มะเร็งที่สมองลามมาจากเต้านม หมอรังสีบอกแม่ผมจะอยู่ได้อีกหลักเดือน กับหมอมะเร็งบอกแม่ผมจะอยู่ได้ 5 ปี แต่...

แม่ผมเคยเป็นมะเร็งที่เต้านม ระยะ 3 + มีลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ผ่าตัดแล้วให้เคมีบำบัดและเฮอร์เซปติน 17 เข็ม ผ่านมาสองปีมันกลับมาอีกแล้วคราวนี้ไม่ให้ตั้งตัวเลย

ขอท้าวความไปช่วงอาการแรกๆ ก่อนนะครับ (ถ้ายาวเกินข้ามไปอ่านคำถามข้างล่างได้เลยครับ) แม่บ่นมือชามาประมาณปีนึงที่ผ่านมาได้ (ข้างซ้ายที่ผ่าเต้านมไป) หาหมอกระดูกบอกว่าเป็นผลจากการผ่าตัด อาการคือชาที่ปลายนิ้ว โป้ง ชี้ กลาง ที่ผ่านมาปีนึงหมอให้แต่กินยาบำรุงประสาท ทั้ง เมททิวโคบอลต์ และวิตามินบีรวม มาร่วมๆ ปีอาการไม่ดีขึ้นเลย ไม่ทราบว่าอันนี้เป็นผลจากมะเร็งสมองที่มีอยู่หรือไม่

ล่าสุดสองสามเดือนที่ผ่านมาปวดหลังแบบไม่มีสาเหตุ โดยบริเวณที่ปวดคือ ก้นกบ และลามมาที่เข่า และมีอาการเส้นประสาทเส้นที่ 7 อักเสบ (โรคที่ทำให้หน้าเบี้ยวไปครึ่งนึง) อันนี้แม่เคยเป็นมาแล้ว สามสี่ปีที่แล้ว กินยาก้อหาย คราวนี้ก็เช่นกัน กินยาแล้วหาย แล้วสองอาทิตย์ที่แล้ว แม่มีอาการเดินแทบไม่ได้ ประกอบกับโซเดียมต่ำ ทำให้ต้องเข้านอนรพ. สองคืน ผมจึงรีบนัดหมอมะเร็ง ที่ให้เคมีบำบัด กับเฮอร์เซปตินแม่ ท่านเมตตาให้นัดพบด่วน วันศุกร์ที่ 26 ส.ค. 59 แล้วนัดตรวจกระดูก (โบนสแกน) พร้อม กับที่ ซีที  สแกนที่ สมองทันที เพราะกังวลว่ามะเร็งจะกลับมาอีกครั้ง ตอนแรกผมไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะคิดว่ายาเฮอร์เซปติน คงเอาอยู่ไม่น่ามีลามไปไหนอีก ยิ่งสมองยิ่งไม่เคยคิด รู้แต่ว่าจากเต้านมจะลามไปกระดูกมากที่สุด

เช้าวันศุกร์ที่ 2 ก.ย. 59 ผลตรวจกระดูกปกติดีไม่มีอะไร ผมก็โล่งแล้วหมอก็สั่งให้แม่ไปพบหมอรังสีต่อ แล้วเรียกผมไปคุยส่วนตัว หมอแจ้งว่า “มันกลับมาอีกแล้วนะครับ มะเร็งน่ะ คราวนี้พบที่สมอง 2-3 ก้อนแหละ ตอนนี้หมอสั่งยาลดบวมกับไปฉายแสงก่อนนะ อ่อ แล้วนัดทำซีที เพิ่มที่ปอดกับตับด้วย” หมอพูดด้วยน้ำเสียง ชิลมาก ผมนึกว่าพูดถึงเรื่อง โรคง่ายๆ แบบพวก ปวดหัวตัวร้อนธรรมดาด้วยซ้ำ ผมก้อเดินตัวชา ๆ ออกมาแล้วรีบไปสั่งจอง ซีที สแกน แล้วตามไปสมทบน้องสาวที่ห้องรังสี หมอรังสีสั่งแม่ ตีเส้น เตรียมฉายแสงด่วน แล้ว สั่งยา สเตียรอยด์ ลดบวม เพิ่มขึ้น 2 เท่า จากที่หมอมะเร็ง สั่ง เช้า เย็น เป็น สามเวลา และก่อนนอน หมอบอก นี่คนไข้ ต้องทำอะไรด่วนมั้ย มีใครที่ควรสั่งเสีย ผมรีบบอกว่า ผมเข้าใจว่าอาการแม่หนัก แต่พอจะเป็นไปได้มั้ยที่จะ ทำให้ขึ้นเครื่องไปอังกฤษ เพราะน้องสาวผมจะแต่งงาน ต้นเดือนตุลานี้ แล้ว หมอบอกไม่มีสิทธิ์ เพราะสมองบวม ขึ้นเครื่องไปอาจจะน็อคกลางอากาศได้ หมอบอกให้บอกคนไข้ทำใจ แล้วบอกให้ญาติๆ เตรียมตัว หมอให้หลักเดือน (คำพูดทั้งหมดนี่ผมจำไม่ได้หมดครับ จำคร่าว ๆ ประมาณ ๆ เอา)

ผมกับน้องสาวก็เดินออกมา แล้วรีบเตรียมตัวรับมือ โดยการรีบแจ้งน้องสาวที่อยู่อังกฤษ และคุณพ่อ ความรู้สึกตอนนั้น มันไม่มีอะไรมาบรรยายได้จริงๆ ครับ มันเหมือนมีอะไรมีแทงเข้าไปที่หัวใจ อยากจะร้องให้สุดเสียง แต่ต้องแข่งกับเวลา ตอนนี้แม่ยังไม่ทราบเรื่องอะไร เพราะทั้งบ้านลงความเห็นแล้วว่าต้องช่วยกันปิด อันนี้ทุกคนทราบดี ว่าคุณแม่เป็นคนยังไง จากการที่ทราบข่าวเป็นที่เต้านมเมื่อสองปีก่อน

เรื่องที่ท้าวไปทั้งหมด นั้นความจริงมีรายละเอียดเยอะกว่านั้น นี่คัดมาแต่ช่วงที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคำถามมากที่สุดครับ
***คำถาม
1.    หมอรังสีบอกว่าแม่จะอยู่ได้หลักเดือน โดยดูจะซีทีสแกนที่สมองอย่างเดียว (เพิ่มเติมคือ ท่านว่ามี 4-5 ก้อน) ส่วนหมอมะเร็งบอกว่า จะอยู่ได้ถึง 4-5 ปี(แต่จะตายเพราะมะเร็งอยู่ดี) ถ้าก้อนที่สมองยุบลง แล้วให้ยาตรงจุด (ซึ่งคชจ.จะอยู่ที่ เดือนละประมาณ แสนนึง เฉพาะค่ายา) ผมควรเชื่อใครดี? และ จากคำถามนี้ พวกท่านจะทำยังไง ถ้าที่บ้านไม่มีเงินจ่ายหลักแสน ที่รักษามาทั้งหมดส่วนใหญ่ใช้สิทธิ์ 30 บาทครับ น้องสาวผมที่ อยู่อังกฤษ บอกว่ามีเงินที่จะใช้ได้ ประมาณ ล้านนึง กับเงินที่บ้านมีอยู่ประมาณ 5 แสน ซึ่งน่าจะพอใช้ไปแค่ ปีกว่า ๆ

2.    แนวคิดที่ผมคิดคือ ปิดให้แม่ไม่รู้ แล้วรักษายังไงก็ได้ให้หาย เจ็บหลังและตัว พอเดินได้(ซึ่งผมคิดว่าถ้าฉายแสง แล้วก้อนยุบน่าจะพอได้อยู่หรือเปล่า? อันนี้ผมคิดเอง) แล้วพาตระเวณไปหาการรักษาทางเลือก เผื่อมีปาฏิหารย์ หากไม่มีจริงๆ ค่อยกลับมารักษาแผนปัจจุบันแบบประคับประคอง อันนี้ผมคิดถูกมั้ยครับ?  
(หากใครไม่ทราบ รักษาแบบประคับประคอง คิอการทำให้ตายจากมะเร็งให้ช้าและทรมาณน้อยที่สุด แต่ผมรู้ดีถ้าแม่ผมต้องให้คีโมและรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ท่านจะทรมาณมากกว่าคนทั่วไปแน่นอน เพราะแม่ผมไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ)

3.    ทำยังไงให้แม่หายปวดหลังและเดินได้ดีครับ อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้คือ เดินไม่ได้ ขาไม่มีแรง ปวดหลัง แล้วก็เบื่ออาหาร อาเจียน

สุดท้ายอยากฝากทุกคนที่ มีคนเป็นมะเร็งในครอบครัวอย่าได้ประมาท เหมือนครอบครัวผม ควรตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดจริงๆ ถ้าผมยอมตรวจค่าเลือด หรือ ตรวจร่างกายแม่อย่างละเอียดในสองปีที่ผ่านมา เหตุการณ์วิกฤตครั้งนี้คงจะบรรเทาลงไปบ้างไม่มากก็น้อย

ขอบคุณทุกคำตอบและความคิดเห็นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่