พูดถึง ประเทศญี่ปุ่น หลายๆคนคงอยากไปเที่ยว ผมก็เช่นกัน และ ผมก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกที่ Fukuoka ฟุกุโอกะ
แบกเป้ไปใบเดียว เน้นถูกทุกอย่าง 7 วัน รวมแล้ว 25,000 บาท
แต่ รีวิวนี้อยากพาไปดูเมืองเล็กๆ เมืองนึง เป็นเมืองที่ประทับใจที่สุดในทริป ต่อให้คนมาญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว ก็อาจจะไม่เคยมา หรือ ไม่รู้จักเมืองนี้ด้วยซ้ำ
อยู่ใน เขตคิวชู จังหวัดโออิตะครับ ชื่อเมือง Bungo-Ono
สำหรับใครที่ ขี้เกียจอ่าน อยากดูเป็น vdo เชิญนะคร้าบ อย่าคาดหวังความสวยงามนะครับ ถ่ายเอง เดินถ่าย ไปเรื่อย ฮ่าๆ
https://www.youtube.com/watch?v=jfU9rPocsIQ
ที่มาเกิดจาก ผมเอง เจอตั๋วโปร jetstar ไปกลับ 5,333 บาท ก็จองเลยครับ ไม่รุ้เลยว่า ฟุกุโอกะ มีอะไร แล้ว ปลายสิงหา เป็นฤดูอะไร จองเสร็จค่อยมาหาข้อมูลตาม pantip นี่แหละครับ
พอหาข้อมูลได้สถานที่ครบแล้ว ในใจก็คิดขึ้นมาว่า ทำไม มันถึง "เหมือนคนอื่นจัง วะ" จริงๆ บางที่เราก็ไม่อยากไปนะ แต่ไม่รู้จะไปไหน เราอยากไปชิวๆ ตามธรรมชาติมากกว่าไม่ต้องเร่งรีบ ก็เลยมา search ใน facebook ว่า fukuoka ปรากฎว่า ดันเป็นรูป set นี้เด้งขึ้นมาครับ เป็นรูปเพื่อนของผม เพิ่งไปเที่ยวแถวคิวชูมาเมื่อเดือน เม.ย. - พ.ค.
แวบแรกที่เห็น คือ มันใช่เลย มันสวยงาม อลังการ ชิวๆ ตามที่เราต้องการเป๊ะ แต่ราคาคงจะแพงน่าดู (ซึ่งผิดคอนเซปต์เรา) แต่หลังจากผมได้ข้อมูล ละเอียดยิบ จาก "แก้ว" เพื่อนผู้แสนน่ารักแล้ว ถึงกับมือไม้สั่นกันเลยทีเดียว เพราะผมได้ line คุยกับ front manager ที่ชื่อ Yuki สรุปได้ว่า ราคาที่พัก รวมอาหารเช้า รวม รถ-รับ ส่งถึงสถานีรถไฟ และ อาจจะพาขับรถเที่ยวด้วย ถ้าแขกไม่เยอะ คือ คืนละ 916 บาท !!! 916 บาท ราคานี้ มันหายากมากกกก นะครับ ในญี่ปุ่น เอาแค่ที่พักก็ยากแล้ว นี่มีทุกอย่างพร้อม จองทันที !!!
