สงครามเย็นระหว่างประเทศอเมริกากับสหภาพโซเวียตทำให้เกิดองค์กร CIA ขึ้นมา ซึ่งเป็นสถาบันที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอเมริกาโดยเฉพาะ กล่าวคือก่อตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในช่วงก่อนปี 1950 เจ้าหน้าที่ที่ยังหนุ่มสาวและมีความกระตือรือร้นได้ทำการทดสอบสมรรถภาพ เมื่อคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อความมั่นคงของเด็กในโอวาทของประเทศอเมริกาก็คือ ประเทศกัวเตมาลานั้น ในช่วงการปฎิวัติปี 1944 ทางด้านอเมริกากลางได้ทำการปฎิรูปแนวคิดเสรีนิยมเพื่อเป็นการประกาศให้โลกรับรู้และก่อให้เกิดปฎิกิริยาหัวฝ่ายซ้ายในช่วงที่มีการเลือกตั้งโดยมี Jacobo Arbenz เป็นผู้นำในช่วงปี 1950 ในปฎิกิริยาของฝ่ายสังคมนิยมนั้น การปฎิรูปภาคการเกษตรของประธานาธิบดี Arbenz ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากสงครามเย็น ทางด้าน CIA จึงประกาศใช้ปฎิบัติการ PBSUCESS เพื่อทำการโค่นล้มอำนาจผู้นำในกัวเตมาลาหลังจากที่ทำการปฎิวัติแล้ว
ใจกลางของอาณาจักรมายาในอดีตนั้น กัวเตมาลาประสบกับการปกครองแบบเผด็จการกับรัฐบาลที่ปกครองโดยทหารตั้งแต่วันที่สเปนเข้ามายึดครอง ตัวอย่างจะเห็นได้จากผู้นำโหดเหี้ยมอย่าง Jorge Ubico ที่ทำการปกครองในช่วงปี 1930 จนถึงกลางปี 1940 ทางด้าน Ubico ได้ทำการสังหารหมู่ชาวอินเดียเพื่อที่จะทำการยึดครองที่ดิน ควบคุมข้อมูลที่ไหลเข้าออกและจัดตั้งตำรวจลับขึ้นมา ความจริงแล้วเขาได้บอกกับผู้ทำหน้าที่แทนเขาว่า “ตราบใดที่ผมยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ผมจะไม่ทำการเปิดกว้างทางเสรีภาพ ไม่มีเสรีภาพทางสังคม เพราะว่าประชาชนยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยและจะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง” การที่เขาดูถูกเหยียดหยามกับประชาชนเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเขาเป็นคนส่วนน้อยที่มีความมั่นคั่ง โดยที่เขาเองต้อนรับนักลงทุนชาวอเมริกันหลายคน อย่างเช่นบริษัท United Fruit Company (UFCO) โดยก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของพวกเขาเอง
Ubico มีข้อเสนอที่เกื้อหนุนต่อ United Fruit ในการช่วยให้บริษัททำการผูกขาดเกี่ยวกับการคมนาคมทางด้านถนน สะพาน ธนาคาร และสาธารณูปโภค ผลประโยชน์แบบนี้มีชื่อเรียกเล่นๆว่า El Pulpo หรือ The Octopus ในบริษัท Banana Estates ของ UFCO ก็มีพนักงานชาวกัวเตมาลากว่า 4 หมื่นคน ซึ่งบ่อยครั้งทำงานมากเกินไปและได้รับค่าจ้างต่ำกว่าปกติ ผู้บริหารบริษัทก็มีนโยบายในส่วนของราคา ภาษีกับการคุ้มครองดูแลพนักงานโดยที่ไม่มีการก้าวก่ายจากทางรัฐบาล
ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศแถบอเมริกากลางจำนวนมากเริ่มทำการก่อกบฏต่อรัฐบาลที่ทำการกดขี่ และในไม่ช้าประเทศกัวเตมาลาก็เป็นรัฐที่วุ่นวายจากการก่อจลาจลและเดินขบวนตามท้องถนน เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง ภายใต้สภาพแวดล้อมของเหล่าบรรดานายพลผู้มีอำนาจทั้งหลาย ทำให้บริษัท Ubico ถอดที่มั่นและการปฎิวัติเดือนตุลาคมปี 1944 ก็ได้สิ้นสุดลงจากการเลือกตั้งโดยมี Juan Arevalo เป็นประธานาธิบดีกัวเตมาลา คณะรัฐบาลของ Arevalo ก็ได้ให้เสรีภาพกับประชาชนมากขึ้น มีการปฎิรูประบบการเมืองให้มีความทันสมัย ซึ่งประกอบไปด้วยการเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองและสหภาพ ตัวอย่างเช่น ในปี 1947 กฎหมายแรงงานได้ให้แรงงานสามารถเจรจาต่อรองและหยุดงานประท้วงได้ ซึ่งเงื่อนไขปัจจัยต่างๆส่วนใหญ่ก็นำไปสู่การแทรกแซงของฝ่ายอเมริกันมากขึ้น
