...สามนาที มองข้ามโขงเบิ่งลาวกับวัชรานนท์...
เป็นประเทศเพื่อนบ้าน(หมายเหตุ: คนฝั่งลาวไม่ได้คิดว่าบ้านพี่เมืองน้องอย่างที่ไทยเราเข้าใจ)ที่มีวัฒนธรรม ภาษาที่คล้ายคลึงไทยที่สุด และเมื่อมองย้อนประวัติศาสตร์ของสองอาณาจักรก็ไม่แปลกที่สองแผ่นดินร่วมมรดกวัฒนธรรมและภาษาที่คล้ายคลึงกัน
อาณาจักรอยุธาเริ่มที่พระเจ้าอู่ทอง ส่วนอาณาจักรลาวเริ่มต้นที่พระเจ้าฟ้างุ้มที่เมืองเชียงทอง(หลวงพระบางในปัจจุบัน) พระเจ้าฟ้างุ้มขยายอาณาเขตอาณาจักรลาวลงมาจนจรดลพบุรีแล้วส่งสาสน์มายังพระเจ้าอู่ทองทำการรบกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากอยุธยาว่า เราเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาแต่ก่อน หากเจ้าฟ้างุ้มต้องการเอาดินแดนก็เอาตามส่วนแนวชายแดนเถิดประมาณนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยาและลาวก็มีเรื่อยมาอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จนตกมาถึงยุคที่พม่ารุ่งเรืองซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ และรัชสมัยของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแห่งลาว เมื่อพม่า “โยนก้อนหินถามทาง” มาทางอยุธยาว่าขอให้แบ่งช้างเผือกที่จับได้เจ็ดเชือกไปให้แก่พม่าสักสองเชือกจะได้ไหม อยุธยาปฏิเสธไป...ซึ่งอยุธยาก็น่าจะรู้ว่าการปฏิเสธไปนั้นเป็นลางร้ายต่ออาณาจักรซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของสงครามช้างเผือกและอยุธยาต้องสูญเสียพระสุริโยทัยในสนามรบ ทางอยุธยาจึงหันมาเจริญสัมพันธไตรีกับลาวเพื่อหวังว่าจะช่วยต่อต้านพม่า โดยมีองค์พระธาตุศรีสองรักที่อำเภอด่านซ้ายเป็นพยาน ทางลาวเองก็ฉวยโอกาสนี้ขอพระธิดาที่เกิดแต่พระสุริโยทัยไปเป็นมเหสี อยุธยาส่งพระแก้วฟ้าไปแทน แต่เมื่อลาวทราบภายหลังว่าไม่ใช่หน่อเนื้อพระสุริโยทัยจึงส่งกลับ อยุธยาจึงจัดส่งพระเทพกษัตรีย์ไป แต่ก็ถูก “พระพี่เขย” ของพระเทพกษัตรีย์สมเด็จพระมหาธรรมราชาส่งข่าวไปยังพม่าเพื่อให้แย่งชิงตัวกลับ จึงแทบจะกลายเป็นศึกสามเส้าระหว่าง ลาว ไทย พม่า ต่อมาในรัชสมัยพระเพทราชาของอยุธยา อาณาจักรลาวเกิดความระส่ำระสายอาณาจักรแยกเป็นสองแผ่นคือหลวงพระบางกับเวียงจันท์ พระเพทราชาพยายามจะเข้าไปไกล่เกลี่ยให้แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะแม้ฝ่ายหลวงพระบางจะไว้ใจอยุธยา แต่ฝ่ายเวียงจันท์เกรงว่าจะเป็นกลอุบายเข้ามาแย่งชิงดินแดน การแบ่งแยกระหว่างหลวงพระบางกับเวียงจันท์จึงเห็นชัดเจนขึ้น และต่อมาก็มีการแตกแยกในราชสำนักที่เวียงจัน์อีก พระครูโพนสะเม็ดต้องพารัชทายาทหนีภัยการเมืองลงทางใต้และสถาปนานครจัมปาศักดิ์ขึ้นมา ลาวตอนนี้แตกออกเป็นสามดินแดน หลวงพระบาง เวียงจันท์ และจำปาศักดิ์
ในรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี(ตากสิน) จำปาศักดิ์ได้ขอขึ้นเข้าเป็นอาณัติของกรุงธนบุรีจากกรณีพระวอพระตาที่หนีจากเวียงจันท์จนเป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่างเวียงจันท์กับธนบุรี ผลสงครามคือกรุงเวียงจันท์ถูกเผาวอดวาย ผู้คนถูกกวาดต้อนลงไปอยู่รอบปริมณฑลกรุงเทพเกือบหมดประเทศตามพระบัญชาของพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า กวาดต้อนผู้คนลงมาให้หมด และเผาเวียงจันท์อย่าให้ฟื้นตัวได้ พระแก้วมรกตและพระพุทธรูปหลายองค์ก็ถูกนำลงมากรุงเทพฯ รวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ของลาวหลายพระองค์ด้วยหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งต่อมาได้รับการไว้วางพระทัย(เพราะทำความดีความชอบที่นำกำลังขับไล่พม่าออกจากล้านนา)กลับไปเวียงจันท์ แต่ต่อมาก็กลายเป็น “กบฏอนุวงศ์” ตามที่ประวัติศาสตร์ไทยบันทึกเอาไว้ แต่ประวัติศาสตร์ลาวยกย่องให้เป็นวีรบุรุษที่พยายามจะนำชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนจากสมัยกรุงธนบุรีกลับคืนมาตุภูมิ จนปัจจุบันนี้ เนื้อหาประวัติศาสตร์ของลาวและไทยยังขัดแย้งกันอยู่ เจ้ามหาชีวิตอนุวงศ์ถูกจับตัวลงมากรุงเทพ ขังใส่กรงเหล็กนำออกไปตั้งประจานตากแดดหลายวัน สุดท้ายก็สิ้นพระชนม์ในกรงเหล็กที่ขังพระองค์ พระศพถูกนำไปตั้งประจานที่ตำบลสำเหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวตรึงเครียดมาแต่บัดนั้น
หลังจากลาวตกเป็นเมืองขึ้นแก่ฝรั่งเศส และพื้นที่ภาคอีสานของไทยส่วนใหญ่ต้องการจะเข้าไปอยู่ในอาณัติของฝรั่งเศสด้วยจึงมีการพยายามที่จะแบ่งแยกดินแดนหลายครั้ง หรือที่เรียกว่า “กบฏผีบุญ” จนเกิดเหตุพิพาทอุกอาจที่ฝรั่งเศสส่งเรือรบมาจ่อที่ปากอ่าวไทยเลยทีเดียว
“สงครามเวียดนาม” ได้สร้างรอยร้าวระหว่างไทยกับลาวอีกครั้งหนึ่งเมื่อไทยได้อนุญาตให้อเมริกาตั้งฐานทัพในนครพนม โคราช นครสวรรค์และอุดรธานีให้อเมริกาขับเครื่องบินไปทิ้งในประเทศลาวจำนวน2 ล้านตัน เป็นจำนวนระเบิดมากกว่ากว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองรวมกัน และในปัจจุบันนี้ระเบิดจำนวนมากที่ยังไม่แตกก็เข่นฆ่าคนลาวทุกๆ ปี ทีวีบีบีซีแห่งอังกฤษไปทำสารคดีและวิจัยว่า ต้องใช้เวลา 300 ปีถึงจะกู้ระเบิดที่ทิ้งประเทศลาวคราวนั้นได้ แต่ถ้าหากใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่และความช่วยเหลือจากอเมริกา ก็จะใช้เวลาร้อยกว่าปี แต่อเมริกาหันหลังให้กับข้อเท็จจริงตรงนี้ ไทยกับลาวหมางใจกันลึกไปอีก
เมื่อลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งมีเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายที่ถูกส่งไปสัมมนา(ทรมาน)จนสิ้นพระชนม์ อเมริกาให้การสนับสนุนร้อยเอกกองแลปฏิวัติแบบลับๆ และต่อมาก็สนับสนุนนายพลวังเปาชาวเขาเผ่าม้งด้วย แต่ก็ไม่สำเร็จ และลาวยังคงปกครองระบอบคอมมิวนิสต์เรื่อยมา และไทยกับลาวทำสงครามครั้งสุดท้ายที่หมู่บ้านร่มเกล้าอย่างที่รู้กัน
เวียงจันท์ต้องคำสาป??.....เป็นนิทานพื้นบ้านที่ผมเคยเขียนไว้ในพันทิปนานแล้ว สถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะนำมาเล่า บอกเพียงสั้นๆ ว่าเวียงจันท์เคยถูกสาปเอาว่าให้เจริญแค่ช้างแกว่งหู แค่งูแล่บลิ้น....พูดง่ายๆ ก็คือเวียงจันท์ถูกสาปไม่ให้เจริญรุ่งเรือง คนที่สาปเอาไว้ก็มี “คำแก้สาป” ไว้ให้ด้วย และตอนนี้คำสาปนั้นก็ถูกถอนไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีมานี้ เวียงจันท์จึงเริ่มติดหูติดตาคนและเจริญขึ้นตามลำดับ
...สามนาที มองข้ามโขงเบิ่งลาวกับวัชรานนท์...
