......อำนาจ/การเมือง/สงคราม.....กี่ยุคกี่สมัย “อิสตรี” ก็ยังถูกหรือยินยอมเป็นเครื่องมือ......

ว่าจะเขียน “นารีขี่ม้าขาว” จากเชียงใหม่อีกพระนางหนึ่งต่อจากเมื่อวาน  คือพระนางวิสุทธิเทวีกษัตรีย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์มังราย   แต่อย่างที่ทราบกันดีของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์  ประวัติของพระนางยังสับสนคลาดเคลื่อนอยู่  อีกประการพระนางเป็นเสมือนหนึ่งนอมินีของพระเจ้าบุเรงนอง    ผมจึงจั่วหัวกระทู้แบบครอบคลุมกว้างขึ้นมาอีก  เปิดโอกาสให้พูดถึงสตรี  เจ้านางคนอื่นๆ ที่มีบทบาททางการเมืองในยุคสมัยใกล้ๆ กัน  
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สาเหตุหนึ่งอังกฤษกำหราบฮิตเลอร์อยู่หมัดที่ประวัติศาสตร์ไม่ใคร่จะพูดถึงนักก็คือ  แรงงานสตรีในอังกฤษ.....เชื่อหรือไม่ว่า  บรรดารถถัง  เครื่องบิน  และระเบิด  ที่อังกฤษนำไปต่อกรกับเยอรมันนั้น  แรงงานส่วนใหญ่มาจากสตรี  เพราะผู้ชายต้องถูกเกณฑ์ไปรบ  รัฐบาลก็ต้องเร่งผลิตยุทโธปกรณ์หามรุ่งหามค่ำและแรงงานในโรงงานก็คือสตรี



ในรัชสมัยของพระนางวิสุทธิเทวี  เชียงใหม่อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า  ตามประวัติกล่าวว่าเป็น “สายตรง” ของพระเจ้าบุเรงนองที่ส่งมาปกครองเชียงใหม่  นัยว่าเป็นแผนการของผุ้ชนะสิบทิศที่จะค่อยๆ รุกคืบตีเอาอยุธยา(อันนี้เป็นมโนส่วนตัวของผมล้วนๆ)  ในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ อยุธยาเองก็ระแวงพม่าอยู่ในที   จึงเปิดการเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงเวียงจันท์โดยมีการสร้างพระธาตุศรีสองรักที่ด่านซ้ายเป็นสักขีพยาน    ทางฝั่งลาวขอตอกย้ำสัมพันธไมตรีด้วยการขอราชธิดาอันเป็นหน่อเนื้อสมเด็จพระสุริโยทัยคือพระเทพกษัตรีย์ไปเป็นมเหสีของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช     แต่ทางอยุธยาจัดส่งพระราชธิดาองค์อื่นคือพระแก้วยอดฟ้าไปแทน     ทางฝั่งลาวเมื่อรู้ว่าไม่ใช่สตรีที่ได้ขอไป   จึงส่งพระนางแก้วยอดฟ้ากลับพร้อมพระราชสาสน์แสดงความผิดหวัง     อยุธยาก็เลยต้องจัดส่งพระนางเทพกษัตรีย์ไปเป็นมเหสีต่อพระเจ้ากรุงเวียงจันท์.....เผอิญว่าทางพม่ารู้ข่าวนี้   จึงส่งคนมาดักสกัดเส้นทางที่จะส่งตัวไว้ทันที่เมืองศรีเทพ(เพชรบูรณ์)แล้วลักพาตัวพระนางเทพกษัตรีย์ไป  (ใครเป็นคนส่งข่าวเรื่องนี้ให้พม่ารู้ก็ลองไปสืบค้นประวัติศาสตร์ดูนะครับ)
  


สตรีอีกพระนางหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เอ่ยถึงเลยคือพระพี่นางสุพรรณกัลยา(พระเชษฐภคนีของพระนเรศ)    ชะตากรรมของพระนางมาฮือฮาติดหูติดตาเอาไม่กี่สิบปีมานี้เองจากละครทีวีเรื่อง “กษัตริยา” ที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลฯ ทรงแสดง  พระนางสุพรรณกัลยาถูกส่งไปกรุงหงสา   นัยว่าเพื่อแลกตัวพระนเรศคืนเมืองพิษณุโลก ไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เรื่องราวของพระนางมีการใส่ไข่เพิมเติมเป็นสีสันทางประวัติศาสตร์ไทยซะเกินเลย(ในสายตาผม) ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้   ชื่อพระนางสุพรรณกัลยาไม่เคยปรากฏในตำราเรียนเลย  



สตรีอีกท่านหนึ่งที่ถูกส่งมาเป็นมเหสีของสมเด็จพระนเรศวรก็คือ”โยธยามี้พระยา”   จริงๆ แล้วสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพระบุว่า  พระนาง”โยธยามี้พระยา” นี้ถูกส่งตัวจากเชียงใหม่มาถวายสมเด็จพระเอกาทศรศพระอนุราชาธิราชของสมเด็จพระนเรศวร   แต่สุดท้ายไปปรากฏเป็นมเหสีของของพระนเรศวรอย่างไม่มิอาจทราบได้??   พระนางโยธยามี้พระยานี้เป็นชาวพม่าเชื้อสายพม่า  ถูกส่งตัวจากเชียงใหม่    หนึ่งในมเหสีของพระณเรศวรนอกจากขรัวมณีจันทร์แล้วก็มีอีกพระนางหนึ่งคือพระนางเอกกษัตรีที่มาจากกัมพูชา    นี่ยังไม่รวมเอา "ท้าวทองกีบม้า"  ราชินีแห่งขนมไทย  หญิงชาวยุโรป(ลูกครึ่งญี่ปุ่น)ที่ใช้ชีวิตในอยุธยาสองแผ่นดินสมัยพระนารายณ์และพระเพทราชา



สตรีที่เอ่ยมาข้างบนล้วนเป็นสตรีที่มีบทบาทโลดแล่นบนหน้าประวัติศาตร์ในช่วงระยะเวลาการแผ่นอำนาจของแต่ละแว่นแคว้น   ยังมีอีกหลายท่านที่รุ้จักกันดีและไม่ได้เอ่ยถึง เช่นว่า  ท้าวสุรนารี  สมเด็จพระศรีสุริโยทัย  คุณหญิงมุก  คุณหญิงจัน   ส่วนด้านวรรณกรรม  ก็มีสตรีหลายท่านที่มีบทบาทสำคัญและโลดแล่นบนหน้าวรรณคดีก็ยังมีมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นนางโมราห์  กากี  พระเพื่อนพระแพง  นางวันทอง  นางสีดา   หรือจะรวมเอานางผีเสื้อสมุทรก็ยังได้

สุดท้ายอยากบอกว่า  ในสามก๊ก    ที่ตั๋งโต๊ะตาย   ก็ด้วยกลอุบายใช้นางเตียวเสี้ยนเขาหลอกล่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่