองไม่มีหญิงใดถึงความสนใจของคุณพระท่านออกจากเรื่องงานได้ ไม่มีเลยซักคนจนกระทั่งพบกับอุบล นี่แสดงว่าเธอผู้นั้นมีอะไรพิเศษ คุณพระเป็นคนกล้าย่อมนิยมคนกล้า คุณอุบลเธอแปลกกว่าหญิงใดที่ขวัญกล้าแข็งที่เธอได้แสดงออกในวันรำฉลองชัย ยิ่งกว่านั้นหากจะพูดถึงรูปโฉม คุณพระเองก็น่าจะพานพบสตรีมาจำนวนหนึ่ง ลูกสาวขุนน้ำขุนนางบ้านไหนหากเจอชายคุณสมบัติอย่างคุณพระ พ่อแม่เขาก็น่าจะอยากยกให้ทางเปิดกว้างสะดวกโยธิน แต่ความงามใด ๆ ก็มิต้องใจคุณพระเท่ากับแวบแรกที่เห็นนางรำหลวงเฉิดฉายบนยกพื้นในคืนนั้น
คนที่ทำให้คุณพระใจลอยกระทั่งซ้อมดาบแพ้ทั้งที่ไม่เคยเป็น
เมื่อ "คุณอุบล" สำคัญต่อคุณพระเช่นนี้ การปกป้องดูแลจึงยกระดับความเข้มงวดเป็นพิเศษ "แม่อุบล" ของคุณพระราวกับของสูงค่าแตกหักง่าย ท่านจึงถนอมของท่านริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม สิ่งไรก็มิให้เป็นกังวลถึงแม้สุ้มเสียงที่ออกไปจะเป็นการดุ หรือ คล้ายออกคำสั่ง ด้วยเคยชินกับการควบคุมบ่าวไพร่บริวาร ดังนั้นการแสดงความห่วงใยของคุณพระจึงออกมาในรูปของ "อวัจนภาษา" เสมอ ในการกระทำ หากเป็นคำพูดก็ออกจะหนักแน่น มันอาจไม่อ่อนหวานแต่ขอให้เข้าใจเถิดว่า หากท่านพูดคำไหน ท่านก็หมายความเช่นนั้นเป็นคำสัตย์
ผู้ชายหน้านิ่ง ๆ แลดูเหมือนมิเต็มใจหากมือก็พายเรือให้เมียได้นั่งชมดอกบัว ยามเสี้ยวเสี้ยนชิ้นเล็กที่เกี่ยวสไบเมีย มือที่จับแต่ดาบแต่อาวุธก็ค่อยปลดเสี้ยนไม้เบื้องชายสไบอย่างเบามือ ผิวผ่องผุดเนียนนุ่มเช่นนั้นมิควรระคาย เมื่อกลับถึงเรือนแม่ทัพนายกองคนสนิทของท่านขุนหลวงถึงกับคุมบ่าวไพร่ช่วยกันขัดเนื้อไม้ให้เกลี้ยงเกลา "หากคราหน้ามีเสี้ยนเกี่ยวเนื้อตัวแม่อุบลแม้แต่นิด" คุณพระท่านถึงกับจะเอาหวายลงหลังทีเดียว ไม่ว่าสิ่งไรที่พอจะทำให้ให้ "แม่อุบล" ของท่านสุขใจก็รีบจัดรีบหารีบทำ สิ่งละอันพันละน้อยที่เจ้าหล่อนปรนนิบัตรก็มิเคยจะอยู่นอกสายตา จะพลูจีบหรือหมากที่เจียนฝอย มาลัยดอกรักที่ท่านเหลือบมองอยู่บ่อย ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ผูกใจท่านไว้กับอุบลอย่างไม่เปลี่ยนแปร แต่สิ่งนี้จะเคยแสดงให้อุบลได้รับรู้ก็หาไม่
สิ่งเหล่านั้นจารลึกในใจทุกอย่าง หากในความเป็นผู้ชายก็ออกจะแสดงพูดไม่เป็น แสดงไม่ถูก "คำรัก" จึงมิเคยหลุดออกจากปาก สิ่งที่คุณพระดูเหมือนจะจัดการ "ยาก" ที่สุด นั่นคือ "น้ำตา" ของอุบล ทนไม่ได้ และ ไม่อยากเห็น จะปลอบก็ปลอบไม่เป็นจึงใช้อยู่ 2 วิธี ไม่บอกให้หยุด ก็เบี่ยงความสนใจ หาสิ่งพึงใจให้แม่อุบลเธอทำ แม้ตัวเองจะบาดเจ็บเพียงไหนก็ทนไหว หากอุบลมีน้ำตามันเจ็บยิ่งกว่า จึงเกิดเหตุการณ์สั่งบ่าวจัดเครื่องบูชาพากันไปวัดแม้แผลจากรอยดาบจะพาดอยู่กลางหลัง เห็นได้ว่าความเป็นห่วงนี้ไม่เพียงหมายถึงชีวิตในปัจจุบัน แต่ท่านก็ยังเผื่อไปถึงชาติภพอื่นสืบไป ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณ เพราะมันมิใช่บุญคุณ คุณพระยึดถือเรื่องหน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด คุณพระมีหน้าที่ของทหาร มีหน้าที่ต่อแผ่นดิน และคำ ๆ นี้ คำว่า "หน้าที่" ท่านหยิบเรื่องของอุบลรวมอยู่ในนั้นด้วย สิ่งที่คุณพระรู้สึกต่ออุบลจึงสำคัญเท่าเทียมคำว่า "หน้าที่" อันเป็นสิ่งที่คุณพระยึดถือมาตลอด คงมิต้องวิเคราะห์ต่อว่าคุณพระวาง "แม่อุบล" ไว้ตรงจุดใด
การตัดสินใจให้ "อุบล" เป็นโสมเฝ้าทรัพย์จึงยากยิ่งนัก หากไม่จำเป็นถึงที่สุดก็คงมิทำ และ เมื่อทำไปแล้วคุณพระเองก็ไม่ขออยู่ ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก ไม่มีแม้คำว่าเสียใจ ไม่มีคำอำลา ไม่มีคำว่าขอโทษ มีเพียงรอยน้ำตาจากผู้ชายที่ไม่ว่าจะเจ็บเท่าใดก็ไม่เคยร้องไห้ และ มีเพียงคำที่ว่าหาก "เธอ" ไม่อยู่ "กระผม" ก็ไม่ขออยู่ คุณพระอาจไม่มีคำว่า "รัก" ที่แสดงด้วยคำพูด หากสิ่งนั้นร้อยเรียงออกมาเป็นอวัจนภาษา สม่ำเสมอตลอดมา นับตั้งแต่วันแรกที่พบเจอจนกระทั่งถึงวันสุดของชีวิต
ก็ย้ำชัดมีเพียงหนึ่งเสน่หา
อันศรรักที่ปักกลางอุรา
มีหนึ่งเดียวในหล้ามิมีใคร
จะถนอมนวลไว้มีให้หมอง
จะปกป้องทุกชาติและภพไหน
แม้คำรักมิพูดบอกออกไป
เช่นนี้ไซร้ให้เป็นสัตย์สาบาน
หากสิ้นเจ้าสิ้นชีพเสียดีกว่า
ในอุราดังเพลิงคอยเผาผลาญ
เมื่อไร้เจ้าสุดแสนทรมาน
ตลอดกาลจะขออยู่คู่เจ้าเอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้