มีหลายคนถามเข้ามาว่าจะไปหากินอาหารสิงคโปร์ที่เป็นดั้งเดิมแท้ๆ ได้จากที่ไหน บอกได้เลยค่ะ ว่า มีให้ทั่วสิงคโปร์ แต่จะให้ตามไปกินทุกร้านที่มีรีวิวก็คงไม่ไหวใช่ไม๊ล่ะคะ
วันนี้เราจึงเลือกแหล่งอาหารชั้นเยี่ยม ที่คนสิงคโปร์ทุกยุคทุกสมัยต่างก็มารวมกัน ยิ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวหรือต่างชาติแบบเราๆ กล้าพูดได้เลยค่ะว่า รสชาติของอาหารที่นี่ เด็ดทุกร้าน จริงๆ
เราบังเอิญรู้จักที่นี่จากคำเชิญชวนของเพื่อนคนสิงคโปร์ค่ะ ยิ่งใครพักอยู่โรงแรมใกล้ๆ แถวนั้น อย่างโรงแรม Nostalgia Hotel หรือ Link Hotel สามารถเดินไปได้แบบสบายๆ เพียงแค่ 2-5 นาทีเท่านั้น
....ตั้งแต่รู้จัก Tiong Bahru Market อาหารเช้าเกือบทุกมื้อของเรา ก็ตกเป็นของที่นี่แหละค่ะ ...
เอาล่ะ มาดูกันก่อนดีกว่า ว่าจะไปถึงที่นั่นกันได้ยังไงบ้าง
วิธีแรก คือ โบกรถแท็กซี่ จากที่พัก บอกคนขับว่า ไปที่ "Tiong Bahru Market" (เชื่อว่าไม่มีคนสิงคโปร์คนไหน ไม่รู้จักที่นี่)
วิธีที่สอง คือ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน มาขึ้นที่สถานี Tiong Bahru แล้วเดินต่ออีก ประมาณ10 นาที
วิธีที่สาม มาโดยรถโดยสารประจำทาง หมายเลข 5, 16, 33, 63, 123, 195 มาลงที่ป้ายหน้า Tiong Bahru Market (Blk 55) แล้วเดินต่ออีกแค่ 3 นาที
*เพื่อความชัวร์ แนะนำให้ถามคนขับนะคะ จะได้ไม่ลงผิดป้าย แล้วเสียเวลาเดินไกลเนอะ
ถนนทางเข้าจะไม่ใช่ซอยใหญ่ ดังนั้นจึงไม่อนุญาติให้รถเมล์เข้ามา เลยจำเป็นต้องเดินกันนิดนึงนะคะ
ถ้าถึงแล้ว จะรู้ตัวทันทีค่ะ เพราะตัวอาคารค่อนข้างจะเห็นเด่นชัด อาคารเป็นทรงครึ่งวงกลม สีส้ม-ครีม แว่บแรกนี่รู้ทันทีค่ะ ว่าต้องเป็นตลาดเก่าที่อยู่มานานมากแล้วแน่ๆ
ชั้นล่างของตลาดจะขายพวกเสื้อผ้า ดอกไม้ แต่นั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเราค่ะ ไปตามล่าหาของกินกันดีกว่า
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 เราก็จะเจอกับศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ที่มีที่นั่งเยอะมาก ติดๆ กัน เหมือนโรงอาหาร มีทั้ง indoor และ outdoor แต่อากาศร้อนๆ แดดสาด ขนาดนี้ ข้างนอกคงต้องขอเป็นวันอื่นแล้วกันนะคะ
ที่นี่มีร้านชื่อดังมากมายที่เป็นที่รู้จักของคนสิงคโปร์ และอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารสิงคโปร์แบบจีนดั้งเดิม
ร้านอาหารมีให้เลือกสรรเยอะมาก ยาวตลอดแนวอาคาร ติดๆกันเป็นรูปวงกลม
บางร้านมีคนต่อแถวยาวมาก ยาวขนาดที่ว่า "รอไม่ไหว" และไม่เหมาะเลยที่จะรอ สำหรับคนหิว แบบเราๆ ดังนั้นเปลี่ยนร้านค่ะ 555
