"งานมงคล" หลวงตาประสิทธิ์ ถาวโร

กระทู้คำถาม
"งานมงคล"

เป็นสิ่งปกติไปแล้วที่เมื่อมีเรื่องราวใดๆ ลูกศิษย์หลายคนของหลวงพ่อฯจะนำเรื่องนั้นๆมาถามหรือปรึกษาขอความเห็นจากหลวงพ่อเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่จะทำนั้นถูกต้อง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละคน ห้ามกันไม่ได้ ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นการดูดวงผูกดวงจับยามหรืออะไร เป็นเพียงการถามหลวงพ่อว่าทำอย่างนั้นๆดีหรือไม่ ท่านก็จะตอบแนะนำไปด้วยหลักแห่งธรรมเสมอ ก็มีอยู่เท่านั้น

นายแพทย์ท่านหนึ่งของโรงพยาบาลเกาะสีชัง (ปัจจุบันบวชอยู่กับหลวงพ่อฯมา ๒ ปีแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะสึก และแนวโน้มคงจะไม่สึก เพราะทำเรื่องลาออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อบวชใหม่ๆ) ท่านใช้ชีวิตโดยอาศัยวัดเป็นบ้านมานานแล้ว คือมาอาศัยกุฎิว่างหลังหนึ่งเป็นที่หลับนอน และยกบ้านพักที่ราชการจัดให้ให้แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนอื่นไป ตอนเช้าท่านก็กินข้าววัดแล้วออกไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับมานอนวัดเป็นปกติ ส่วนเงินเดือนก็นอกจากจะให้พ่อแม่ส่วนหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็ถวายวัดทั้งหมด� �วันหนึ่งนายแพทย์ท่านนี้ได้รับการ์ดเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนแพทย์ร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยขอนแก่น� ท่านไม่อยากไปร่วมงานสังสรรค์ประเภทนี้เท่าใด ด้วยคงจะระอาในความวุ่นวายอะไรทำนองนั้น แต่ด้วยมารยาท อย่างไรเสียก็ต้องส่งเงินและการ์ดอวยพรกลับไปให้ ท่านจึงนำการ์ดเชิญนั้นไปถวายหลวงพ่อให้พิจารณา พร้อมขอคำแนะนำจากหลวงพ่อว่า ควรจะเขียนอวยพรคู่บ่าวสาวอย่างไรดี
หลังจากหลวงพ่ออ่านการ์ดเชิญแล้ว ท่านตอบว่า "ไม่ยากหรอก ให้เขียนลงไปในด้านหลังของการ์ดว่า "แด่คู่บ่าวสาว...การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง" ว่าเท่านั้นคุณหมอก็รับคำหลวงพ่อ และรีบทำตามโดยเร็วมิได้แสดงอาการสงสัยใดๆ
หากแต่ผมเองซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กลับเป็นฝ่ายสงสัย ก็อดถามหลวงพ่อไม่ได้ว่า "มันจะดีหรือครับหลวงพ่อ คนเขาแต่งงานกัน เป็นงานมงคล แต่ไปบอกเขาว่าการเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เดี๋ยวเขาจะหาว่าไปแช่งไม่ให้เขามีลูก"หลวงพ่อตอบว่า "เอ็งน่ะพูดผิดแล้ว ใครว่า งานแต่งงานเป็นงานมงคล" ผมฟังแล้วก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
หลวงพ่ออธิบายเพิ่มเติมว่า "งานแต่งงานน่ะเป็นงานอวมงคลนะ คือ การที่คนเราไอ้อยู่คนเดียวดีๆ แล้วไปหาเรื่องใช้ชีวิตคู่ แถมมีลูกมีเต้าให้มันวุ่นวายน่ะ มันเป็นมงคลที่ไหนกัน แทนที่จะได้บริหารจิตบริหารขันธ์ตัวเองก็ยุ่งพอดีอยู่แล้ว ยังจะต้องมารับภาระขันธ์คนอื่นอีก ทั้งการเตรียมการงานแต่งก็วุ่นวายต้องแต่งหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว โปะใบหน้าให้มันดูดีก็จัดเป็นมารยาอย่างหนึ่งล่ะ ไหนจะชุดที่สวม ไหนจะเรื่องเงินๆทองๆ ไหนจะข้าวปลาอาหาร ไหนจะชักชวนแขกเหรื่อผู้ใหญ่ผู้โตมาคุยโวกัน แล้วทุกวันนี้มีหรือที่งานแต่งงานแล้วจะไม่มีเหล้าเข้าปาก ยิ่งตามบ้านนอกแล้ว ต้องล้มวัวล้ม***กัน มีแต่เรื่องล้วนแล้วแต่วุ่นวายด้วยโลกีย์วิสัย อย่างนี้มันเป็นมงคลที่ไหน

ส่วนงานมงคลที่แท้จริงน่ะ คือ"งานศพ"ต่างหาก� �เพราะเราไปแล้วได้พิจารณาธรรมหลายอย่าง เช่น ได้เห็นศพก็ได้ปลงอสุภกรรมฐาน ได้เห็นรูปถ่ายของคนตายดูยังดีๆ แต่เจ้าตัวตายไปแล้วก็ได้เห็นความไม่เที่ยง ว่าดูเถอะรูปถ่ายก็ยังดูดี แต่ที่อยู่ในโลงนั้นเตรียมเผาเสียแล้ว� เมื่อฟังพระสวด หากพิจารณาบทสวดก็ได้บทธรรมกุศลา ธัมมา อกุศลา ธัมมาฯ พิจารณาเนื้อธรรมให้ดี ก็อาจมีดวงตาเห็นธรรมได้ เห็นไหมเล่ามีแต่เรื่องกุศลทั้งนั้น อย่างนี้งานศพจะไม่ใช่งานมงคลดอกหรือ"

จากเวบ ลานธรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่