ตัดมา วันเดินทางไปเมืองนี้เลยนะครับ
2 คืนแรก ผมพักอยู่ Fukuoka เช้าวันที่ 3 ( 25 สิงหาคม 2559 ) ก็นั่งรถไฟโซนิค รอบ 6 โมงเช้าเลย ไปเที่ยวเบปปุก่อน
ดูบ่อน้ำพุร้อน 2 แห่ง
แล้ว ก็เดินตามหาร้านอาหารแนะนำอันดับ 1 จาก trip advisor ซึ่ง สามารถเดินไปจาก สถานีรถไฟได้เลย ออกทางด้านหน้าสถานี เดินตรงอย่างเดียว เจอห้างใหญ่ๆ ซ้ายมือ ก็ลงอุโมงค์ข้ามถนนไป เข้าซอยอีกนิดหน่อยก็เจอแล้ว เป็นร้านที่คนรอคิวยาวมั่กๆ แต่ก็คุ้มค่าครับ ราคาไม่แพงเลย และ เทมปุระก็อร่อยมากด้วย
กินเสร็จ เราก็มาขึ้น Yufuin no mori ประมาณบ่าย 2 ครับ ไป Oita ลงรถที่สถานีนี้ ( ถ้าใครจะยิงยาว ออกจาก hakata st. ช่วงเที่ยงๆ มาลง Oita เลยก็ได้นะครับ ) แล้ว จากสถานี Oita ก็ดูรถสาย JR hohi line ครับ เพื่อไปลง bungo-kiyokawa station ( แนะนำใช้ web hyperdia แจ่มแมว และ ถ้าไปคนเดียวแบบผม ก็แนะนำ sim2fly ของ AIS ครับ เนทมีสัญญาณแรงทุกที่ 400 บาท ใช้ได้ 8 วัน ซื้อที่ สุวรรณภูมิได้เลย )
ใครที่ใช่ JR Pass อยู่แล้ว สามารถ ขึ้นได้ฟรี ทั้งหมด ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
เมื่อมาถึง สถานี ประมาณบ่าย 4 คือ มันเล็กและเงียบมากกกก มีผมลงที่สถานีนี้คนเดียว แต่ Yuki ก็รอรับผมอยู่แล้วครับ เค้า น่ารักมาก ยิ้มแย้ม คุยดี สื่อสารอังกฤษได้ดี ใช้เวลานั่งรถ 5 นาที ก็มาถึง รีสอทเราแล้วครับ
บรรยากาศ รอบๆ รีสอร์ท คือ มีความเป็นธรรมชาติสูงพอ และ สะอาด แต่ไม่ได้รู้สึก ว่าเปลี่ยว หรือ อันตรายเลย รู้สึกปลอดภัย ด้านขวา จะเป็นเนินเขาสูง ด้านซ้ายจะเป็นลำธารหลักของเมืองเลย น้ำก็ใสสะอาด ปลาเล็ก ปลาน้อยเพียบ (ตกปลาได้ ลงว่ายน้ำได้)
ห้องพักมี 3 แบบ แบบ บ้านเป็นหลังๆ มีห้องน้ำในตัว / แบบเป็นบ้านต้นไม้ ต้องใช้ห้องน้ำรวม / แบบเป็นหอ หอชาย นอน 10 คน ต้องออกมาใช้ห้องน้ำรวม ส่วน หอหญิง นอน 8 คน แล้วมีห้องน้ำให้ในตัวเลย
ทีเด็ด คือ ว่า คืนแรกนี้ ทั้งรีสอท มีผมเป็นแขกเข้าพักคนเดียวววว ครับ เค้าเลยให้ผมไปนอนหอหญิง เพื่อจะได้มีห้องน้ำใช้ในตัวเลย 8 เตียง นอนคนเดียว ใจกล้าพอมั้ย ล่ะ ฮ่าๆ
หลังจากพักหายเหนื่อย Yuki ก็พา ออกไป ชมจุดท่องเที่ยวของเมืองครับ มีสะพานหิน วัดเก่าๆ และ ไฮไลท์ คือ น้ำตกฮาราจิริ ซึ่งเกิดจากการไหลผ่านของลาวา จากภูเขาไฟอะโสะ ( ห่างจาก ภูเขาไฟ โดยการขับรถยนต์ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น )