แท่น แทน แท๊น และนี่คือร้านที่เราเลือกมาฝากท้องกันตอนเช้า ร้านชื่อว่า "Jian Bo Chwee Kueh" ร้านชื่อดังอีกหนึ่งร้านของตลาดนี้เค้าล่ะ
และนี่คือหน้าตาของเหล่าอาหารที่เราสั่งมาค่า เคยเห็นที่ไหนกันมาก่อนไม๊เอ่ย หน้าตาอาจจะแปลก เละๆ ไปหน่อยนะคะ เพราะตอนเดินถือมาเกือบจะหกล้มหน้าคะมำค่ะ
เอาเป็นว่าขอยืมรูปมาจาก sgfoodonfoot หน่อยละกันนะคะ จะได้เห็นภาพที่สมบูรณ์ของอาหารจานนี้กัน เมนูนี้มีชื่อว่า "Chwee Kueh" (เมนูดังของร้านนี้) คนสิงคโปร์รุ่นใหม่ๆ เค้าเรียกกันว่า Carrot Cake งงล่ะสิคะ อันไหนแครอท ไม่เห็นมีสักกะชิ้น อยากรู้จริงจังมาก ถึงกับต้องถามเพื่อนให้เดินไปถามเจ้าของร้าน ได้ความมาว่า ไม่ได้ทำมาจากแครอทหรอกค่ะ แต่ทำมาจาก Radish หรือ หัวไชเท้า นั่นเอง
ใครมาที่นี่เป็นอันต้องสั่งทุกคน โชคดีที่วันนี้เราที่เรามาแถวไม่ได้ยาวมาก เลยได้กินแบบง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน
มาถึงตัวรสชาติกันบ้างดีกว่า.... ตัวเค้กไม่ได้มีรสชาติเท่าไหร่ มีความเป็นขนมถ้วยแบบจืดๆ แต่รสชาติส่วนใหญ่อยู่ที่เครื่องที่ราดมานี่แหล่ะค่ะ รสชาติเหมือนไส้ขนมเทียนผสมกับกุ้งแห้งป่นนิดๆ ถ้าแยกส่วนกันกินรสชาติจะสุดโต่งไปหน่อย อีกอันก็จืดสนิท อีกอันก็เข้มข้นติดเค็มนิดๆ แต่พอกินรวมกันแล้ว รสชาติเข้ากันเป็นที่ซู้ด
ปล. คนที่ไม่ชอบน้ำมันอาจจะต้องตักใส่ปากแบบเก้ๆ กังๆ สักหน่อย เพราะอาหารที่นี่ส่วนใหญ่น้ำมันเยอะนะคะ บางคนอาจจะเกิดอาการเลี่ยนได้
จานต่อมาเป็นการเอาเค้กแบบข้างบนมาทำเป็นอีกเมนู เพิ่มส่วนผสมลงไปแล้วนำไปผัดใส่ไข่ นึกภาพง่ายๆ คือ รสชาติคล้ายผัดไทยที่ไม่มีเส้น (มีคนบอกมาว่ามันคือ ขนมผักกาดค่ะ)
และจานสุดท้ายของเรา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใช่ม้าว่าคืออะไร เพราะมันคือ บะจ่าง อย่างที่เรารู้จักกันดีนั่นแหล่ะค่ะ ความเด็ดอยู่ตรงข้างในค่ะ เพราะเครื่องเต็มมาก! (แอบลืมถ่ายข้างในมา) มีเม็ดเกาลัด เม็ดเบ้อเริ่มอยู่ในนั้นด้วย
----------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกวันหลังจากที่เรากลับจากเดินทัวร์บนถนน Tiong Bahru เราก็เกิดอาการหิวโหย จนต้องกลับมาฝากท้องที่นี่อีกครั้ง ...
และร้านที่เราเลือกมาเป็นอาหารมื้อกลางวันก็คือ ร้าน Tong Kee Cooked Food เป็นอีกร้านหนึ่งที่เรามาคราวที่แล้ว แล้วคนต่อแถวยาวเหยียด คราวนี้เราเลยต้องขอลองทนต่อแถวแข่งกับเค้ากันสักหน่อย ด้วยความที่ไม่รู้จะสั่งอะไร สัญชาตญาณการชี้ป้ายต้องมาค่ะ!
