สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวน่านกันค่ะ ทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีโปรชาติหน้าของแอร์เอเชีย (รวม vat แล้วตกขาละ 50 บาทเองงง)
โดยทริปนี้เรามีเวลาไม่มากเท่าไหร่ เน้นชิลๆ พักร่าง พักสังขารจากการตรำงานหนักมากกว่า จึงไม่ค่อยได้ออกไปไหน เน้นเที่ยวแถวๆที่พักมากกว่า
พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
สำหรับแพลนครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นทริป 3 วัน 2 คืน
คืนแรก พักในเมือง คืนที่ 2 พักที่ สะปันค่ะ
คืนแรกเราพักที่ ศรีนวลลอร์จค่ะ (550/คืน)
เป็นโรงแรมเล็กๆ บรรยากาศดี ย้อนยุคนิดๆ ด้านล่างมีร้านกาแฟกับร้านอาหารเล็กๆอยู่ค่ะ รสชาติใช้ได้อยู่ค่ะ
ข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่คือ อยู่ไกลจากแหล่งชุมชนนิดนึง
(ถึงแม้จะมีรถจักรยานให้เช่า แต่เราก็แอบกลัวเหมือนกัน ถ้าต้องปั่นจักรยานตอนกลางคืน เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว)
หลังจากที่เช่าจักรยานแล้ว ก็ปั่นไปตั้งหลักที่วัดภูมินทร์ค่ะ
เราปั่นไปเส้นที่เลียบแม่น้ำน่าน บรรยากาศระหว่างปั่น
ถึงแล้วค่ะ วัดภูมินทร์
ด้านข้าง
มาถึงตรงนี้ มีความเชื่อของคนเมืองน่านนิดนึงค่ะ เค้าว่ากันว่า หากเราได้ลอดซุ้มประตูวัดครั้งนึงจะได้กลับมาที่น่านอีก
ถ้าลอด 2ครั้ง จะได้เป็น สะใภ้/ลูกเขยเมืองน่าน 555
ไหว้พระเอาฤกษ์ เอาชัย
รูปกระซิบรักบรรลือโลก
เจอนกบินผ่านหน้าลานเมือง
ตรงข้ามวัดภูมินทร์ จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวค่ะ
ไปถึงก็เจอรถรางพาเที่ยวในเมืองน่าน ราคาคนละ 30 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รีบจัดไปทันที เพราะวันนั้น อากาศร้อนมากกก
หัวหน้าไกด์คนงาม
เมืองน่าน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม เดินไปทางไหนก็เจอ
หัวหน้าไกด์บรรยายว่า เมืองน่านเป็นเมืองที่ต้องตั้งใจมา ถ้าไม่ตั้งใจมาจริงๆ ก็จะมาไม่ถึง
เพราะไม่ใช่เมืองที่เป็นทางผ่าน แต่สมัยนี้ระบบการคมนาคมดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะแล้ว ทำให้มีคนมาเยือนเมืองน่านมากขึ้น
บรรยากาศระหว่างนั่งรถราง ต้องขอโทษด้วยค่ะ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ เพราะไปมาซักพักแล้ว
ผ่านวัดข่วงสิงห์
เริ่มที่ วัดสวนตาล
โฮงเจ้าฟองคำ
พอจบจากรถราง เราก็ไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านค่ะ เสียดายมากกก เพราะ พิพิธภัณฑ์ปิดค่ะ เปิดอีกทีช่วงปลายปีกันทีเดียว ชมได้แต่ด้านนอก
จากนั้นก็ไปกินข้าวซอยร้านดัง ณ น่านนครกันค่ะ
ข้าวซอยต้นน้ำ เราสั่งข้าวซอยเนื้อ
(ส่วนตัวคิดว่าน้ำแกงจีดไปนิด ชอบรสชาติทางเชียงใหม่มากกว่า แต่พอกินรวมๆแล้วถือว่าอร่อยดี เนื้อนิ่ม รสชาติเข้าเนื้อดีมากก)
จบแล้วสำหรับในเมือง