ความสำเร็จของ Arevalo ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีในปี 1951 นั้น Jacobo Arbenz Guzman ได้ทำการ “ปกป้องประชาธิปไตยครั้งที่สอง” ได้สำเร็จ เมื่อเขาขัดขวาง Francisco Arana ได้สำเร็จ เช่นกันเขาก็เป็นหนึ่งในวีรบุรุษในการปฎิวัติปี 1944 ด้วย อำนาจส่วนหนึ่งก็ตกอยู่ในมือของ Arevalo การดำเนินการของเขาทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของกัวเตมาลาเกิดความตื่นตัวขึ้นมาอย่างน่าผิดสังเกต และทางด้าน CIA ก็ได้ให้อำนาจเขามากขึ้นจนนำไปสู่การสมคบคิดขึ้นมา ในวันที่จัดการเลือกตั้ง อดีตนายร้อยกับผู้สนับสนุน Arana อย่าง Carlos Castillo Armas พยายามที่จะบรรจุชื่อตัวเองให้เป็นประธานาธิบดีเพื่อนำไปสู่เงื่อนไขโจมตีฐานทัพ การจู่โจมนี้มีการทำกันแบบเป็นตัวแทน และแสดงให้เห็นว่า Armas เป็นผู้เล่นคนสำคัญในแผนการ PBSUCESS
ในวันที่ 15 เดือนมีนาคม ปี 1951 Arbenz ได้เริ่มสร้างความตึงเครียดในช่วงสงครามและจุดชนวนให้เกิดความกลัวให้กับคอมมิวนิสต์อเมริกาในประเทศกัวเตมาลา ต่อมาก็มีการปฎิวัติประเทศจีน เกิดวิกฤตการณ์เบอร์ลิน และก็ทำการค้นพบขีปนาวุธในสหภาพโซเวียต “ทางเจ้าหน้าที่การต่างประเทศหลายคนก็เริ่มกังวลใจเกี่ยวกับแผนการของโซเวียตที่จะทำการครอบครองตะวันตก” พวกเขาเริ่มตรวจสอบการดำเนินการของ Arevalo และลงความเห็นว่า ความเป็นชาตินิยมของเขากลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในการอุปถัมภ์ค้ำจุนบริษัทต่างๆของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะบริษัท United Fruit ทางด้านเจ้าหน้าหลายคนได้บอกกับสภาความมั่นคงแห่งชาติว่า พวกเขา “มีความเกี่ยวข้องกับลัทธิชาตินิยมสุดขั้วในกัวเตมาลา แต่ลึกมากไปกว่านั้นก็คือ เป็นเพราะฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้บิดเบือนเจตนารมณ์ของพวกเขาไป”
น้อยคนมากที่จะรู้ว่า คณะรัฐบาลของ Arbenz จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในไม่ช้า ทางด้านบริษัท United Fruit ก็มีความพร้อมที่จะค้นหาบุคคลที่มีทักษะในการทำการประชาสัมพันธ์สูง หนึ่งในนั้นก็คือ Edward Bernays ในปี 1950 “เจ้าพ่อนักประชาสัมพันธ์” ก็ได้ออกมาเตือนลูกค้าของเขาก็คือ ประธาน UFCO อย่าง Sam Zemurray ว่า “แรงบันดาลใจของนักเคลื่อนไหวคอมมิวนิสต์เริ่มเป็นที่แพร่ขยายมากในแถบอเมริกากลาง” และเพียงแค่ “หาก UFCO ได้ทำการส่งสัญญาณเตือนไปยังชาวอเมริกันตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐก็อาจที่จะยกระดับสถานการณ์ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น” ในการค้นหาคนที่สามารถทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในอนาคตไม่ช้านั้น Zemurray ว่าจ้าง Bernays เป็น “ที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์” โดยจะต้องปรับปรุงภาพลักษณ์ UFCO เสียใหม่ ทางด้าน Bernays ก็ได้ออกแคมแปญประชาสัมพันธ์ไปยังทางนักหนังสือพิมพ์และชาวอเมริกันถึงความโปร่งใสโดยมีการตีพิมพ์สถิติเกี่ยวกับบริษัทของ UFCO และช่วงเวลาที่ทำการโจมตีรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของ Arbenz ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีเจ้าหน้าที่การต่างประเทศบางคนอย่างเช่นพี่น้อง Dulles เองก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัท United Fruit