...ตัดสินใจชี้จานแรกที่อยู่ในป้าย ...
แต่สิ่งที่ได้คือไม่เหมือนกับในภาพค่ะ ตอนแรกแอบคิดว่าไม่ใช่ของตัเองรึเปล่า "ไหนละเกี๊ยว?" คำตอบคือ เกี๊ยวมันอยู่ในถ้วยซุปค่ะ อุ๊ปส์! ราคา 3 SGD (ประมาณ 75 บาท)
ชอบน้ำที่ราดแบบคลุกคลิกมากับเกี๊ยวมาก เหมือนเป็นน้ำราดข้าวหมูแดง แต่หวานไม่เท่า ส่วนเกี๊ยวที่อยู่ในน้ำซุป เป็นเกี๊ยวกุ้ง รสชาติดี แต่น้อยไปหน่อย แหะๆ (แอบโลภเบาๆ)
จานต่อมาเป็นของเพื่อนค่ะ ซื้อมาจากร้านไหนไม่รู้ หน้าตาก็เหมือนหอยทอดบ้านเรา แต่รสชาตินี่ หืมมมม...เรียกว่าอร่อยจนอยากซื้อกลับไทย ดูหอยนางรมตัวเป้งนั่นสิคะ ชุ่มน้ำช่ำเนื้อดีเหลือเกิน ส่วนเหลืองๆ หนาๆ ที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่แป้งแต่อย่างใด แต่มันคือไข่ล้วนๆ ค่ะ เหมือนจะประมาณ 2-3 ฟองได้ มากกว่าแป้งที่ผสมไปด้วยเสียอีก
กินอย่างอิ่มอร่อย แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย ใครที่มาสิงคโปร์ แบบโลว์บัดเจ็ท แล้วนึกไม่ออกว่าจะไปหาของกินถูกและอร่อยที่ไหน มาฝากท้องที่นี่ได้นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
[CR] เที่ยวสิงคโปร์ แบบโลว์บัดเจ็ท งบน้อยก็กินของอร่อยได้! ตะลุยกินอาหารดั้งเดิม ที่ Tiong Bahru Market
มีหลายคนถามเข้ามาว่าจะไปหากินอาหารสิงคโปร์ที่เป็นดั้งเดิมแท้ๆ ได้จากที่ไหน บอกได้เลยค่ะ ว่า มีให้ทั่วสิงคโปร์ แต่จะให้ตามไปกินทุกร้านที่มีรีวิวก็คงไม่ไหวใช่ไม๊ล่ะคะ
วันนี้เราจึงเลือกแหล่งอาหารชั้นเยี่ยม ที่คนสิงคโปร์ทุกยุคทุกสมัยต่างก็มารวมกัน ยิ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวหรือต่างชาติแบบเราๆ กล้าพูดได้เลยค่ะว่า รสชาติของอาหารที่นี่ เด็ดทุกร้าน จริงๆ
เราบังเอิญรู้จักที่นี่จากคำเชิญชวนของเพื่อนคนสิงคโปร์ค่ะ ยิ่งใครพักอยู่โรงแรมใกล้ๆ แถวนั้น อย่างโรงแรม Nostalgia Hotel หรือ Link Hotel สามารถเดินไปได้แบบสบายๆ เพียงแค่ 2-5 นาทีเท่านั้น
....ตั้งแต่รู้จัก Tiong Bahru Market อาหารเช้าเกือบทุกมื้อของเรา ก็ตกเป็นของที่นี่แหละค่ะ ...
