อาถรรพ์ในป่า ผีกองกอยในเพชรพระอุมา

ผมชอบนิยายเรื่อง เพชรพระอุมา มากๆ แล้วพอดีเมื่อไม่กี่วันก่อนผมมีโอกาสได้ฟังเรื่องเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ ท่านเล่าถึงผีกองกอย
ผู้เล่าให้ผมฟังท่านอายุ60ต้นๆ ซึ่งเรื่องนี้ท่านฟังมาอีกที สมัยท่านหนุ่มๆเมื่อราวๆ30ปีที่แล้วท่านได้ฟังคนเฒ่าคนแก่เล่าเรื่องผีกองกอย
เหตุการณ์เรื่องผีกองกอยที่ท่านได้ฟังนั้น ถ้านับจากเวลาปัจจุบันต้องย้อนกลับไปเมื่อราวๆ60ปีที่แล้ว

ท่านเล่าว่า พรานป่าวัยกลางคนกับหลานหนุ่มๆ2คนได้ออกไปหาของป่า เลาะตามตะเข็บชายแดนไทยไปเรื่อยจนข้ามฝั่งโขงเข้าเขตประเทศลาว
พรานป่าท่านนี้มีวิชาอาคมตามแบบฉบับผู้คนสมัยโบราณที่ได้เรียนกัน อาวุธประจำกายที่ท่านมีคือมีดกับปืนแก๊บส่วนสัมภาระมีแค่ย่าม พอผมฟังถึงตอนนี้
ภาพลุงหนานอินผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีเลยครับ แล้ววันหนึ่งระหว่างท่องไปในป่า หลายชายของแกดันไปทำเรื่องผิดป่าเข้าให้ คือเอาไม้ไปคํ้าหินในถํ่าครับ
คนโบราณคนบ้านป่าหรือพวกพรานเขาจะถือเรื่องนี้มากครับ ห้ามทำเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะเกิดอาเพศเป็นอันตราย พอตกคํ่าของวันนั้นลุงพรานกับหลาน
ก็ได้อาศัยได้พักค้างแรมในถํ่าแหน่งหนึ่งเพราะใกล้มืดแล้ว ในถํ่านั้นมีหินก้อนหนึ่งตั้งหมิ่นเหม่อยู่บนเพดานถํ่า ฝ่ายหลานชายกลัวว่าหินจะหล่นลงมาทับ
ตอนนอน เลยไปตัดไม้มาคํ้าหินก้อนนั้นไว้ พอลุงพรานมาเจอก็รู้เลยว่าคืนนี้ต้องมีเหตุอาเพศเกิดขึ้นแน่ แต่แกก็ไม่ได้พูดอะไรกับหลานชาย ในย่ามของ
ลุงพรานมีข้าวสารติดตัวอยู่ประจำ ลุงพรานก็ได้ทำพิธีเสกข้าวสารแล้วซัดไว้ตรงปากทางเข้าถํ่า โดยที่หลายชายก็ไม่รู้สึกผิดปกติ คิดว่าเป็นปกติกิจวัตร
ปกติของการมาพักในถํ่า ท่านเล่าว่า พอตกคํ่า เสียงมันมาเหมือนพายุ โหยหวนกรีดร้อง เสียงนั้นลอยข้ามป่าข้ามเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ท่านก็บอกหลานว่า
เห็นหรือได้ยินเสียงอะไรอย่าตกใจให้อยู่เฉยๆสงบๆไว้ ส่วนปากถํ่ามีเขตอาคมข้าวสารเสก ในถํ่าก่อไฟไว้พอมองเห็นลางๆ ท่านว่าเสียงมันโหยหวนกรีดร้อง
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนถึงปากถํ่า พอท่านมองเห็นชัดเต็มตา ตัวมันเหมือนลิง แต่เล็กกว่าลิงปกติทั่วไป หน้าคล้ายมนุษย์ ผอมกร่องแขนขายาว เล็บยาว
ตัวแดงยังกับไฟแยกเขี้ยวอยู่หน้าถํ่า มันมองมาทางมนุษย์ทั้งสองคน แต่มันเข้ามาในถํ่าไม่ได้ ลุงพรานท่านก็ตั้งสมาธิบริกรรมคาถาไปเรื่อย จนพักใหญ่ๆ
มันถึงไป