เนื่องจากค่ำแล้ว เวลาน้อย ดูนิดๆหน่อยๆ พอ เราก็กลับมาซื้ออาหาร ที่ supermarket ครับ ของเยอะ มีเนื้อต่างๆ เหมาะจะไป ย่างบาบีคิวมาก ถ้ามาเป็นแก๊ง ที่รีสอท มีสถานที่ย่างบาบีคิวให้ด้วยครับ ผมมาคนเดียว ก็จัดมาม่ากุ้งไป จบ
จบคืนแรก หลับสบายมาก เตียงนุ่ม แอร์เย็นเจี๊ยบ เงียบสงบ ปลอดภัยครับ
วันที่สอง ตื่นเช้ามา ก็มีพนักงานสาวสวย ทำอาหารเช้าไว้รอ พร้อมวิว สวยงาม จากห้องอาหาร อร่อยดีนะ
จริงๆ วันนี้ แผนของผมคือจะปั่นจักรยาน ไปที่น้ำตกเองอีกรอบ แต่ไม่เคยปั่นมานานมาก เป็น 10 ปี กับระยะทาง 11-12 กิโล เราก็รู้สึกว่ามันไกล ก็เลย นอนเล่นก่อนละกัน คือ โคตรชอบฟีล นี้อะ เสียงแมลร้อง เสียงน้ำไหล นอนอ่านหนังสือ จิบเบียร์ เพลินๆ ถามตัวเองว่า ครั้งสุดท้ายที่ใช้ชีวิตแบบไม่ได้ยินเสียงรถ เสียงอุปกรณ์อิเล็คโทรนิค นานเป็น ชั่วโมงๆ คือเมื่อไหร่ โหว คิดไม่ออกเลยนะ
สุดท้าย ช่วงเที่ยง ก็เออวะ ไปก็ไป เลยจัดจักรยานมา ซึ่งเป็นจักรยานที่มีมอเตอร์ช่วย มันปั่นโคดง่ายยยย ตอนขึ้นเนิน แตะนิดนึง มอเตอร์ก็ช่วยเราทำงาน ปั่นแปปเดียวถึง แล้ววิวระหว่างทางก็สวย สงบด้วย ปั่นไปตอนเที่ยงตรง เลยด้วย แน่นอนจริงๆ
ระหว่างทาง มี family mart หลายจุด ไม่ต้องกลัว ขาดน้ำตายครับ กลัวขาดเงินซื้อน้ำพอ น้ำเปล่าแพงเหลือเกิน
ใช้เวลา ไม่ถึง ชั่วโมง ขับไป แวะพักไป ก็มาถึง น้ำตกแล้วครับ ข้างๆ กันจะมี ศูนย์อาหารติดแอร์ใหญ่ๆ อยู่ ขายของกิน ของฝาก แล้วก็ มีร้านอาหาร ร้านนึง ไม่แพง ด้วย มีเบียรส์สดด้วย แจ่มเลย แวะกินก่อน
แล้ว วันนี้เราก็เดินดูน้ำตกแบบเต็มๆ มีวิวจากบนสะพานชมน้ำตกด้วย แล้วใกล้ๆกันก็มี วัดเก่าแก่อยู่ และ มีคุณลุง คุณป้า ออกมา ดำนา ตัดหญ้า อยู่ข้างๆ คือ ทำ นาดำ อะ ไม่ใช่นาหว่าน ข้าวที่ปลูกออกมาเลย สวยมาก
เสร็จแล้วก็ปั่นกลับ ขากลับ ก็ตามหา supermarket ที่มาเมื่อวานจนเจอ ไปซื้อ เบียร์หลากหลายยี่ห้อไปชิม
จบสำหรับวันที่ 2 กับ ธรรมชาติ ชิวๆ ประสบการณ์ใหม่ๆที่นี่
เช้าวันที่ 3 ก็ออกจาก รีสอร์ท พนง.มาส่งที่ สถานีรถไฟ ก็เงียบสงบ เหมือนเดิม ระหว่างรอรถ ก็เห็นพื้นสถานี ราขึ้นกันเลยทีเดียว คือ คนคงมาน้อยมากจริงๆ แต่นี่แหละ คนน้อย ความเป็นธรรมชาติ ความสงบ ความสะอาด มันเลยเยอะ
ถ้าใครอยากได้แบบนี้ ธรรมชาติ สงบ ชิวๆ แล้วถูกๆ ด้วย ผมแนะนำนะครับ จริงๆ มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ อีกเยอะนะครับ ถ้ารุ้ว่าปั่นจักรยานไม่ได้ยากอย่างที่คิด จะออกมาเช้ากว่านี้ จะได้แวะหลายๆที่
