ตํานานผีกองกอย
ผีกองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างลักษณะไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นผีที่มีขาข้างเดียวและเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดเพียงขาเดียว ผีกองกอยนั้น เวลาไปไหนมาไหนมักจะส่งเสียงร้องว่า "กองกอย ๆ" หรือ กองก๋อยๆ อันเป็นที่มาของชื่อว่าผีกองกอย
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ หรือผู้ที่มีประสบการณ์เข้าป่าขัดห้าง มักจะพูดถึงลักษณะของผีกองกอยเป็นเสียงเดียวกันว่า มีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน มีหน้าตาคล้ายลิงหรือค่าง บ้างก็อาจจะมีคนเข้าใจผิดและเรียกผีกองกอยว่าเป็น ผีโพง หรือ ผีโป่งค่าง
ในบางทฎษฎีสันนิษฐานว่า ความเชื่อเรื่องผีกองกอยนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือค่างหรือลิงแก่ที่มีอายุมาก ซึ่งมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว จะเดินอยู่บริเวณพื้นและไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ได้ เนื่องจากไม่มีเรี่ยวแรง แม้กระทั้งสัตว์ป่าชนิดอื่นที่มีลักษณะพิการหรือมีรูปลักผิดแปลกไปจากสัตว์ป่าปกติ ก็ถูกเชื่อว่า เป็นผีกองกอย ได้เช่นกัน
ในสมัยอดียเคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีกองกอย
จาก หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่ท่าน ได้ออกไปธุดงค์ในป่าดงดิบทึบ แถบประเทศลาว พร้อมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านทั้งสองได้เคยผจญกับฝูงผีกองกอย ในเวลากลางคืน ระหว่างที่ท่านทั้ง 2 นั้นกำลังปักกลทำสมาธิอยู่ ก็พบเจอกับร่างปริศนาบางอย่าง ซึ่งมีรูปร่างเหมือนเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี มีร่างกายผอม และพุงป่อง ผิวคล้ำ ผมยาวยาเผ้ารุงรัง จมูกบี้แบน ในมือถืออาวุธมาคล้ายกับหน้าไม้หรือธนูอันเล็ก พวกมันส่งเสียงร้องว่า "ก๋อย ก๋อย ก๋อย" และพยายามจะเข้ามาทำร้ายท่านทั้งสอง พวกนั้นพยายามอยู่หลายครั้งที่จะยิ่งลูกศรใส่ แต่ต่อให้ยิงไปเท่าไหร่ ลูกศรนั้นก็ตกลงพื้นอย่างน่าอัศจรรย์
ทว่าด้วยปาฏิหาริย์ของการเป็นพระสายปฎิบัติดี พวกผีกองกอยนั้น จึงไม่อาจทำอะไรท่านทั้ง 2 ได้ จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า ผีกองกอยนั้น ก็จึงยอมแพ้ และขอขมาท่าน จากนั้นก็จึงได้นิมนต์ท่านทั้งสองไปยังที่พักอาศัยของพวกตน ท่านจึงพบว่าแท้จริงแล้ว ผีกองกอยฝูงนี้คือ ก็คือคนป่าเผ่าข่าระแด ซึ่งมีพฤติกรรมล่าและฆ่ามนุษย์ที่ ล่วงล้ำถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกตน เพื่อเอาเนื้อมากิน
อีกทั้งชาวภูไทที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร มีความเชื่อว่า ผีกองกอยนั้นเป็นผู้หญิงผมยาวพรางสีแดง มีใบหน้าเรียวแหลม บ้างก็ว่ามีรูปร่างลักษณะเหมือนลิง แต่มีขนาดเล็กกว่าลิงหรือลิงลมเสียอีก และเชื่ออีกว่า ผีกองกอยเป็นผีที่มีครอบครัว บ้างก็อาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงไม้ ออกหากินโดยจับปลากินตามลำห้วยหรือแม่น้ำลำครอง และผีกองกอยนั้นก็มักจะแอบขโมยปลาหรือข้าวของ ของชาวบ้านไปอีกด้วย
ผีกองกอยนั้นมักจะมีลักษณะนิสัย