ปีต่อมา Arbenz ก็ได้ทำการออกพระราชบัญญัติแรกขึ้นมา เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการปฎิรูปที่ดินทำการเกษตรหรือมีชื่อเรียกว่า Decree 900 ได้ทำการผ่านร่างกฎหมายโดยรัฐสภากัวเตมาลา โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่แถบชนบทของประเทศกัวเตมาลา โดยทำการจัดสรรพื้นที่ใหม่สำหรับเอกชนและจัดสรรพื้นที่ของรัฐให้กับชาวนาเกษตรกร ทำให้ภาครัฐได้รับผลตอบแทน 3-5 เปอร์เซ็นต์ในการใช้พื้นที่แต่ละปี หลังจากที่ประสบความสำเร็จแล้ว กฎหมาย Decree 900 ก็เจอกับปฎิกิริยาต่อต้านจากฝ่ายเจ้าของที่ดินชนชั้นสูง สิ่งสำคัญก็คือ กฎหมายได้สร้างความขัดแย้งลึกๆระหว่างระบบการปกครองของ Arbenz กับบริษัท United Fruit ขึ้นมา คนงานที่ไม่มีพื้นที่ทำการเพาะปลูกใหญ่มากพอนั้น ก็เริ่มมีการยึดพื้นที่ที่พวกเขาเห็นว่า จะต้องอยู่ภายใต้การครอบครองตามกฎหมาย และในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1953 ทางด้านรัฐบาล “ได้ประกาศว่า พื้นที่ 225,000 เอเคอร์ไม่ได้มีการใช้งานโดยบริษัท United Fruit” ประธานาธิบดี Eisenhower ก็ได้ออกมาสะท้อนเรื่องนี้ในเวลาต่อมา ซึ่งศาลสูงสุดของกัวเตมาลาก็ไม่ได้อ้างเหตุผลถึง “การเลือกที่รักมักที่ชังและความอยุติธรรมในการครอบครองพื้นที่ของรัฐ”
ในประเทศอเมริกานั้น เจ้าหน้าที่การต่างประเทศหลายคนได้ทำการตรวจสอบกฎหมาย Decree 900 โดยมองว่า เป็นเครื่องมืออำนวยสำหรับผู้นิยมฝ่ายซ้ายในประเทศกัวเตมาลา ทางด้าน Eisenhower ได้ทำการบันทึกเอาไว้ว่า “การดำเนินการของ Arbenz จะนำไปสู่การสร้างข้อสงสัยต่างๆขึ้นมาเร็วๆนี้ว่า เขาเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของฝ่ายคอมมิวนิสต์เท่านั้น” ซึ่งจะต้องมีการ “ระดมแรงงานตามเมืองชนบทต่างๆ” และทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายขึ้นมา กระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินว่า กฎหมายมีอิทธิพลไปในทางกลุ่มของ PGT ซึ่งมีพรรคคอมมิวนิสต์อยู่เบื้องหลัง และมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างแน่วแน่
ในช่วงแรกได้มีคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศให้ทำการโค่นล้ม Arbenz ในปี 1952 ซึ่ง CIA เชื่อว่าการลงโทษทางเศรษฐกิจกับการใช้การทูตกดดันจะทำให้ลดการแพร่ขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ในกัวเตมาลาได้ ทางด้านหน่วยราชการได้ทำการวิเคราะห์ว่า การปฎิรูปที่ดินเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอมมิวนิสต์ขยายตัว ความเฟื่องฟูของลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใดภายใต้การนำของ Arbenz แต่ตรงข้ามกลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อได้ว่าประเทศกัวเตมาลาจะถูกสหภาพโซเวียตครอบงำอิทธิพลในเขตแดนตะวันตกได้ เจ้าหน้าที่หลายคนเห็นด้วยว่า จะต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม PGT กับเมืองมอสโคร มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าโซเวียตกำลังจะเข้ามาครอบงำ จึงทำให้ไม่แน่ใจในการดำเนินการของ Arbenz ทางด้านคณะรัฐบาลของทรูแมนสุดท้ายก็ได้ดำเนินแผนการทางทหารก็คือ ปฎิบัติการ PBFORTUNE ซึ่งเกือบที่จะทำลายฝ่ายเคลื่อนไหวต่อต้านคอมมิวนิสต์ในกัวเตมาลาและทำการยกเลิกในปี 1953 ด้วย