สำหรับ ครอบครัว มากันหลายคน หรือ ปั่นจักรยานไม่ไหว ทางเมืองนี้ มี taxi นำเที่ยวนะครับ พาชม 4 จุดท่องเที่ยว ( น่าจะมีน้ำตก พระที่แกะสลักบนภูเขา แล้วก็ทางรถไฟที่ลอดเข้าอุโมงค์อะไรประมาณนั้น ไม่มั่นใจ ) ราคา 16,000 JPY ไปได้ 4 คน ก็ถือว่า พอใช้ได้ครับ ไม่แพงโหดมากเกินไป
ชื่อเมืองนะครับ Bungo-Ono อยู่ใน จังหวัดโออิตะ ค่อนๆ มาทาง kumamoto ลอง search ดูได้ เราลงรถที่ bungo-kiyokawa station
ส่วนชื่อ รีสอท satonotabi resort ใน hostel world และ expedia นะครับ เค้ายังไม่ได้โคกะ agoda
ฝากไฟล์ วีดีโอ นะคร้าบ สำหรับใครอยากดูเป็น VDO เชิญไปดูได้
https://www.youtube.com/watch?v=jfU9rPocsIQ
สรุป ค่าใช้จ่าย มาที่นี่
เดินทาง ----- จาก hakata st. นั่งมาลง สถานี Oita / จาก Oita นั่ง JR Hohi line ลง bungo-kiyokawa ไปกลับ ไม่เสียตังค์เพิ่ม เพราะใช้ JR Pass ได้สิทธิ์ ครอบคลุมอยู่แล้ว
ที่พัก ----- รวมรถ รับส่ง ถึงสถานีรถไฟ ห้องครัว และอาหารเช้า คืนละ 960 บาท x 2 = 1,920 บาท ( จ่ายตัดบัตรไปก่อน )
เช่าจักรยานแบบมีมอเตอร์ ---- 600 JPY
ค่าอาหาร มาทำกินเอง 2 มื้อเย็น + เบียร์ ---- ประมาณ 3,500 JPY
ร้านอาหารที่น้ำตก ข้าวราดแกงกะหรี่ + เบียร์สด ----- ประมาณ 1,100 JPY
รวมแล้ว 1,920 บาท + 5,200 JPY คร้าบ
หมดเยอะกะเบียร์นี่ล่ะ
[CR] Unseen Japan !! แบกเป้ เที่ยวญี่ปุ่น โซน ฟุกุโอกะ ไม่เหมือนใคร คร้าบ
แบกเป้ไปใบเดียว เน้นถูกทุกอย่าง 7 วัน รวมแล้ว 25,000 บาท
แต่ รีวิวนี้อยากพาไปดูเมืองเล็กๆ เมืองนึง เป็นเมืองที่ประทับใจที่สุดในทริป ต่อให้คนมาญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว ก็อาจจะไม่เคยมา หรือ ไม่รู้จักเมืองนี้ด้วยซ้ำ
อยู่ใน เขตคิวชู จังหวัดโออิตะครับ ชื่อเมือง Bungo-Ono
สำหรับใครที่ ขี้เกียจอ่าน อยากดูเป็น vdo เชิญนะคร้าบ อย่าคาดหวังความสวยงามนะครับ ถ่ายเอง เดินถ่าย ไปเรื่อย ฮ่าๆ
https://www.youtube.com/watch?v=jfU9rPocsIQ
ที่มาเกิดจาก ผมเอง เจอตั๋วโปร jetstar ไปกลับ 5,333 บาท ก็จองเลยครับ ไม่รุ้เลยว่า ฟุกุโอกะ มีอะไร แล้ว ปลายสิงหา เป็นฤดูอะไร จองเสร็จค่อยมาหาข้อมูลตาม pantip นี่แหละครับ
พอหาข้อมูลได้สถานที่ครบแล้ว ในใจก็คิดขึ้นมาว่า ทำไม มันถึง "เหมือนคนอื่นจัง วะ" จริงๆ บางที่เราก็ไม่อยากไปนะ แต่ไม่รู้จะไปไหน เราอยากไปชิวๆ ตามธรรมชาติมากกว่าไม่ต้องเร่งรีบ ก็เลยมา search ใน facebook ว่า fukuoka ปรากฎว่า ดันเป็นรูป set นี้เด้งขึ้นมาครับ เป็นรูปเพื่อนของผม เพิ่งไปเที่ยวแถวคิวชูมาเมื่อเดือน เม.ย. - พ.ค.
