O ฉับพลัน .. บนฟ้าล้วนห่าฝน
ร่วงลิ่วหล่นล้อลมที่พรมผ่าน
ก่อนเกลือกเม็ดไหลรินแทรกดินดาน
รวมเป็นธารกรากเชี่ยวแห่งเกลียวน้ำ
O ลมต้นฝนแผ่วพลิ้วเป็นริ้วรื่น
กลางแสงคลื่นส่ายเส้น .. รับเย็นฉ่ำ
กิ่งก้านไม้โยกต้นรับฝนพรำ
แทนแดดกรำเกรียมกรอบอยู่รอบใบ
O ต้องฝน .. ไม้ย่อมตื่นรับคลื่นฝน
เช่นแววในตาคนเมื่อวนไหว
ต้องงาม .. ย่อมรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
พกพาความสดใส .. แทรกนัยน์ตา !
O พอไม้ต้องฝนลูบ .. ลมวูบผ่าน
ความอ่อนหวานอ่อนโยนก็โชนค่า
โซ่ตรวนแสนงดงามก็ล่ามคา-
อิริยารูปละม่อม .. ที่ล้อม .. รับ
O ในแววตา ..
รอยความว้าเหว่ปวงคอยล่วงดับ
พร้อมฝั่งฟ้าพืดดาวพร่างพราวระยับ
งามก็จู่ลงจับกระชับพร้อม
O หลังห่าฝนหล่นสายรำบายรื่น
โลกก็ตื่นขึ้นรับการขับกล่อม
แววในตาปรากฎ .. ฤๅอดออม-
ความหวานหอมโอบรัด แต่บัดนั้น
O สิ้นฝน, แผ่นฟ้ามืด .. ล้วนพืดดาว-
ยอแสงวาวไกลลิบ .. กระพริบสั่น
เช่นแววตาตื่นดำ .. พร้องรำพัน-
ความอ่อนหวานโอบขวัญ .. ล้อม-พันธนา
O ก็คงอีกไม่นานนัก ..
การล้อมกักกุมใจ .. คอยใฝ่หา-
คงเร่งแรงเร้ารุกไปทุกครา-
ที่แววตามีรูปเข้าลูบโลม
O และเมื่อความอ่อนหวาน .. นั้นหวานกว่า-
หวานบรรดารูปเคยผ่านเผยโฉม
งามย่อมเช่นแสงช่วงแห่งดวงโคม
รอ .. เอื้อมโน้มเหนี่ยวตระกองด้วยสองมือ !
O ตาที่สบเสพงาม .. เมื่อ-ลามล่วง-
เป็นบาศก์บ่วงเงื่อนตาย .. อาจคลายหรือ ?
ใจที่แกว่งเต้นสั่น จักบันลือ-
ดังจนสื่อให้รู้ .. ว่า-ผู้ใด ?
O สายลมร่ำในค่ำนี้
ช่างเรื่อยรี้ .. ออดอ้อนพาอ่อนไหว
แสงดาวที่กระพริบอยู่ลิบไกล
ราวขับไขแสงช่วง .. แข่งดวงตา !
O และแล้วห้วงคำนึง .. ก็รึงรัด-
กับความขัดเขินมี .. ในทีท่า
ดาวสองดวงช่วงอยู่ไม่รู้ลา
เมื่อแจ่มจ้าอยู่ในหัวใจคน
O เมียงเมิน .. เขินหลบ .. แล้วสบอีก
ด้วยสุดหลีกสุดเลี่ยง .. แม้เพียงหน
รูปนามเอยเผยอยู่ ให้รู้ทน-
การสั่นอลเวงทั่วทั้งหัวใจ
O หรือผุดเผยรูปนาม .. เพื่อล่ามพัน-
รัดรึงรอบดวงขวัญ คอยฝันใฝ่
เร่งจังหวะละห้อยเห็นให้เป็นไป-
ตามอาลัยเวียนวกในอกนี้ ?
O เผยรูป .. มาสูบสิ้นห้วงจินตนา
ปรารถนาในคน .. ก็ล้นปรี่
ก่อนฝน .. ลมอ้อมเข้าล้อมตี
แววตาที่มองเบือน - ก็เหมือนลม
O ตระหลบแววตาตะล่อมรายล้อมอยู่
เลศนัยชู้ปลาบปลั่งคอยถั่งถม
กอปรจริตอิริยา .. ล้ออารมณ์
รับ - หัวใจจ่อมจมรู้ .. รมยา
O ดูเอาเถิด .. รูปละม่อม .. เหมือนล้อมอยู่-
รอสายตาสบสู่ .. รับรู้ว่า-
งามนั้น .. เมื่อโชนฉายต่อสายตา
ถ้วนคุณค่างามซึ้ง .. ย่อมตรึงใจ
O งามจึงเผยรูปขวางในทางเที่ยว
ล่มเปล่าเปลี่ยวทั้งสิ้นจนสิ้นได้
ก้าวย่างที่รออยู่ .. ของผู้ใด-
อยู่รอให้ก้อยเกี่ยว .. ร่วมเที่ยวทาง ?
O รู้หรือไม่ .. ว่างามเจ้าลามรุก
แล้วแทรกซุก .. อกใจของใครบ้าง ?
รู้หรือไม่ .. อาวรณ์ .. เร้นซ่อน .. พราง
ยามเลือดซับเนื้อปราง .. จักพรางฤๅ ?
O ฟ้ามืด .. ลมล่อง .. จันทร์ผ่องแผ้ว
รูปพักตร์, แววตาพร้อม.. ยินยอมสื่อ-
ตอบรับร่วมผูกพัน .. ว่านั่นคือ-
ร่วมยุดยื้อ .. งามนั้น .. ตราบวันวาย !
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=02-09-2014&group=11&gblog=577
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ฉับพลัน .. บนฟ้าล้วนห่าฝน
ร่วงลิ่วหล่นล้อลมที่พรมผ่าน
ก่อนเกลือกเม็ดไหลรินแทรกดินดาน
รวมเป็นธารกรากเชี่ยวแห่งเกลียวน้ำ
O ลมต้นฝนแผ่วพลิ้วเป็นริ้วรื่น
กลางแสงคลื่นส่ายเส้น .. รับเย็นฉ่ำ
กิ่งก้านไม้โยกต้นรับฝนพรำ
แทนแดดกรำเกรียมกรอบอยู่รอบใบ
O ต้องฝน .. ไม้ย่อมตื่นรับคลื่นฝน
เช่นแววในตาคนเมื่อวนไหว
ต้องงาม .. ย่อมรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
พกพาความสดใส .. แทรกนัยน์ตา !
O พอไม้ต้องฝนลูบ .. ลมวูบผ่าน
ความอ่อนหวานอ่อนโยนก็โชนค่า
โซ่ตรวนแสนงดงามก็ล่ามคา-
อิริยารูปละม่อม .. ที่ล้อม .. รับ
O ในแววตา ..
รอยความว้าเหว่ปวงคอยล่วงดับ
พร้อมฝั่งฟ้าพืดดาวพร่างพราวระยับ
งามก็จู่ลงจับกระชับพร้อม
O หลังห่าฝนหล่นสายรำบายรื่น
โลกก็ตื่นขึ้นรับการขับกล่อม
แววในตาปรากฎ .. ฤๅอดออม-
ความหวานหอมโอบรัด แต่บัดนั้น
O สิ้นฝน, แผ่นฟ้ามืด .. ล้วนพืดดาว-
ยอแสงวาวไกลลิบ .. กระพริบสั่น
เช่นแววตาตื่นดำ .. พร้องรำพัน-
ความอ่อนหวานโอบขวัญ .. ล้อม-พันธนา
O ก็คงอีกไม่นานนัก ..