ความกลัวในการใช้แผนการต่างๆ ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศ Acheson ตัดสินใจที่จะยกเลิกแผนการต่างๆหลังจากที่มีข่าวลือต่างๆจากเอกราชทูตในลาตินอเมริกาหลายคนในการเข้าไปรุกราน
ในช่วงการเลือกตั้งสมัยประธานาธิบดี Eisenhower มีพนักงาน UFCO กับเจ้าหน้าที่หน่วยราชการหลายคนตั้งความหวังว่า โครงการจะประสบความสำเร็จอยู่แถวหน้า ซึ่งสถานการณ์ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอน ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศต่างต้องการผู้นำใหม่ในกัวเตมาลา แต่จะต้องไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก สอดคล้องกับสำนักฝ่ายข่าวกรองได้ประเมินว่า “ประมาณ 84 เปอร์เซ็นต์มีแนวโน้มทางการเมืองที่ตึงเครียดมากขึ้นในกัวเตมาลาจากนโยบายทางการเมืองของ Arbenz (จากแนวร่วมสนับสนุนฝ่ายคอมมิวนิสต์กัวเตมาลา) ก่อนหน้าที่จะใช้แผนการ PBSUCESS นั้น ทางเจ้าหน้าที่หลายคนก็ได้สรุปว่า “สถานการณ์นี้เป็นการทดสอบความสามารถของพวกเราในการต่อสู้แรงปะทุทางการเมืองกับการแพร่ขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ในแถบลาตินอเมริกาโดยที่พวกเราไม่รู้ถึงสัญญาเตือนจากประเทศใกล้ชิด” สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ พวกเขาได้อธิบายว่า “พวกเราควรที่จะมองไปที่ประเทศกัวเตมาลาเป็นแม่แบบในการทดสอบจุดมุ่งหมายและยุทธศาสตร์ของการต่อสู้ของฝ่ายคอมมิวนิสต์”
ผู้วางแผนหลายคนเห็นด้วยกับการใช้ยุทธศาสตร์ในทางที่แตกต่างกันออกไป โดยเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการดำเนินการอย่างลับๆ ทั้งในทางด้านจิตวิทยา ทางเศรษฐกิจ การทูตและการทหาร กุญแจที่สำคัญก็คือจะต้องหาคนมาแทนที่ Arbenz เพื่อลดสถานการณ์ตึงเครียด โดยจะต้องเป็นผู้นำเผด็จการที่เป็นมิตรกับอเมริกา ว่าจ้างนักโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโน้มน้าวชักจูงให้เห็นด้วยกับแผนการ PBSUCESS ว่า การปฎิรูปที่ดินส่วนหนึ่งก็มีการสมคบคิดกับกลุ่มเกษตรกรกับแรงงาน ทางด้าน Berney ก็ได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เกิดบรรยากาศเคลือบแคลงสงสัยและก่อให้เกิดความกลัวกับประเทศอเมริกาเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่ทำต่อรัฐบาลกัวเตมาลา เจ้าหน้าที่เองก็ได้ปะปนรวมกับกลุ่มองค์กรใต้ดินในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยให้นักศึกษาทำการติดป้ายสติ๊กเกอร์ ทำการแจกใบปลิวต่อต้าน Arbenz และทำการต่อต้านรัฐบาลโดยวาดภาพบนกำแพงสาธารณะ สุดท้ายในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 1954 แผนการ PBSUCESS ก็ได้เริ่มสร้างความกดดันถึงขีดสุดกับ Arbenz ยังมีสถานีวิทยุใหม่ที่ทำการปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้าน Arbenz และกลุ่มที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์ที่อ้างถึงเสรีภาพเสมอภาค ซึ่งมีการนำโดยพันเอก Castillo Armas นอกจากนั้นยังมีสถานีวิทยุกระจายเสียงรายวันในการบิดเบือนข้อมูลผิดๆ จึงนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้ประเทศเกิดความหวาดกลัวและเกิดวิกฤตขึ้นมา