แวบแรกที่เห็น คือ มันใช่เลย มันสวยงาม อลังการ ชิวๆ ตามที่เราต้องการเป๊ะ แต่ราคาคงจะแพงน่าดู (ซึ่งผิดคอนเซปต์เรา) แต่หลังจากผมได้ข้อมูล ละเอียดยิบ จาก "แก้ว" เพื่อนผู้แสนน่ารักแล้ว ถึงกับมือไม้สั่นกันเลยทีเดียว เพราะผมได้ line คุยกับ front manager ที่ชื่อ Yuki สรุปได้ว่า ราคาที่พัก รวมอาหารเช้า รวม รถ-รับ ส่งถึงสถานีรถไฟ และ อาจจะพาขับรถเที่ยวด้วย ถ้าแขกไม่เยอะ คือ คืนละ 916 บาท !!! 916 บาท ราคานี้ มันหายากมากกกก นะครับ ในญี่ปุ่น เอาแค่ที่พักก็ยากแล้ว นี่มีทุกอย่างพร้อม จองทันที !!!
ตัดมา วันเดินทางไปเมืองนี้เลยนะครับ
2 คืนแรก ผมพักอยู่ Fukuoka เช้าวันที่ 3 ( 25 สิงหาคม 2559 ) ก็นั่งรถไฟโซนิค รอบ 6 โมงเช้าเลย ไปเที่ยวเบปปุก่อน
ดูบ่อน้ำพุร้อน 2 แห่ง
แล้ว ก็เดินตามหาร้านอาหารแนะนำอันดับ 1 จาก trip advisor ซึ่ง สามารถเดินไปจาก สถานีรถไฟได้เลย ออกทางด้านหน้าสถานี เดินตรงอย่างเดียว เจอห้างใหญ่ๆ ซ้ายมือ ก็ลงอุโมงค์ข้ามถนนไป เข้าซอยอีกนิดหน่อยก็เจอแล้ว เป็นร้านที่คนรอคิวยาวมั่กๆ แต่ก็คุ้มค่าครับ ราคาไม่แพงเลย และ เทมปุระก็อร่อยมากด้วย
กินเสร็จ เราก็มาขึ้น Yufuin no mori ประมาณบ่าย 2 ครับ ไป Oita ลงรถที่สถานีนี้ ( ถ้าใครจะยิงยาว ออกจาก hakata st. ช่วงเที่ยงๆ มาลง Oita เลยก็ได้นะครับ ) แล้ว จากสถานี Oita ก็ดูรถสาย JR hohi line ครับ เพื่อไปลง bungo-kiyokawa station ( แนะนำใช้ web hyperdia แจ่มแมว และ ถ้าไปคนเดียวแบบผม ก็แนะนำ sim2fly ของ AIS ครับ เนทมีสัญญาณแรงทุกที่ 400 บาท ใช้ได้ 8 วัน ซื้อที่ สุวรรณภูมิได้เลย )
ใครที่ใช่ JR Pass อยู่แล้ว สามารถ ขึ้นได้ฟรี ทั้งหมด ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
เมื่อมาถึง สถานี ประมาณบ่าย 4 คือ มันเล็กและเงียบมากกกก มีผมลงที่สถานีนี้คนเดียว แต่ Yuki ก็รอรับผมอยู่แล้วครับ เค้า น่ารักมาก ยิ้มแย้ม คุยดี สื่อสารอังกฤษได้ดี ใช้เวลานั่งรถ 5 นาที ก็มาถึง รีสอทเราแล้วครับ
บรรยากาศ รอบๆ รีสอร์ท คือ มีความเป็นธรรมชาติสูงพอ และ สะอาด แต่ไม่ได้รู้สึก ว่าเปลี่ยว หรือ อันตรายเลย รู้สึกปลอดภัย ด้านขวา จะเป็นเนินเขาสูง ด้านซ้ายจะเป็นลำธารหลักของเมืองเลย น้ำก็ใสสะอาด ปลาเล็ก ปลาน้อยเพียบ (ตกปลาได้ ลงว่ายน้ำได้)