https://www.facebook.com/IKnowYouNS
เอาล่ะ มาดูกันก่อนดีกว่า ว่าจะไปถึงที่นั่นกันได้ยังไงบ้าง
วิธีแรก คือ โบกรถแท็กซี่ จากที่พัก บอกคนขับว่า ไปที่ "Tiong Bahru Market" (เชื่อว่าไม่มีคนสิงคโปร์คนไหน ไม่รู้จักที่นี่)
วิธีที่สอง คือ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน มาขึ้นที่สถานี Tiong Bahru แล้วเดินต่ออีก ประมาณ10 นาที
วิธีที่สาม มาโดยรถโดยสารประจำทาง หมายเลข 5, 16, 33, 63, 123, 195 มาลงที่ป้ายหน้า Tiong Bahru Market (Blk 55) แล้วเดินต่ออีกแค่ 3 นาที
*เพื่อความชัวร์ แนะนำให้ถามคนขับนะคะ จะได้ไม่ลงผิดป้าย แล้วเสียเวลาเดินไกลเนอะ
ถนนทางเข้าจะไม่ใช่ซอยใหญ่ ดังนั้นจึงไม่อนุญาติให้รถเมล์เข้ามา เลยจำเป็นต้องเดินกันนิดนึงนะคะ
ถ้าถึงแล้ว จะรู้ตัวทันทีค่ะ เพราะตัวอาคารค่อนข้างจะเห็นเด่นชัด อาคารเป็นทรงครึ่งวงกลม สีส้ม-ครีม แว่บแรกนี่รู้ทันทีค่ะ ว่าต้องเป็นตลาดเก่าที่อยู่มานานมากแล้วแน่ๆ
ชั้นล่างของตลาดจะขายพวกเสื้อผ้า ดอกไม้ แต่นั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเราค่ะ ไปตามล่าหาของกินกันดีกว่า
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 เราก็จะเจอกับศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ที่มีที่นั่งเยอะมาก ติดๆ กัน เหมือนโรงอาหาร มีทั้ง indoor และ outdoor แต่อากาศร้อนๆ แดดสาด ขนาดนี้ ข้างนอกคงต้องขอเป็นวันอื่นแล้วกันนะคะ
ที่นี่มีร้านชื่อดังมากมายที่เป็นที่รู้จักของคนสิงคโปร์ และอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารสิงคโปร์แบบจีนดั้งเดิม
ร้านอาหารมีให้เลือกสรรเยอะมาก ยาวตลอดแนวอาคาร ติดๆกันเป็นรูปวงกลม
บางร้านมีคนต่อแถวยาวมาก ยาวขนาดที่ว่า "รอไม่ไหว" และไม่เหมาะเลยที่จะรอ สำหรับคนหิว แบบเราๆ ดังนั้นเปลี่ยนร้านค่ะ 555
แท่น แทน แท๊น และนี่คือร้านที่เราเลือกมาฝากท้องกันตอนเช้า ร้านชื่อว่า "Jian Bo Chwee Kueh" ร้านชื่อดังอีกหนึ่งร้านของตลาดนี้เค้าล่ะ
และนี่คือหน้าตาของเหล่าอาหารที่เราสั่งมาค่า เคยเห็นที่ไหนกันมาก่อนไม๊เอ่ย หน้าตาอาจจะแปลก เละๆ ไปหน่อยนะคะ เพราะตอนเดินถือมาเกือบจะหกล้มหน้าคะมำค่ะ
เอาเป็นว่าขอยืมรูปมาจาก sgfoodonfoot หน่อยละกันนะคะ จะได้เห็นภาพที่สมบูรณ์ของอาหารจานนี้กัน เมนูนี้มีชื่อว่า "Chwee Kueh" (เมนูดังของร้านนี้) คนสิงคโปร์รุ่นใหม่ๆ เค้าเรียกกันว่า Carrot Cake งงล่ะสิคะ อันไหนแครอท ไม่เห็นมีสักกะชิ้น อยากรู้จริงจังมาก ถึงกับต้องถามเพื่อนให้เดินไปถามเจ้าของร้าน ได้ความมาว่า ไม่ได้ทำมาจากแครอทหรอกค่ะ แต่ทำมาจาก Radish หรือ หัวไชเท้า นั่นเอง
ใครมาที่นี่เป็นอันต้องสั่งทุกคน โชคดีที่วันนี้เราที่เรามาแถวไม่ได้ยาวมาก เลยได้กินแบบง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน
มาถึงตัวรสชาติกันบ้างดีกว่า.... ตัวเค้กไม่ได้มีรสชาติเท่าไหร่ มีความเป็นขนมถ้วยแบบจืดๆ แต่รสชาติส่วนใหญ่อยู่ที่เครื่องที่ราดมานี่แหล่ะค่ะ รสชาติเหมือนไส้ขนมเทียนผสมกับกุ้งแห้งป่นนิดๆ ถ้าแยกส่วนกันกินรสชาติจะสุดโต่งไปหน่อย อีกอันก็จืดสนิท อีกอันก็เข้มข้นติดเค็มนิดๆ แต่พอกินรวมกันแล้ว รสชาติเข้ากันเป็นที่ซู้ด
ปล. คนที่ไม่ชอบน้ำมันอาจจะต้องตักใส่ปากแบบเก้ๆ กังๆ สักหน่อย เพราะอาหารที่นี่ส่วนใหญ่น้ำมันเยอะนะคะ บางคนอาจจะเกิดอาการเลี่ยนได้
จานต่อมาเป็นการเอาเค้กแบบข้างบนมาทำเป็นอีกเมนู เพิ่มส่วนผสมลงไปแล้วนำไปผัดใส่ไข่ นึกภาพง่ายๆ คือ รสชาติคล้ายผัดไทยที่ไม่มีเส้น (มีคนบอกมาว่ามันคือ ขนมผักกาดค่ะ)
และจานสุดท้ายของเรา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใช่ม้าว่าคืออะไร เพราะมันคือ บะจ่าง อย่างที่เรารู้จักกันดีนั่นแหล่ะค่ะ ความเด็ดอยู่ตรงข้างในค่ะ เพราะเครื่องเต็มมาก! (แอบลืมถ่ายข้างในมา) มีเม็ดเกาลัด เม็ดเบ้อเริ่มอยู่ในนั้นด้วย
----------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกวันหลังจากที่เรากลับจากเดินทัวร์บนถนน Tiong Bahru เราก็เกิดอาการหิวโหย จนต้องกลับมาฝากท้องที่นี่อีกครั้ง ...
และร้านที่เราเลือกมาเป็นอาหารมื้อกลางวันก็คือ ร้าน Tong Kee Cooked Food เป็นอีกร้านหนึ่งที่เรามาคราวที่แล้ว แล้วคนต่อแถวยาวเหยียด คราวนี้เราเลยต้องขอลองทนต่อแถวแข่งกับเค้ากันสักหน่อย ด้วยความที่ไม่รู้จะสั่งอะไร สัญชาตญาณการชี้ป้ายต้องมาค่ะ!
...ตัดสินใจชี้จานแรกที่อยู่ในป้าย ...
แต่สิ่งที่ได้คือไม่เหมือนกับในภาพค่ะ ตอนแรกแอบคิดว่าไม่ใช่ของตัเองรึเปล่า "ไหนละเกี๊ยว?" คำตอบคือ เกี๊ยวมันอยู่ในถ้วยซุปค่ะ อุ๊ปส์! ราคา 3 SGD (ประมาณ 75 บาท)
ชอบน้ำที่ราดแบบคลุกคลิกมากับเกี๊ยวมาก เหมือนเป็นน้ำราดข้าวหมูแดง แต่หวานไม่เท่า ส่วนเกี๊ยวที่อยู่ในน้ำซุป เป็นเกี๊ยวกุ้ง รสชาติดี แต่น้อยไปหน่อย แหะๆ (แอบโลภเบาๆ)
จานต่อมาเป็นของเพื่อนค่ะ ซื้อมาจากร้านไหนไม่รู้ หน้าตาก็เหมือนหอยทอดบ้านเรา แต่รสชาตินี่ หืมมมม...เรียกว่าอร่อยจนอยากซื้อกลับไทย ดูหอยนางรมตัวเป้งนั่นสิคะ ชุ่มน้ำช่ำเนื้อดีเหลือเกิน ส่วนเหลืองๆ หนาๆ ที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่แป้งแต่อย่างใด แต่มันคือไข่ล้วนๆ ค่ะ เหมือนจะประมาณ 2-3 ฟองได้ มากกว่าแป้งที่ผสมไปด้วยเสียอีก
กินอย่างอิ่มอร่อย แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย ใครที่มาสิงคโปร์ แบบโลว์บัดเจ็ท แล้วนึกไม่ออกว่าจะไปหาของกินถูกและอร่อยที่ไหน มาฝากท้องที่นี่ได้นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน