@@@@@@@@@@@@--------- You are what you eat....!!!!!!!!!--------@@@@@@@@@@

กระทู้สนทนา

ใช่ครัชชชชช.....คนเรากินอะไรก็ได้แบบนั้นแหละ...!!!!

ส่วนการจะไม่กินอะไร
แล้วจะได้ผลอย่างไรนั้น
ในเชิงการเมืองมันอาจจะตอบยาก

กรณีของ "ไผ่ ดาวดิน"
ที่อดข้าวประท้วงในเรือนจำนั้น
มันคือการต่อสู้ในเชิงสัญญลักษณ์ด้วยวิธีการแบบ "อหิงสา"

อหิงสาในแบบที่ "มหาตมะ คานธี" เคยทำมาแล้ว

"There seem to be a huge number of politicians going on fasts nowadays, GANDHI’S FOOTSTEPS."

ใช่ครัชชชชช.....

เดี๋ยวนี้มีคน "ตามรอยเท้าคานธี" ด้วยการใช้วิธีแบบนี้มากขึ้น

ในโลกนี้มีนี้คนมากมาย
ที่เลือกใช้วิธีแบบนี้มาต่อสู้

เพราะมันเป็นการต่อสู้ในแบบที่ไม่ต้องจับอาวุธขึ้นมาเข่นฆ่ากัน

ของกะลาแลนด์เราก็มี ฉลาด วรฉัตร
แล้วก็มี จำลอง ศรีเมือง ที่เคยอดข้าวประท้วงมาแล้ว

ร้อยทั้งร้อยของฝ่ายที่อดอาหารประท้วง
จะเป็นฝ่ายที่ถูกกดอยู่ใต้อำนาจรัฐ และ ไม่มีอาวุธ
แหมมมม....ถ้ามีอาวุธ มีกำลัง ก็คงไม่อดอาหารสู้หรอก คงจะเอาอาวุธนั่นแหละออกมาพะบู๊กัน

กรณีของ ไผ่ ดาวดิน นี่อยู่ในข่ายที่ฝรั่งบอกว่า
"รณรงค์ในแบบแอคทิวสท์เพื่อหาทางเปลี่ยนแปลงสังคม"
"Activists also use fasts as tools for social change."

คานธีคุ้นเคยกับการอดอาหารมาตั้งแต่เด็ก
เพราะแม่ของคานธีเป็นคนที่เคร่งศาสนามาก
แม่ของคานธีมักจะใช้วิธี "อดอาหาร" เพื่อถือศีล

คานธีเลยได้เฝ้ามองแม่อดอาหารเป็นช่วงๆมาตั้งแต่เด็ก พร้อมๆกับคำสอนประมาณว่า

"ลูกเอ๋ย...ถ้าพระเจ้าอยากให้แม่อดแม่ก็ควรจะอด และ เมื่อพระองค์อยากให้แม่ได้อาหาร เดี๋ยวแม่ก็จะกินเองนั่นแหละ"....55555......ปรัชญาจริงๆ.........

คานธีอดอาหารครั้งแรกในปี 1919

ในปีนั้นมีการออกกฏหมาย
ที่ชื่อว่า Rowlatt Acts โดยอังกฤษ
ซึ่งเป็นกฏหมายที่กดขี่ชาวอินเดียแบบไม่ต้องโงหัวขึ้นมาเลย

การตัดสินคดีความต่างๆภายใต้การใช้กฏหมายนี้เผด็จการยิ่งกว่าฮิตเล่อร์

Rowlatt Acts : The acts allowed certain political cases to be tried without juries and permitted internment of suspects without trial.

คานธีจึงได้รณรงค์นัดหยุดงานเพื่อต่อต้าน
ปรากฏว่าวันที่ 30 มีนาคม 1919 มีคนอินเดียนับล้านหยุดงาน
เป็นการหยุดงานเพื่อยืนหยัดสนับสนุนคานธี และ ต่อต้านรัฐบาลอังกฤษ

พอโดนเข้าแบบนี้อังกฤษก็สั่นคลอนเลยครัชชชชช

อังกฤษเลยใช้วิธีจับคานธีไปขังคุกซะเลย...!!!!

