*~.จม.~*
๏ หมักหมมจมเปรอะเลอะเทอะจิต
หมกเมือกเกลือกฤทธิ์เกลศเหนียว
ตัณหาหุ้มห่มขย่มเกลียว
ยากหันหัวเลี้ยวหลบเขี้ยวมาร
๏ เปือกตมถมทับแทบท่วมปาก
แต่ห่อนถอนพรากหรือต่อต้าน
เพลิดเพลินพรุผืนชื่นกันดาร
เพียงน้อยนิดหวานซ่านปลายลิ้น
๏ จึงเหนียวเหนอะหนะผละไม่ออก
อีกทั้งขังคอกครอบคลุมสิ้น
เสียงธรรมล้ำไฉนมิได้ยิน
เอาแต่แถดินด้นวงวัฏฏ์
๏ ว่ายวนเวิ้งกามย่ำเพรงภพ
กี่ผืนดินกลบกายวิบัติ
ทิฏฐิโถมเชี่ยวกอดเกลียวรัด
ในดิบดงชัฏอวิชชา
๏ อยากฝืนยืนหยัดผงาดร่าง
อยากด้นพ้นทางที่หม่นฝ้า
อยากตัดใยเหนียวเกี่ยวอุรา
อยากก้าวไกลกว่ากองเปือกตม
๏ ทำไฉนใจข้าจักกล้าแกร่ง
กล้าขืนขัดแรงรัดรึงถม
ทำไฉนใจข้ากล้ากรีดคม
เชือดยางสางปมด้วยปัญญา
๏ หมักหมมจมเกลือกเปือกกามท่วม
โมหะหุ้มสวมแทบสิ้นท่า
อีกเมื่อไรลุกปลุกศรัทธา
ทุ่มเทอีกคราฝ่าเล็บมาร
๏ น้อยโขโอกาสหากพลาดผล
อีกกี่เกิดตนด้นวัฏฏ์ผ่าน
จักสบพบปราชญ์ศาสดาจารย์
ผู้ชี้นิพพานพร้อมทางเดิน ๚ะ๛
*~.จม.~*
๏ หมักหมมจมเปรอะเลอะเทอะจิต
หมกเมือกเกลือกฤทธิ์เกลศเหนียว
ตัณหาหุ้มห่มขย่มเกลียว
ยากหันหัวเลี้ยวหลบเขี้ยวมาร
๏ เปือกตมถมทับแทบท่วมปาก
แต่ห่อนถอนพรากหรือต่อต้าน
เพลิดเพลินพรุผืนชื่นกันดาร
เพียงน้อยนิดหวานซ่านปลายลิ้น
๏ จึงเหนียวเหนอะหนะผละไม่ออก
อีกทั้งขังคอกครอบคลุมสิ้น
เสียงธรรมล้ำไฉนมิได้ยิน
เอาแต่แถดินด้นวงวัฏฏ์
๏ ว่ายวนเวิ้งกามย่ำเพรงภพ
กี่ผืนดินกลบกายวิบัติ
ทิฏฐิโถมเชี่ยวกอดเกลียวรัด
ในดิบดงชัฏอวิชชา
๏ อยากฝืนยืนหยัดผงาดร่าง
อยากด้นพ้นทางที่หม่นฝ้า
อยากตัดใยเหนียวเกี่ยวอุรา
อยากก้าวไกลกว่ากองเปือกตม
๏ ทำไฉนใจข้าจักกล้าแกร่ง
กล้าขืนขัดแรงรัดรึงถม
ทำไฉนใจข้ากล้ากรีดคม
เชือดยางสางปมด้วยปัญญา
๏ หมักหมมจมเกลือกเปือกกามท่วม
โมหะหุ้มสวมแทบสิ้นท่า
อีกเมื่อไรลุกปลุกศรัทธา
ทุ่มเทอีกคราฝ่าเล็บมาร
๏ น้อยโขโอกาสหากพลาดผล
อีกกี่เกิดตนด้นวัฏฏ์ผ่าน
จักสบพบปราชญ์ศาสดาจารย์
ผู้ชี้นิพพานพร้อมทางเดิน ๚ะ๛