Operantion PBSUCESS : CIA ทำการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในประเทศกัวเตมาลา
สงครามเย็นระหว่างประเทศอเมริกากับสหภาพโซเวียตทำให้เกิดองค์กร CIA ขึ้นมา ซึ่งเป็นสถาบันที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอเมริกาโดยเฉพาะ กล่าวคือก่อตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในช่วงก่อนปี 1950 เจ้าหน้าที่ที่ยังหนุ่มสาวและมีความกระตือรือร้นได้ทำการทดสอบสมรรถภาพ เมื่อคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อความมั่นคงของเด็กในโอวาทของประเทศอเมริกาก็คือ ประเทศกัวเตมาลานั้น ในช่วงการปฎิวัติปี 1944 ทางด้านอเมริกากลางได้ทำการปฎิรูปแนวคิดเสรีนิยมเพื่อเป็นการประกาศให้โลกรับรู้และก่อให้เกิดปฎิกิริยาหัวฝ่ายซ้ายในช่วงที่มีการเลือกตั้งโดยมี Jacobo Arbenz เป็นผู้นำในช่วงปี 1950 ในปฎิกิริยาของฝ่ายสังคมนิยมนั้น การปฎิรูปภาคการเกษตรของประธานาธิบดี Arbenz ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากสงครามเย็น ทางด้าน CIA จึงประกาศใช้ปฎิบัติการ PBSUCESS เพื่อทำการโค่นล้มอำนาจผู้นำในกัวเตมาลาหลังจากที่ทำการปฎิวัติแล้ว
ใจกลางของอาณาจักรมายาในอดีตนั้น กัวเตมาลาประสบกับการปกครองแบบเผด็จการกับรัฐบาลที่ปกครองโดยทหารตั้งแต่วันที่สเปนเข้ามายึดครอง ตัวอย่างจะเห็นได้จากผู้นำโหดเหี้ยมอย่าง Jorge Ubico ที่ทำการปกครองในช่วงปี 1930 จนถึงกลางปี 1940 ทางด้าน Ubico ได้ทำการสังหารหมู่ชาวอินเดียเพื่อที่จะทำการยึดครองที่ดิน ควบคุมข้อมูลที่ไหลเข้าออกและจัดตั้งตำรวจลับขึ้นมา ความจริงแล้วเขาได้บอกกับผู้ทำหน้าที่แทนเขาว่า “ตราบใดที่ผมยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ผมจะไม่ทำการเปิดกว้างทางเสรีภาพ ไม่มีเสรีภาพทางสังคม เพราะว่าประชาชนยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยและจะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง” การที่เขาดูถูกเหยียดหยามกับประชาชนเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเขาเป็นคนส่วนน้อยที่มีความมั่นคั่ง โดยที่เขาเองต้อนรับนักลงทุนชาวอเมริกันหลายคน อย่างเช่นบริษัท United Fruit Company (UFCO) โดยก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของพวกเขาเอง
Ubico มีข้อเสนอที่เกื้อหนุนต่อ United Fruit ในการช่วยให้บริษัททำการผูกขาดเกี่ยวกับการคมนาคมทางด้านถนน สะพาน ธนาคาร และสาธารณูปโภค ผลประโยชน์แบบนี้มีชื่อเรียกเล่นๆว่า El Pulpo หรือ The Octopus ในบริษัท Banana Estates ของ UFCO ก็มีพนักงานชาวกัวเตมาลากว่า 4 หมื่นคน ซึ่งบ่อยครั้งทำงานมากเกินไปและได้รับค่าจ้างต่ำกว่าปกติ ผู้บริหารบริษัทก็มีนโยบายในส่วนของราคา ภาษีกับการคุ้มครองดูแลพนักงานโดยที่ไม่มีการก้าวก่ายจากทางรัฐบาล
ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศแถบอเมริกากลางจำนวนมากเริ่มทำการก่อกบฏต่อรัฐบาลที่ทำการกดขี่ และในไม่ช้าประเทศกัวเตมาลาก็เป็นรัฐที่วุ่นวายจากการก่อจลาจลและเดินขบวนตามท้องถนน เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง ภายใต้สภาพแวดล้อมของเหล่าบรรดานายพลผู้มีอำนาจทั้งหลาย ทำให้บริษัท Ubico ถอดที่มั่นและการปฎิวัติเดือนตุลาคมปี 1944 ก็ได้สิ้นสุดลงจากการเลือกตั้งโดยมี Juan Arevalo เป็นประธานาธิบดีกัวเตมาลา คณะรัฐบาลของ Arevalo ก็ได้ให้เสรีภาพกับประชาชนมากขึ้น มีการปฎิรูประบบการเมืองให้มีความทันสมัย ซึ่งประกอบไปด้วยการเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองและสหภาพ ตัวอย่างเช่น ในปี 1947 กฎหมายแรงงานได้ให้แรงงานสามารถเจรจาต่อรองและหยุดงานประท้วงได้ ซึ่งเงื่อนไขปัจจัยต่างๆส่วนใหญ่ก็นำไปสู่การแทรกแซงของฝ่ายอเมริกันมากขึ้น
ความสำเร็จของ Arevalo ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีในปี 1951 นั้น Jacobo Arbenz Guzman ได้ทำการ “ปกป้องประชาธิปไตยครั้งที่สอง” ได้สำเร็จ เมื่อเขาขัดขวาง Francisco Arana ได้สำเร็จ เช่นกันเขาก็เป็นหนึ่งในวีรบุรุษในการปฎิวัติปี 1944 ด้วย อำนาจส่วนหนึ่งก็ตกอยู่ในมือของ Arevalo การดำเนินการของเขาทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของกัวเตมาลาเกิดความตื่นตัวขึ้นมาอย่างน่าผิดสังเกต และทางด้าน CIA ก็ได้ให้อำนาจเขามากขึ้นจนนำไปสู่การสมคบคิดขึ้นมา ในวันที่จัดการเลือกตั้ง อดีตนายร้อยกับผู้สนับสนุน Arana อย่าง Carlos Castillo Armas พยายามที่จะบรรจุชื่อตัวเองให้เป็นประธานาธิบดีเพื่อนำไปสู่เงื่อนไขโจมตีฐานทัพ การจู่โจมนี้มีการทำกันแบบเป็นตัวแทน และแสดงให้เห็นว่า Armas เป็นผู้เล่นคนสำคัญในแผนการ PBSUCESS
ในวันที่ 15 เดือนมีนาคม ปี 1951 Arbenz ได้เริ่มสร้างความตึงเครียดในช่วงสงครามและจุดชนวนให้เกิดความกลัวให้กับคอมมิวนิสต์อเมริกาในประเทศกัวเตมาลา ต่อมาก็มีการปฎิวัติประเทศจีน เกิดวิกฤตการณ์เบอร์ลิน และก็ทำการค้นพบขีปนาวุธในสหภาพโซเวียต “ทางเจ้าหน้าที่การต่างประเทศหลายคนก็เริ่มกังวลใจเกี่ยวกับแผนการของโซเวียตที่จะทำการครอบครองตะวันตก” พวกเขาเริ่มตรวจสอบการดำเนินการของ Arevalo และลงความเห็นว่า ความเป็นชาตินิยมของเขากลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในการอุปถัมภ์ค้ำจุนบริษัทต่างๆของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะบริษัท United Fruit ทางด้านเจ้าหน้าหลายคนได้บอกกับสภาความมั่นคงแห่งชาติว่า พวกเขา “มีความเกี่ยวข้องกับลัทธิชาตินิยมสุดขั้วในกัวเตมาลา แต่ลึกมากไปกว่านั้นก็คือ เป็นเพราะฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้บิดเบือนเจตนารมณ์ของพวกเขาไป”
น้อยคนมากที่จะรู้ว่า คณะรัฐบาลของ Arbenz จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในไม่ช้า ทางด้านบริษัท United Fruit ก็มีความพร้อมที่จะค้นหาบุคคลที่มีทักษะในการทำการประชาสัมพันธ์สูง หนึ่งในนั้นก็คือ Edward Bernays ในปี 1950 “เจ้าพ่อนักประชาสัมพันธ์” ก็ได้ออกมาเตือนลูกค้าของเขาก็คือ ประธาน UFCO อย่าง Sam Zemurray ว่า “แรงบันดาลใจของนักเคลื่อนไหวคอมมิวนิสต์เริ่มเป็นที่แพร่ขยายมากในแถบอเมริกากลาง” และเพียงแค่ “หาก UFCO ได้ทำการส่งสัญญาณเตือนไปยังชาวอเมริกันตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐก็อาจที่จะยกระดับสถานการณ์ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น” ในการค้นหาคนที่สามารถทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในอนาคตไม่ช้านั้น Zemurray ว่าจ้าง Bernays เป็น “ที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์” โดยจะต้องปรับปรุงภาพลักษณ์ UFCO เสียใหม่ ทางด้าน Bernays ก็ได้ออกแคมแปญประชาสัมพันธ์ไปยังทางนักหนังสือพิมพ์และชาวอเมริกันถึงความโปร่งใสโดยมีการตีพิมพ์สถิติเกี่ยวกับบริษัทของ UFCO และช่วงเวลาที่ทำการโจมตีรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของ Arbenz ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีเจ้าหน้าที่การต่างประเทศบางคนอย่างเช่นพี่น้อง Dulles เองก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัท United Fruit