ห้องพักมี 3 แบบ แบบ บ้านเป็นหลังๆ มีห้องน้ำในตัว / แบบเป็นบ้านต้นไม้ ต้องใช้ห้องน้ำรวม / แบบเป็นหอ หอชาย นอน 10 คน ต้องออกมาใช้ห้องน้ำรวม ส่วน หอหญิง นอน 8 คน แล้วมีห้องน้ำให้ในตัวเลย
ทีเด็ด คือ ว่า คืนแรกนี้ ทั้งรีสอท มีผมเป็นแขกเข้าพักคนเดียวววว ครับ เค้าเลยให้ผมไปนอนหอหญิง เพื่อจะได้มีห้องน้ำใช้ในตัวเลย 8 เตียง นอนคนเดียว ใจกล้าพอมั้ย ล่ะ ฮ่าๆ
หลังจากพักหายเหนื่อย Yuki ก็พา ออกไป ชมจุดท่องเที่ยวของเมืองครับ มีสะพานหิน วัดเก่าๆ และ ไฮไลท์ คือ น้ำตกฮาราจิริ ซึ่งเกิดจากการไหลผ่านของลาวา จากภูเขาไฟอะโสะ ( ห่างจาก ภูเขาไฟ โดยการขับรถยนต์ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น )
เนื่องจากค่ำแล้ว เวลาน้อย ดูนิดๆหน่อยๆ พอ เราก็กลับมาซื้ออาหาร ที่ supermarket ครับ ของเยอะ มีเนื้อต่างๆ เหมาะจะไป ย่างบาบีคิวมาก ถ้ามาเป็นแก๊ง ที่รีสอท มีสถานที่ย่างบาบีคิวให้ด้วยครับ ผมมาคนเดียว ก็จัดมาม่ากุ้งไป จบ
จบคืนแรก หลับสบายมาก เตียงนุ่ม แอร์เย็นเจี๊ยบ เงียบสงบ ปลอดภัยครับ
วันที่สอง ตื่นเช้ามา ก็มีพนักงานสาวสวย ทำอาหารเช้าไว้รอ พร้อมวิว สวยงาม จากห้องอาหาร อร่อยดีนะ
จริงๆ วันนี้ แผนของผมคือจะปั่นจักรยาน ไปที่น้ำตกเองอีกรอบ แต่ไม่เคยปั่นมานานมาก เป็น 10 ปี กับระยะทาง 11-12 กิโล เราก็รู้สึกว่ามันไกล ก็เลย นอนเล่นก่อนละกัน คือ โคตรชอบฟีล นี้อะ เสียงแมลร้อง เสียงน้ำไหล นอนอ่านหนังสือ จิบเบียร์ เพลินๆ ถามตัวเองว่า ครั้งสุดท้ายที่ใช้ชีวิตแบบไม่ได้ยินเสียงรถ เสียงอุปกรณ์อิเล็คโทรนิค นานเป็น ชั่วโมงๆ คือเมื่อไหร่ โหว คิดไม่ออกเลยนะ
สุดท้าย ช่วงเที่ยง ก็เออวะ ไปก็ไป เลยจัดจักรยานมา ซึ่งเป็นจักรยานที่มีมอเตอร์ช่วย มันปั่นโคดง่ายยยย ตอนขึ้นเนิน แตะนิดนึง มอเตอร์ก็ช่วยเราทำงาน ปั่นแปปเดียวถึง แล้ววิวระหว่างทางก็สวย สงบด้วย ปั่นไปตอนเที่ยงตรง เลยด้วย แน่นอนจริงๆ
ระหว่างทาง มี family mart หลายจุด ไม่ต้องกลัว ขาดน้ำตายครับ กลัวขาดเงินซื้อน้ำพอ น้ำเปล่าแพงเหลือเกิน
ใช้เวลา ไม่ถึง ชั่วโมง ขับไป แวะพักไป ก็มาถึง น้ำตกแล้วครับ ข้างๆ กันจะมี ศูนย์อาหารติดแอร์ใหญ่ๆ อยู่ ขายของกิน ของฝาก แล้วก็ มีร้านอาหาร ร้านนึง ไม่แพง ด้วย มีเบียรส์สดด้วย แจ่มเลย แวะกินก่อน