พูดอะไรที่เป็นตรงกันข้ามกับความจริงเสมอ อีกทั้งยังเชื่ออีกว่า ผีกองกอยมีทรัพย์สมบัติ สะสมอยู่มากมาย ซึ่งบางครั้งหากไปพบทรัพย์สมบัติหรือปลาตกอยู่กลางทางหรือในป่าโดยไม่ทราบว่าผู้ใดนั้นเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บมาเป็นอันขาด เพราะสมบัตินั้นอาจจะเป็นของผีกองกอยก็เป็นได้ และผีกองกอยก็จะตามมาทวงคืน โดยอาจจะทำร้ายมนุษย์ด้วยการล้วงควักตับไตไส้พุงกินเป็นอาหาร ในเวลาที่มนุษย์ผู้นั้นนอนหลับ เช่นเดียวกับผีปอบ ซึ่งผู้ที่ถูกผีกองกอยล้วงควักอวัยวะภายในไปกินนั้น จะไม่มีบาดแผลใดๆและเสียชีวิตเหมือนคนนอนหลับปกติ เรียกว่า "ใหลตาย"
บางความเชื่อ ผีกองกอยมักจะอาศัยอยู่ในป่าลึกดงดิบหรือตามถ้ำ ซึ่งจะอยู่ห่างไกลจากบ้านของผู้คนบริเวณที่ผีกองกอย อาศัยนั้น มักจะอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเพื่อที่จะง่ายต่อการออกหากิน
พรานป่าส่วนใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการเดินป่า เวลาพบเจอกับแหล่งน้ำในป่าลึก มักจะไม่ขัดห้างอยู่ใกล้บริเวณแหล่งน้ำมากเกินไป เนื่องจากอาจจะพบเจอกับผีกองกอยได้
ผีกองกอยตามความเชื่อของชาวพุทธ
คืออสูรกายที่มีเนื้อหนังเหมือนกับมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งจะมีกลิ่นตัวที่เหม็นสาปเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เนื่องจากกินแต่พวกของสดของคราว อาทิเช่น กบเขียด ปลาสดๆ หรือแม้กระทั้งตับไต้ไส้พุงและเนื้อมนุษย์ ผีกองกอยนั้นจะต้องเสวยวิบากกรรมอยู่ในป่าหรือในถ้ำ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเฝ้าทรัพย์สมบัติและอยู่อย่าง ลบหลบๆ ซ่อนๆ หากมีผู้ใดที่ทำการลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขาหรือกระทำการผิดกฎป่า ก็จะถูกเจ้าป่าเจ้าเขา ลงโทษด้วยสั่งให้ผีกองกอยนั้น มาทำร้ายผู้นั้น
ในต่างประเทศยังได้มีการพูดถึงลักษณะสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับผีกองกอย เช่นในประเทศมาเลเซีย มีคนป่าเผ่าหนึ่ง ซึ่งมีขาข้างเดียว ไม่มีลูกสะบ้าหัวเข่า และที่จีนก็มีความเชื่อว่า มีปีศาจชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ตามภูเขา มีขาเดียว ตัวเล็ก แต่ผมยาว ตาโต หูแหลม มักจะขโมยอาหารหรือสิ่งของของคนเดินทาง เมื่อถึงวันตรุษจีน ก็มักเข้ามาอาละวาดผู้คนในหมู่บ้าน และจะนำความอัปมงคลมาเยือนแก่สถานที่นั้นๆ และหากผู้ใด ได้ถูกสัมผัสหรือจับตัวกับเจ้าสิ่งนั้น ก็จะต้องพบเจอกับความโชคร้ายหรือเจ็บไข้ได้ป่วย
ในปัจจุบัน ก็ยังคงมีการพูดถึงเรื่องราวของผีกองกอยอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าตาม ตามช่อง Youtube หรือแชลแนลต่างๆ อีกทั้งยังมีคลิปวีดีโอจากทางบ้าน ที่ถ่ายติดสิ่งมีชีวิตซึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับผีกองกอย กระโดดไปมาท่ามกลางความมืด
ทั้งนี้เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผีกองกอยมีอยู่จริงหรือไม่ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องราวที่มนุษย์นั้นแต่งขึ้น หรือบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องจริงที่ผู้เล่านั้นประสบพบเจอกับตนเอง
ทุกๆอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าในป่าลึกนั้น มีสิ่งมีชีวิตที่ลี้ลับและน่าสะพรึงกลัวแอบซ่อนอยู่หรือไม่
เป็นยังไงบ้างครับกับเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของผีกองกอย หากชอบคลิปของช่อง VEETIME เล่าเรื่องหลอน กดติดตามช่องกันด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/@veetimetube