เราเสียใจมากที่ไม่ได้ไปกินร้านขนมป้านิ่ม เพราะร้านป้าแกเปิดตอนเย็น ด้วยความที่ไปคนเดียวเลยไม่กล้าปั่นจักรยานไป
[CR] อยากอยู่ " น่าน " นานนาน นะนะ
โดยทริปนี้เรามีเวลาไม่มากเท่าไหร่ เน้นชิลๆ พักร่าง พักสังขารจากการตรำงานหนักมากกว่า จึงไม่ค่อยได้ออกไปไหน เน้นเที่ยวแถวๆที่พักมากกว่า
พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
สำหรับแพลนครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นทริป 3 วัน 2 คืน
คืนแรก พักในเมือง คืนที่ 2 พักที่ สะปันค่ะ
คืนแรกเราพักที่ ศรีนวลลอร์จค่ะ (550/คืน)
เป็นโรงแรมเล็กๆ บรรยากาศดี ย้อนยุคนิดๆ ด้านล่างมีร้านกาแฟกับร้านอาหารเล็กๆอยู่ค่ะ รสชาติใช้ได้อยู่ค่ะ
ข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่คือ อยู่ไกลจากแหล่งชุมชนนิดนึง
(ถึงแม้จะมีรถจักรยานให้เช่า แต่เราก็แอบกลัวเหมือนกัน ถ้าต้องปั่นจักรยานตอนกลางคืน เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว)
หลังจากที่เช่าจักรยานแล้ว ก็ปั่นไปตั้งหลักที่วัดภูมินทร์ค่ะ
เราปั่นไปเส้นที่เลียบแม่น้ำน่าน บรรยากาศระหว่างปั่น
ถึงแล้วค่ะ วัดภูมินทร์
ด้านข้าง
มาถึงตรงนี้ มีความเชื่อของคนเมืองน่านนิดนึงค่ะ เค้าว่ากันว่า หากเราได้ลอดซุ้มประตูวัดครั้งนึงจะได้กลับมาที่น่านอีก
ถ้าลอด 2ครั้ง จะได้เป็น สะใภ้/ลูกเขยเมืองน่าน 555
ไหว้พระเอาฤกษ์ เอาชัย
รูปกระซิบรักบรรลือโลก
เจอนกบินผ่านหน้าลานเมือง
ตรงข้ามวัดภูมินทร์ จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวค่ะ
ไปถึงก็เจอรถรางพาเที่ยวในเมืองน่าน ราคาคนละ 30 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รีบจัดไปทันที เพราะวันนั้น อากาศร้อนมากกก
หัวหน้าไกด์คนงาม
เมืองน่าน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม เดินไปทางไหนก็เจอ
หัวหน้าไกด์บรรยายว่า เมืองน่านเป็นเมืองที่ต้องตั้งใจมา ถ้าไม่ตั้งใจมาจริงๆ ก็จะมาไม่ถึง
เพราะไม่ใช่เมืองที่เป็นทางผ่าน แต่สมัยนี้ระบบการคมนาคมดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะแล้ว ทำให้มีคนมาเยือนเมืองน่านมากขึ้น
บรรยากาศระหว่างนั่งรถราง ต้องขอโทษด้วยค่ะ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ เพราะไปมาซักพักแล้ว
ผ่านวัดข่วงสิงห์
เริ่มที่ วัดสวนตาล
โฮงเจ้าฟองคำ
พอจบจากรถราง เราก็ไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านค่ะ เสียดายมากกก เพราะ พิพิธภัณฑ์ปิดค่ะ เปิดอีกทีช่วงปลายปีกันทีเดียว ชมได้แต่ด้านนอก
จากนั้นก็ไปกินข้าวซอยร้านดัง ณ น่านนครกันค่ะ
ข้าวซอยต้นน้ำ เราสั่งข้าวซอยเนื้อ
(ส่วนตัวคิดว่าน้ำแกงจีดไปนิด ชอบรสชาติทางเชียงใหม่มากกว่า แต่พอกินรวมๆแล้วถือว่าอร่อยดี เนื้อนิ่ม รสชาติเข้าเนื้อดีมากก)
จบแล้วสำหรับในเมือง
เราเสียใจมากที่ไม่ได้ไปกินร้านขนมป้านิ่ม เพราะร้านป้าแกเปิดตอนเย็น ด้วยความที่ไปคนเดียวเลยไม่กล้าปั่นจักรยานไป