แล้ว วันนี้เราก็เดินดูน้ำตกแบบเต็มๆ มีวิวจากบนสะพานชมน้ำตกด้วย แล้วใกล้ๆกันก็มี วัดเก่าแก่อยู่ และ มีคุณลุง คุณป้า ออกมา ดำนา ตัดหญ้า อยู่ข้างๆ คือ ทำ นาดำ อะ ไม่ใช่นาหว่าน ข้าวที่ปลูกออกมาเลย สวยมาก
เสร็จแล้วก็ปั่นกลับ ขากลับ ก็ตามหา supermarket ที่มาเมื่อวานจนเจอ ไปซื้อ เบียร์หลากหลายยี่ห้อไปชิม
จบสำหรับวันที่ 2 กับ ธรรมชาติ ชิวๆ ประสบการณ์ใหม่ๆที่นี่
เช้าวันที่ 3 ก็ออกจาก รีสอร์ท พนง.มาส่งที่ สถานีรถไฟ ก็เงียบสงบ เหมือนเดิม ระหว่างรอรถ ก็เห็นพื้นสถานี ราขึ้นกันเลยทีเดียว คือ คนคงมาน้อยมากจริงๆ แต่นี่แหละ คนน้อย ความเป็นธรรมชาติ ความสงบ ความสะอาด มันเลยเยอะ
ถ้าใครอยากได้แบบนี้ ธรรมชาติ สงบ ชิวๆ แล้วถูกๆ ด้วย ผมแนะนำนะครับ จริงๆ มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ อีกเยอะนะครับ ถ้ารุ้ว่าปั่นจักรยานไม่ได้ยากอย่างที่คิด จะออกมาเช้ากว่านี้ จะได้แวะหลายๆที่
สำหรับ ครอบครัว มากันหลายคน หรือ ปั่นจักรยานไม่ไหว ทางเมืองนี้ มี taxi นำเที่ยวนะครับ พาชม 4 จุดท่องเที่ยว ( น่าจะมีน้ำตก พระที่แกะสลักบนภูเขา แล้วก็ทางรถไฟที่ลอดเข้าอุโมงค์อะไรประมาณนั้น ไม่มั่นใจ ) ราคา 16,000 JPY ไปได้ 4 คน ก็ถือว่า พอใช้ได้ครับ ไม่แพงโหดมากเกินไป
ชื่อเมืองนะครับ Bungo-Ono อยู่ใน จังหวัดโออิตะ ค่อนๆ มาทาง kumamoto ลอง search ดูได้ เราลงรถที่ bungo-kiyokawa station
ส่วนชื่อ รีสอท satonotabi resort ใน hostel world และ expedia นะครับ เค้ายังไม่ได้โคกะ agoda
ฝากไฟล์ วีดีโอ นะคร้าบ สำหรับใครอยากดูเป็น VDO เชิญไปดูได้
https://www.youtube.com/watch?v=jfU9rPocsIQ
สรุป ค่าใช้จ่าย มาที่นี่
เดินทาง ----- จาก hakata st. นั่งมาลง สถานี Oita / จาก Oita นั่ง JR Hohi line ลง bungo-kiyokawa ไปกลับ ไม่เสียตังค์เพิ่ม เพราะใช้ JR Pass ได้สิทธิ์ ครอบคลุมอยู่แล้ว
ที่พัก ----- รวมรถ รับส่ง ถึงสถานีรถไฟ ห้องครัว และอาหารเช้า คืนละ 960 บาท x 2 = 1,920 บาท ( จ่ายตัดบัตรไปก่อน )
เช่าจักรยานแบบมีมอเตอร์ ---- 600 JPY
ค่าอาหาร มาทำกินเอง 2 มื้อเย็น + เบียร์ ---- ประมาณ 3,500 JPY
ร้านอาหารที่น้ำตก ข้าวราดแกงกะหรี่ + เบียร์สด ----- ประมาณ 1,100 JPY
รวมแล้ว 1,920 บาท + 5,200 JPY คร้าบ
หมดเยอะกะเบียร์นี่ล่ะ