นี่ล่ะครับคือเรื่อง ผีกองกอย ที่ผมได้ฟังมา ผู้เล่าให้ผมฟังท่านบอกอีกว่า ลุงพรานคนนั้นตอนหลังได้มาบวชพระ แล้วท่านก็ได้เล่าให้ฟังตอนท่านเป็นพระ
ผมเลยคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องแต่งมาหลอก แล้วท่านก็เล่าอีกว่า สมัยโบราณสิ่งลี้ลับในป่ามีจริง อาถรรพ์ต่างๆในป่าก็มีจริงๆ สิ่งที่ห้ามทำเวลาเข้าป่าก็ห้ามทำ
เด็ดขาด อย่างเรื่องสัจจะในป่า ถ้าตั้งใจจะทำอะไรก็ให้ทำอย่างนั้นอย่าไปทำเกินกว่านั้น หวังเอาหน่อไม้ก็ให้เอาแต่หน่อไม้ ไปเจออย่างอื่นอย่าเอาเด็ดขาด
ตัวผมเองเคยเจอเรื่องแปลกๆแบบนี้มาเหมือนกัน ผมเคยเข้าป่าไปหาเฟิร์น ตั้งใจว่าขอแค่1ต้น แต่ดันไปเจอเป็นดงเลย เลยขนมาหลายต้น พอขากลับต้อง
ปีนผา แล้วผมต้องเหนี่ยวเถาวัลย์ลงมาจากผาที่ไปเก็บเฟิร์น ดันไปคว้าเอาเถาวัลย์แห้งเข้าให้ ร่วงเลยครับ ดีที่ไม่สูงมาก ได้เลือดตกยางออกเลยล่ะวันนั้น
ถ้าคิดแบบคนสมัยใหม่ก็คงเป็นเรื่องประมาท เอาเพิร์นมาเยอะปีนป่ายลำบากเลยเกิดอุบัติเหตุ คิดแบบคนโบราณก็คือผิดป่า สำหรับตัวผมเองแล้วผมคิดทั้ง
สองแบบ ฟังหูไว้หูเหมือนกัน แต่อธิบายไม่ถูกมันเหมือนเป็นความรู้สึก ป่าจริงๆน่ากลัวสำหรับคนเข้าป่าใหม่ๆครับ ผมมีเพื่อนทำมูลนิธิต้องอยู่กับศพ
คนตายประจำ คือเห็นศพมาสารพัดรูปแบบ แต่พอมาเข้าป่ากับผมกลายเป็นคนขวัญอ่อนไปเลยครับ ผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กลัวนะเพียงแต่ผมตั้งสติดีกว่าเพื่อน
ผมหน่อยนึงเท่านั้น ผมไม่ได้เข้าป่ามาจะ15ปีแล้วครับ ตอนนี้ไม่กล้าไปแล้วความฟิตก็ไม่เหมือนเดิมพุงก็ออกรูปร่างก็เป็นคนเมืองไปแล้ว เหลือไว้แต่ความ
ทรงจำ แล้วผู้เฒ่าผู้เเก่ท่านเล่าอีกให้ฟังอีกว่า ทุกวันนี้ป่าไม่เหมือนเดิมแล้ว อาถรรพ์กับสิ่งลี้ลับต่างๆในป่ามันเสื่อมจะหมดแล้ว คนบุกเข้าไปแทบจะทุกป่า
กลายเป็นที่เที่ยวจะหมดละ หลายสิ่งหลายอย่างท่านว่าอธิบายไม่ได้ แต่มันรู้สึกได้

จบแล้วครับเรื่องเล่าของผม ยืนยันว่าได้ฟังมาเช่นนั้นจริงๆ และเรื่องส่วนตัวของผมก็เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนความเชื่อของแต่ละท่านก็แล้วแต่ดุลยพินิจครับ สวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่