เป็นประเทศเพื่อนบ้าน(หมายเหตุ: คนฝั่งลาวไม่ได้คิดว่าบ้านพี่เมืองน้องอย่างที่ไทยเราเข้าใจ)ที่มีวัฒนธรรม ภาษาที่คล้ายคลึงไทยที่สุด และเมื่อมองย้อนประวัติศาสตร์ของสองอาณาจักรก็ไม่แปลกที่สองแผ่นดินร่วมมรดกวัฒนธรรมและภาษาที่คล้ายคลึงกัน
อาณาจักรอยุธาเริ่มที่พระเจ้าอู่ทอง ส่วนอาณาจักรลาวเริ่มต้นที่พระเจ้าฟ้างุ้มที่เมืองเชียงทอง(หลวงพระบางในปัจจุบัน) พระเจ้าฟ้างุ้มขยายอาณาเขตอาณาจักรลาวลงมาจนจรดลพบุรีแล้วส่งสาสน์มายังพระเจ้าอู่ทองทำการรบกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากอยุธยาว่า เราเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาแต่ก่อน หากเจ้าฟ้างุ้มต้องการเอาดินแดนก็เอาตามส่วนแนวชายแดนเถิดประมาณนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยาและลาวก็มีเรื่อยมาอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จนตกมาถึงยุคที่พม่ารุ่งเรืองซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ และรัชสมัยของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแห่งลาว เมื่อพม่า “โยนก้อนหินถามทาง” มาทางอยุธยาว่าขอให้แบ่งช้างเผือกที่จับได้เจ็ดเชือกไปให้แก่พม่าสักสองเชือกจะได้ไหม อยุธยาปฏิเสธไป...ซึ่งอยุธยาก็น่าจะรู้ว่าการปฏิเสธไปนั้นเป็นลางร้ายต่ออาณาจักรซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของสงครามช้างเผือกและอยุธยาต้องสูญเสียพระสุริโยทัยในสนามรบ ทางอยุธยาจึงหันมาเจริญสัมพันธไตรีกับลาวเพื่อหวังว่าจะช่วยต่อต้านพม่า โดยมีองค์พระธาตุศรีสองรักที่อำเภอด่านซ้ายเป็นพยาน ทางลาวเองก็ฉวยโอกาสนี้ขอพระธิดาที่เกิดแต่พระสุริโยทัยไปเป็นมเหสี อยุธยาส่งพระแก้วฟ้าไปแทน แต่เมื่อลาวทราบภายหลังว่าไม่ใช่หน่อเนื้อพระสุริโยทัยจึงส่งกลับ อยุธยาจึงจัดส่งพระเทพกษัตรีย์ไป แต่ก็ถูก “พระพี่เขย” ของพระเทพกษัตรีย์สมเด็จพระมหาธรรมราชาส่งข่าวไปยังพม่าเพื่อให้แย่งชิงตัวกลับ จึงแทบจะกลายเป็นศึกสามเส้าระหว่าง ลาว ไทย พม่า ต่อมาในรัชสมัยพระเพทราชาของอยุธยา อาณาจักรลาวเกิดความระส่ำระสายอาณาจักรแยกเป็นสองแผ่นคือหลวงพระบางกับเวียงจันท์ พระเพทราชาพยายามจะเข้าไปไกล่เกลี่ยให้แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะแม้ฝ่ายหลวงพระบางจะไว้ใจอยุธยา แต่ฝ่ายเวียงจันท์เกรงว่าจะเป็นกลอุบายเข้ามาแย่งชิงดินแดน การแบ่งแยกระหว่างหลวงพระบางกับเวียงจันท์จึงเห็นชัดเจนขึ้น และต่อมาก็มีการแตกแยกในราชสำนักที่เวียงจัน์อีก พระครูโพนสะเม็ดต้องพารัชทายาทหนีภัยการเมืองลงทางใต้และสถาปนานครจัมปาศักดิ์ขึ้นมา ลาวตอนนี้แตกออกเป็นสามดินแดน หลวงพระบาง เวียงจันท์ และจำปาศักดิ์
ในรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี(ตากสิน) จำปาศักดิ์ได้ขอขึ้นเข้าเป็นอาณัติของกรุงธนบุรีจากกรณีพระวอพระตาที่หนีจากเวียงจันท์จนเป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่างเวียงจันท์กับธนบุรี ผลสงครามคือกรุงเวียงจันท์ถูกเผาวอดวาย ผู้คนถูกกวาดต้อนลงไปอยู่รอบปริมณฑลกรุงเทพเกือบหมดประเทศตามพระบัญชาของพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า กวาดต้อนผู้คนลงมาให้หมด และเผาเวียงจันท์อย่าให้ฟื้นตัวได้ พระแก้วมรกตและพระพุทธรูปหลายองค์ก็ถูกนำลงมากรุงเทพฯ รวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ของลาวหลายพระองค์ด้วยหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งต่อมาได้รับการไว้วางพระทัย(เพราะทำความดีความชอบที่นำกำลังขับไล่พม่าออกจากล้านนา)กลับไปเวียงจันท์ แต่ต่อมาก็กลายเป็น “กบฏอนุวงศ์” ตามที่ประวัติศาสตร์ไทยบันทึกเอาไว้ แต่ประวัติศาสตร์ลาวยกย่องให้เป็นวีรบุรุษที่พยายามจะนำชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนจากสมัยกรุงธนบุรีกลับคืนมาตุภูมิ จนปัจจุบันนี้ เนื้อหาประวัติศาสตร์ของลาวและไทยยังขัดแย้งกันอยู่ เจ้ามหาชีวิตอนุวงศ์ถูกจับตัวลงมากรุงเทพ ขังใส่กรงเหล็กนำออกไปตั้งประจานตากแดดหลายวัน สุดท้ายก็สิ้นพระชนม์ในกรงเหล็กที่ขังพระองค์ พระศพถูกนำไปตั้งประจานที่ตำบลสำเหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวตรึงเครียดมาแต่บัดนั้น
หลังจากลาวตกเป็นเมืองขึ้นแก่ฝรั่งเศส และพื้นที่ภาคอีสานของไทยส่วนใหญ่ต้องการจะเข้าไปอยู่ในอาณัติของฝรั่งเศสด้วยจึงมีการพยายามที่จะแบ่งแยกดินแดนหลายครั้ง หรือที่เรียกว่า “กบฏผีบุญ” จนเกิดเหตุพิพาทอุกอาจที่ฝรั่งเศสส่งเรือรบมาจ่อที่ปากอ่าวไทยเลยทีเดียว
“สงครามเวียดนาม” ได้สร้างรอยร้าวระหว่างไทยกับลาวอีกครั้งหนึ่งเมื่อไทยได้อนุญาตให้อเมริกาตั้งฐานทัพในนครพนม โคราช นครสวรรค์และอุดรธานีให้อเมริกาขับเครื่องบินไปทิ้งในประเทศลาวจำนวน2 ล้านตัน เป็นจำนวนระเบิดมากกว่ากว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองรวมกัน และในปัจจุบันนี้ระเบิดจำนวนมากที่ยังไม่แตกก็เข่นฆ่าคนลาวทุกๆ ปี ทีวีบีบีซีแห่งอังกฤษไปทำสารคดีและวิจัยว่า ต้องใช้เวลา 300 ปีถึงจะกู้ระเบิดที่ทิ้งประเทศลาวคราวนั้นได้ แต่ถ้าหากใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่และความช่วยเหลือจากอเมริกา ก็จะใช้เวลาร้อยกว่าปี แต่อเมริกาหันหลังให้กับข้อเท็จจริงตรงนี้ ไทยกับลาวหมางใจกันลึกไปอีก
เมื่อลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งมีเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายที่ถูกส่งไปสัมมนา(ทรมาน)จนสิ้นพระชนม์ อเมริกาให้การสนับสนุนร้อยเอกกองแลปฏิวัติแบบลับๆ และต่อมาก็สนับสนุนนายพลวังเปาชาวเขาเผ่าม้งด้วย แต่ก็ไม่สำเร็จ และลาวยังคงปกครองระบอบคอมมิวนิสต์เรื่อยมา และไทยกับลาวทำสงครามครั้งสุดท้ายที่หมู่บ้านร่มเกล้าอย่างที่รู้กัน
เวียงจันท์ต้องคำสาป??.....เป็นนิทานพื้นบ้านที่ผมเคยเขียนไว้ในพันทิปนานแล้ว สถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะนำมาเล่า บอกเพียงสั้นๆ ว่าเวียงจันท์เคยถูกสาปเอาว่าให้เจริญแค่ช้างแกว่งหู แค่งูแล่บลิ้น....พูดง่ายๆ ก็คือเวียงจันท์ถูกสาปไม่ให้เจริญรุ่งเรือง คนที่สาปเอาไว้ก็มี “คำแก้สาป” ไว้ให้ด้วย และตอนนี้คำสาปนั้นก็ถูกถอนไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีมานี้ เวียงจันท์จึงเริ่มติดหูติดตาคนและเจริญขึ้นตามลำดับ