คนอินเดียพอรู้ว่าคานธีโดนจับยิ่งโมโห
และ ก่อเหตุจลาจลวุ่นวายกันไปทั้งประเทศ
จนท้ายที่สุดอักฤษทนไม่ไหวเลยปล่อยคานธีออกจากคุกใน "วันสงกรานต์" 13 เมษายน นั่นแหละ

คานธีพอออกมานอกคุก
และ รู้ว่าเกิดการจลาจลเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ
ก็เลยลงโทษตัวเองด้วยการประกาศอดอาหาร 3 วัน
(โคตรเทพเลยได้สร้างกระแส "ตีกิน" อังกฤษได้อีกต่างหาก....ได้ทั้งความเป็นผู้นำ ได้ทั้งกระแส)

จากนั้นผ่านมาอีกร่วมๆ 30 ปี
คานธีก็อดอาหารอีกเป็นครั้งที่ 2

ปี 1947 คือปีที่อินเดียได้เอกราช
แต่แทนที่จะอยู่ดีกินดีมีความสุข อินเดียกลับซัดกันเละ
เพราะประชาชนกลุ่มหนึ่งเป็นมุสลิม ส่วนอีกกลุ่มเป็นฮินดู

แน่นอนว่า 2 ศาสนานี้เป็นอริกัน และ ไม่อยากอยู่ร่วมกัน จนต้องกลายมาเป็น "อินเดีย" และ "ปากีสถาน" ในแบบทุกวันนี้

ความขัดแย้งของ 2 ศาสนาบานปลาย
จนคานธีต้องออกมาขอบิณฑบาตให้เลิกแล้วต่อกัน

แต่ตอนนั้น
ทั้งฮินดู และ มุสลิม ต่างหน้ามืด
จนไม่มีใครสนใจคำขอร้องของคานธี

คานธีก็เลยอดอาหารซะเลย.......!!!!!

พอคานธีอดอาหาร
คราวนี้ทั้ง 2 ศาสนาจึงยอมประนีประนอม
ขนาดที่ว่าเมืองกัลกัตตาซึ่งเป็นจุดขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดยังยอมเลิกทะเลาะกัน

นั่นแหละ....คานธีจึงกลับมากินข้าวอีกครั้ง

แอคทิวิสท์ทั่วโลกมากมายเลือกใช้วิธนี้

ที่อเมริกาเคยมีกรณี Hunger strikes
โดยกลุ่มแอคทิวิสท์ในแซนแฟรนซิสโกรวมตัวกันอดอาหาร
เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับ Sensenbrenner bill ที่สภาคองเกรสผ่านออกมา

แอฟริกาใต้ก็เคยมีกรณีนี้ในปี 1989
โดย 33 นักโทษการเมืองที่โดนขังที่โจฮันเนสเบิร์ก
ได้พร้อมใจกันทำ Hunger strikes แบบเดียวกับที่ ไผ่ ดาวดิน ทำนี่แหละ

แต่ทางการแอฟริกาใต้ใช้วิธีพาส่งโรงพยาบาลทั้ง 33 คน
เพราะกลัวนักโทษจะม่องเท่งตายแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

แต่ไม่ว่าจะอดกันแบบไหน อย่างไร
ทุกคนต่างมีสิทธิ์เลือกทำในวิธีที่ตัวเอง

ขอเพียงแค่อย่าทำอย่าง จำลอง ศรีเมือง
ที่พี่แกเลือกที่จะอดอาหารเพื่อประท้วง รสช.
แต่พออดไป อดมา ก็ชักจะหิว แล้วไอ้ครั้นจะเลิกอดดื้อๆก็คงอาย

จำลอง ศรีเมือง เลย "เล่นไม่ยาก" ด้วยการ "ขอประชามติเลิอกอดอาหาร" จากผู้ชุมนุม

ผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่ก็มาจากสันติอโศกฐานเสียงของจำลองนั่นแหละ

ผลปรากฏว่าประชามติออกมาท่วมท้นให้จำลองได้กลับมากินข้าวอีกครั้ง...555555