การล้อมกักกุมใจ .. คอยใฝ่หา-
คงเร่งแรงเร้ารุกไปทุกครา-
ที่แววตามีรูปเข้าลูบโลม
O และเมื่อความอ่อนหวาน .. นั้นหวานกว่า-
หวานบรรดารูปเคยผ่านเผยโฉม
งามย่อมเช่นแสงช่วงแห่งดวงโคม
รอ .. เอื้อมโน้มเหนี่ยวตระกองด้วยสองมือ !
O ตาที่สบเสพงาม .. เมื่อ-ลามล่วง-
เป็นบาศก์บ่วงเงื่อนตาย .. อาจคลายหรือ ?
ใจที่แกว่งเต้นสั่น จักบันลือ-
ดังจนสื่อให้รู้ .. ว่า-ผู้ใด ?
O สายลมร่ำในค่ำนี้
ช่างเรื่อยรี้ .. ออดอ้อนพาอ่อนไหว
แสงดาวที่กระพริบอยู่ลิบไกล
ราวขับไขแสงช่วง .. แข่งดวงตา !
O และแล้วห้วงคำนึง .. ก็รึงรัด-
กับความขัดเขินมี .. ในทีท่า
ดาวสองดวงช่วงอยู่ไม่รู้ลา
เมื่อแจ่มจ้าอยู่ในหัวใจคน
O เมียงเมิน .. เขินหลบ .. แล้วสบอีก
ด้วยสุดหลีกสุดเลี่ยง .. แม้เพียงหน
รูปนามเอยเผยอยู่ ให้รู้ทน-
การสั่นอลเวงทั่วทั้งหัวใจ
O หรือผุดเผยรูปนาม .. เพื่อล่ามพัน-
รัดรึงรอบดวงขวัญ คอยฝันใฝ่
เร่งจังหวะละห้อยเห็นให้เป็นไป-
ตามอาลัยเวียนวกในอกนี้ ?
O เผยรูป .. มาสูบสิ้นห้วงจินตนา
ปรารถนาในคน .. ก็ล้นปรี่
ก่อนฝน .. ลมอ้อมเข้าล้อมตี
แววตาที่มองเบือน - ก็เหมือนลม
O ตระหลบแววตาตะล่อมรายล้อมอยู่
เลศนัยชู้ปลาบปลั่งคอยถั่งถม
กอปรจริตอิริยา .. ล้ออารมณ์
รับ - หัวใจจ่อมจมรู้ .. รมยา
O ดูเอาเถิด .. รูปละม่อม .. เหมือนล้อมอยู่-
รอสายตาสบสู่ .. รับรู้ว่า-
งามนั้น .. เมื่อโชนฉายต่อสายตา
ถ้วนคุณค่างามซึ้ง .. ย่อมตรึงใจ
O งามจึงเผยรูปขวางในทางเที่ยว
ล่มเปล่าเปลี่ยวทั้งสิ้นจนสิ้นได้
ก้าวย่างที่รออยู่ .. ของผู้ใด-
อยู่รอให้ก้อยเกี่ยว .. ร่วมเที่ยวทาง ?
O รู้หรือไม่ .. ว่างามเจ้าลามรุก
แล้วแทรกซุก .. อกใจของใครบ้าง ?
รู้หรือไม่ .. อาวรณ์ .. เร้นซ่อน .. พราง
ยามเลือดซับเนื้อปราง .. จักพรางฤๅ ?
O ฟ้ามืด .. ลมล่อง .. จันทร์ผ่องแผ้ว
รูปพักตร์, แววตาพร้อม.. ยินยอมสื่อ-
ตอบรับร่วมผูกพัน .. ว่านั่นคือ-
ร่วมยุดยื้อ .. งามนั้น .. ตราบวันวาย !
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=02-09-2014&group=11&gblog=577