ปีต่อมา Arbenz ก็ได้ทำการออกพระราชบัญญัติแรกขึ้นมา เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการปฎิรูปที่ดินทำการเกษตรหรือมีชื่อเรียกว่า Decree 900 ได้ทำการผ่านร่างกฎหมายโดยรัฐสภากัวเตมาลา โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่แถบชนบทของประเทศกัวเตมาลา โดยทำการจัดสรรพื้นที่ใหม่สำหรับเอกชนและจัดสรรพื้นที่ของรัฐให้กับชาวนาเกษตรกร ทำให้ภาครัฐได้รับผลตอบแทน 3-5 เปอร์เซ็นต์ในการใช้พื้นที่แต่ละปี หลังจากที่ประสบความสำเร็จแล้ว กฎหมาย Decree 900 ก็เจอกับปฎิกิริยาต่อต้านจากฝ่ายเจ้าของที่ดินชนชั้นสูง สิ่งสำคัญก็คือ กฎหมายได้สร้างความขัดแย้งลึกๆระหว่างระบบการปกครองของ Arbenz กับบริษัท United Fruit ขึ้นมา คนงานที่ไม่มีพื้นที่ทำการเพาะปลูกใหญ่มากพอนั้น ก็เริ่มมีการยึดพื้นที่ที่พวกเขาเห็นว่า จะต้องอยู่ภายใต้การครอบครองตามกฎหมาย และในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1953 ทางด้านรัฐบาล “ได้ประกาศว่า พื้นที่ 225,000 เอเคอร์ไม่ได้มีการใช้งานโดยบริษัท United Fruit” ประธานาธิบดี Eisenhower ก็ได้ออกมาสะท้อนเรื่องนี้ในเวลาต่อมา ซึ่งศาลสูงสุดของกัวเตมาลาก็ไม่ได้อ้างเหตุผลถึง “การเลือกที่รักมักที่ชังและความอยุติธรรมในการครอบครองพื้นที่ของรัฐ”
ในประเทศอเมริกานั้น เจ้าหน้าที่การต่างประเทศหลายคนได้ทำการตรวจสอบกฎหมาย Decree 900 โดยมองว่า เป็นเครื่องมืออำนวยสำหรับผู้นิยมฝ่ายซ้ายในประเทศกัวเตมาลา ทางด้าน Eisenhower ได้ทำการบันทึกเอาไว้ว่า “การดำเนินการของ Arbenz จะนำไปสู่การสร้างข้อสงสัยต่างๆขึ้นมาเร็วๆนี้ว่า เขาเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของฝ่ายคอมมิวนิสต์เท่านั้น” ซึ่งจะต้องมีการ “ระดมแรงงานตามเมืองชนบทต่างๆ” และทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายขึ้นมา กระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินว่า กฎหมายมีอิทธิพลไปในทางกลุ่มของ PGT ซึ่งมีพรรคคอมมิวนิสต์อยู่เบื้องหลัง และมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างแน่วแน่
ในช่วงแรกได้มีคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศให้ทำการโค่นล้ม Arbenz ในปี 1952 ซึ่ง CIA เชื่อว่าการลงโทษทางเศรษฐกิจกับการใช้การทูตกดดันจะทำให้ลดการแพร่ขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ในกัวเตมาลาได้ ทางด้านหน่วยราชการได้ทำการวิเคราะห์ว่า การปฎิรูปที่ดินเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอมมิวนิสต์ขยายตัว ความเฟื่องฟูของลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใดภายใต้การนำของ Arbenz แต่ตรงข้ามกลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อได้ว่าประเทศกัวเตมาลาจะถูกสหภาพโซเวียตครอบงำอิทธิพลในเขตแดนตะวันตกได้ เจ้าหน้าที่หลายคนเห็นด้วยว่า จะต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม PGT กับเมืองมอสโคร มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าโซเวียตกำลังจะเข้ามาครอบงำ จึงทำให้ไม่แน่ใจในการดำเนินการของ Arbenz ทางด้านคณะรัฐบาลของทรูแมนสุดท้ายก็ได้ดำเนินแผนการทางทหารก็คือ ปฎิบัติการ PBFORTUNE ซึ่งเกือบที่จะทำลายฝ่ายเคลื่อนไหวต่อต้านคอมมิวนิสต์ในกัวเตมาลาและทำการยกเลิกในปี 1953 ด้วย