ตํานาน ผีกองกอย
ผีกองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างลักษณะไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นผีที่มีขาข้างเดียวและเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดเพียงขาเดียว ผีกองกอยนั้น เวลาไปไหนมาไหนมักจะส่งเสียงร้องว่า "กองกอย ๆ" หรือ กองก๋อยๆ อันเป็นที่มาของชื่อว่าผีกองกอย
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ หรือผู้ที่มีประสบการณ์เข้าป่าขัดห้าง มักจะพูดถึงลักษณะของผีกองกอยเป็นเสียงเดียวกันว่า มีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน มีหน้าตาคล้ายลิงหรือค่าง บ้างก็อาจจะมีคนเข้าใจผิดและเรียกผีกองกอยว่าเป็น ผีโพง หรือ ผีโป่งค่าง
ในบางทฎษฎีสันนิษฐานว่า ความเชื่อเรื่องผีกองกอยนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือค่างหรือลิงแก่ที่มีอายุมาก ซึ่งมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว จะเดินอยู่บริเวณพื้นและไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ได้ เนื่องจากไม่มีเรี่ยวแรง แม้กระทั้งสัตว์ป่าชนิดอื่นที่มีลักษณะพิการหรือมีรูปลักผิดแปลกไปจากสัตว์ป่าปกติ ก็ถูกเชื่อว่า เป็นผีกองกอย ได้เช่นกัน
ในสมัยอดียเคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีกองกอย
จาก หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่ท่าน ได้ออกไปธุดงค์ในป่าดงดิบทึบ แถบประเทศลาว พร้อมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านทั้งสองได้เคยผจญกับฝูงผีกองกอย ในเวลากลางคืน ระหว่างที่ท่านทั้ง 2 นั้นกำลังปักกลทำสมาธิอยู่ ก็พบเจอกับร่างปริศนาบางอย่าง ซึ่งมีรูปร่างเหมือนเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี มีร่างกายผอม และพุงป่อง ผิวคล้ำ ผมยาวยาเผ้ารุงรัง จมูกบี้แบน ในมือถืออาวุธมาคล้ายกับหน้าไม้หรือธนูอันเล็ก พวกมันส่งเสียงร้องว่า "ก๋อย ก๋อย ก๋อย" และพยายามจะเข้ามาทำร้ายท่านทั้งสอง พวกนั้นพยายามอยู่หลายครั้งที่จะยิ่งลูกศรใส่ แต่ต่อให้ยิงไปเท่าไหร่ ลูกศรนั้นก็ตกลงพื้นอย่างน่าอัศจรรย์
ทว่าด้วยปาฏิหาริย์ของการเป็นพระสายปฎิบัติดี พวกผีกองกอยนั้น จึงไม่อาจทำอะไรท่านทั้ง 2 ได้ จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า ผีกองกอยนั้น ก็จึงยอมแพ้ และขอขมาท่าน จากนั้นก็จึงได้นิมนต์ท่านทั้งสองไปยังที่พักอาศัยของพวกตน ท่านจึงพบว่าแท้จริงแล้ว ผีกองกอยฝูงนี้คือ ก็คือคนป่าเผ่าข่าระแด ซึ่งมีพฤติกรรมล่าและฆ่ามนุษย์ที่ ล่วงล้ำถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกตน เพื่อเอาเนื้อมากิน
อีกทั้งชาวภูไทที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร มีความเชื่อว่า ผีกองกอยนั้นเป็นผู้หญิงผมยาวพรางสีแดง มีใบหน้าเรียวแหลม บ้างก็ว่ามีรูปร่างลักษณะเหมือนลิง แต่มีขนาดเล็กกว่าลิงหรือลิงลมเสียอีก และเชื่ออีกว่า ผีกองกอยเป็นผีที่มีครอบครัว บ้างก็อาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงไม้ ออกหากินโดยจับปลากินตามลำห้วยหรือแม่น้ำลำครอง และผีกองกอยนั้นก็มักจะแอบขโมยปลาหรือข้าวของ ของชาวบ้านไปอีกด้วย
ผีกองกอยนั้นมักจะมีลักษณะนิสัย
พูดอะไรที่เป็นตรงกันข้ามกับความจริงเสมอ อีกทั้งยังเชื่ออีกว่า ผีกองกอยมีทรัพย์สมบัติ สะสมอยู่มากมาย ซึ่งบางครั้งหากไปพบทรัพย์สมบัติหรือปลาตกอยู่กลางทางหรือในป่าโดยไม่ทราบว่าผู้ใดนั้นเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บมาเป็นอันขาด เพราะสมบัตินั้นอาจจะเป็นของผีกองกอยก็เป็นได้ และผีกองกอยก็จะตามมาทวงคืน โดยอาจจะทำร้ายมนุษย์ด้วยการล้วงควักตับไตไส้พุงกินเป็นอาหาร ในเวลาที่มนุษย์ผู้นั้นนอนหลับ เช่นเดียวกับผีปอบ ซึ่งผู้ที่ถูกผีกองกอยล้วงควักอวัยวะภายในไปกินนั้น จะไม่มีบาดแผลใดๆและเสียชีวิตเหมือนคนนอนหลับปกติ เรียกว่า "ใหลตาย"
บางความเชื่อ ผีกองกอยมักจะอาศัยอยู่ในป่าลึกดงดิบหรือตามถ้ำ ซึ่งจะอยู่ห่างไกลจากบ้านของผู้คนบริเวณที่ผีกองกอย อาศัยนั้น มักจะอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเพื่อที่จะง่ายต่อการออกหากิน
พรานป่าส่วนใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการเดินป่า เวลาพบเจอกับแหล่งน้ำในป่าลึก มักจะไม่ขัดห้างอยู่ใกล้บริเวณแหล่งน้ำมากเกินไป เนื่องจากอาจจะพบเจอกับผีกองกอยได้
ผีกองกอยตามความเชื่อของชาวพุทธ
คืออสูรกายที่มีเนื้อหนังเหมือนกับมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งจะมีกลิ่นตัวที่เหม็นสาปเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เนื่องจากกินแต่พวกของสดของคราว อาทิเช่น กบเขียด ปลาสดๆ หรือแม้กระทั้งตับไต้ไส้พุงและเนื้อมนุษย์ ผีกองกอยนั้นจะต้องเสวยวิบากกรรมอยู่ในป่าหรือในถ้ำ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเฝ้าทรัพย์สมบัติและอยู่อย่าง ลบหลบๆ ซ่อนๆ หากมีผู้ใดที่ทำการลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขาหรือกระทำการผิดกฎป่า ก็จะถูกเจ้าป่าเจ้าเขา ลงโทษด้วยสั่งให้ผีกองกอยนั้น มาทำร้ายผู้นั้น
ในต่างประเทศยังได้มีการพูดถึงลักษณะสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับผีกองกอย เช่นในประเทศมาเลเซีย มีคนป่าเผ่าหนึ่ง ซึ่งมีขาข้างเดียว ไม่มีลูกสะบ้าหัวเข่า และที่จีนก็มีความเชื่อว่า มีปีศาจชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ตามภูเขา มีขาเดียว ตัวเล็ก แต่ผมยาว ตาโต หูแหลม มักจะขโมยอาหารหรือสิ่งของของคนเดินทาง เมื่อถึงวันตรุษจีน ก็มักเข้ามาอาละวาดผู้คนในหมู่บ้าน และจะนำความอัปมงคลมาเยือนแก่สถานที่นั้นๆ และหากผู้ใด ได้ถูกสัมผัสหรือจับตัวกับเจ้าสิ่งนั้น ก็จะต้องพบเจอกับความโชคร้ายหรือเจ็บไข้ได้ป่วย
ในปัจจุบัน ก็ยังคงมีการพูดถึงเรื่องราวของผีกองกอยอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าตาม ตามช่อง Youtube หรือแชลแนลต่างๆ อีกทั้งยังมีคลิปวีดีโอจากทางบ้าน ที่ถ่ายติดสิ่งมีชีวิตซึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับผีกองกอย กระโดดไปมาท่ามกลางความมืด
ทั้งนี้เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผีกองกอยมีอยู่จริงหรือไม่ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องราวที่มนุษย์นั้นแต่งขึ้น หรือบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องจริงที่ผู้เล่านั้นประสบพบเจอกับตนเอง
ทุกๆอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าในป่าลึกนั้น มีสิ่งมีชีวิตที่ลี้ลับและน่าสะพรึงกลัวแอบซ่อนอยู่หรือไม่
เป็นยังไงบ้างครับกับเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของผีกองกอย หากชอบคลิปของช่อง VEETIME เล่าเรื่องหลอน กดติดตามช่องกันด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/@veetimetube