ความกลัวในการใช้แผนการต่างๆ ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศ Acheson ตัดสินใจที่จะยกเลิกแผนการต่างๆหลังจากที่มีข่าวลือต่างๆจากเอกราชทูตในลาตินอเมริกาหลายคนในการเข้าไปรุกราน
ในช่วงการเลือกตั้งสมัยประธานาธิบดี Eisenhower มีพนักงาน UFCO กับเจ้าหน้าที่หน่วยราชการหลายคนตั้งความหวังว่า โครงการจะประสบความสำเร็จอยู่แถวหน้า ซึ่งสถานการณ์ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอน ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศต่างต้องการผู้นำใหม่ในกัวเตมาลา แต่จะต้องไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก สอดคล้องกับสำนักฝ่ายข่าวกรองได้ประเมินว่า “ประมาณ 84 เปอร์เซ็นต์มีแนวโน้มทางการเมืองที่ตึงเครียดมากขึ้นในกัวเตมาลาจากนโยบายทางการเมืองของ Arbenz (จากแนวร่วมสนับสนุนฝ่ายคอมมิวนิสต์กัวเตมาลา) ก่อนหน้าที่จะใช้แผนการ PBSUCESS นั้น ทางเจ้าหน้าที่หลายคนก็ได้สรุปว่า “สถานการณ์นี้เป็นการทดสอบความสามารถของพวกเราในการต่อสู้แรงปะทุทางการเมืองกับการแพร่ขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ในแถบลาตินอเมริกาโดยที่พวกเราไม่รู้ถึงสัญญาเตือนจากประเทศใกล้ชิด” สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ พวกเขาได้อธิบายว่า “พวกเราควรที่จะมองไปที่ประเทศกัวเตมาลาเป็นแม่แบบในการทดสอบจุดมุ่งหมายและยุทธศาสตร์ของการต่อสู้ของฝ่ายคอมมิวนิสต์”
ผู้วางแผนหลายคนเห็นด้วยกับการใช้ยุทธศาสตร์ในทางที่แตกต่างกันออกไป โดยเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการดำเนินการอย่างลับๆ ทั้งในทางด้านจิตวิทยา ทางเศรษฐกิจ การทูตและการทหาร กุญแจที่สำคัญก็คือจะต้องหาคนมาแทนที่ Arbenz เพื่อลดสถานการณ์ตึงเครียด โดยจะต้องเป็นผู้นำเผด็จการที่เป็นมิตรกับอเมริกา ว่าจ้างนักโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโน้มน้าวชักจูงให้เห็นด้วยกับแผนการ PBSUCESS ว่า การปฎิรูปที่ดินส่วนหนึ่งก็มีการสมคบคิดกับกลุ่มเกษตรกรกับแรงงาน ทางด้าน Berney ก็ได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เกิดบรรยากาศเคลือบแคลงสงสัยและก่อให้เกิดความกลัวกับประเทศอเมริกาเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่ทำต่อรัฐบาลกัวเตมาลา เจ้าหน้าที่เองก็ได้ปะปนรวมกับกลุ่มองค์กรใต้ดินในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยให้นักศึกษาทำการติดป้ายสติ๊กเกอร์ ทำการแจกใบปลิวต่อต้าน Arbenz และทำการต่อต้านรัฐบาลโดยวาดภาพบนกำแพงสาธารณะ สุดท้ายในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 1954 แผนการ PBSUCESS ก็ได้เริ่มสร้างความกดดันถึงขีดสุดกับ Arbenz ยังมีสถานีวิทยุใหม่ที่ทำการปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้าน Arbenz และกลุ่มที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์ที่อ้างถึงเสรีภาพเสมอภาค ซึ่งมีการนำโดยพันเอก Castillo Armas นอกจากนั้นยังมีสถานีวิทยุกระจายเสียงรายวันในการบิดเบือนข้อมูลผิดๆ จึงนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้ประเทศเกิดความหวาดกลัวและเกิดวิกฤตขึ้นมา