ด้านมืด

กระทู้สนทนา
.


            จิตแพทย์วัยกลางคน มองดูนาฬิกาติดผนัง มองออกไปนอกหน้าต่าง  ก่อนหลับตาแล้วมองดูข้างในของหัวใจตัวเอง
ความจริงอยากจะมองความเป็นไปของจักรวาลเสียด้วยซ้ำ แต่โอกาสและเวลา ยังมาไม่ถึง

             หลังโครงการแจกสมุดปากกาให้คนไข้จิตบำบัด ให้เขียนบันทึก อาจเพราะอยากรับรู้บางอย่างของความบ้า หรือเข้าถึงความบ้า... หรืออะไรก็แล้วแต่... หลายวันต่อมา ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษของคนไข้พิเศษคนนั้น เขาจึงมีเวลาว่างพอที่จะหยิบสมุดมีลายมือสวยงามเป็นระเบียบอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลงานของคนป่วยทางจิตมาอ่าน


             ตอนแรกเขาอ่านอย่างไม่ตั้งใจนัก แต่พอเวลาผ่านไปสักครู่เขาจึงยกหูโทรศัพท์  ทำตัวให้ผ่อนคลายและเริ่มตันอ่านอย่างจริงจัง

             และนื่คือบันทึกของคนบ้าคนหนึ่ง


             เวลา 6.30 น.

            เช้าตรู่ผมรอรถเมล์

             เพียงเพราะอยากไปทำงาน  ผมเพียงต้องการแค่นี้จริงๆ พ่อแม่ของผมสอนว่าลูกจ๋า...จงอดทนอดกลั้น...การมีเรื่องมันง่ายแสนง่าย... แค่สวนแรงๆ ออกไปสักคำก็มีเรื่องแล้ว   เราก็จะกลายเป็นคู่ทะเลาะวิวาท โทษพอกัน   การอดกลั้นไม่ใช่การยอมแพ้......สองคนมีเรื่องกัน เปิดฉากทะเลาะกัน สังคมจะมองว่าเป็นการทะเลาะกัน  แต่ถ้าอีกฝ่ายอดทนอดกลั้น   สังคมจะมองว่าเราถูกรังแก  น้ำหนักการมีเรื่องต่างกัน...แล้วพอสังคมอยู่ข้างเรา  ค่อยย่องไปเวลากลางคืน เอามีดเฉือนคอหอยของมันให้ตายอย่างทรมาน แล้วค่อยนั่งดูอย่างมีความความสุข ดูอาการสำลักชีวิตของมัน

             ป้ายรถเมล์ที่มีคนมากมายหลายหลากบ้างนั่งบ้างยืน(แต่ไม่มีใครนอน) ชะเง้อคอย  ผมเชื่อว่า ถ้านอนได้ คงจะมีคนนอนคอยรถเมล์

             นักเรียน วัยรุ่นในชุดหวานแสบ คนแก่

             รวมทั้งมันด้วย

             ผมล่ะโคตรเกลียดมันสุดแสน อยากจะสับมันเป็นชื้น แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่อยากติดคุก

             มันในที่นี้หมายถึงผู้ชายซึ่งกำลังนั่งดูดบุหรี่ บนที่นั่งของป้ายรถเมล์  สร้างมลภาวะรบกวน.....ไอ้เวรห้าร้อย...ใบหน้าของมันขณะพริ้มตาดูควันพิษเข้าไปในปอด แบบบรมสุขสุดแสน ท่าทางสุขสมเหลือเกิน ไม่สนใจนักเรียนที่พากันยีนรอรถเมล์อยู่ป้ายเดียวกันซึ่งมีทั้ง นักเรียน วัยรุ่นในชุดหวานแสบ คนแก่ สารพัดคน

             ทุกคนเฉย

             อาการเฉยอาจเพราะยอมรับถึงความล้มเหลวของส่วนหนึ่งของสังคมหรือไม่ต้องการแยแสใส่ใจ  เพราะไม่ใช่ธุระของตัวเอง

             เจ้าบุหรี่ปีศาจมันคงๆไม่รู้ว่าทุกคนคิดอะไรอยู่ (หรือรู้แต่สามัญสำนึกแห่งการรับผิดชอบต่อสังคมของมันมีเพียงแค่นั้น) ผมอดทนมองมันตั้งแต่มวนแรกจนมันเริ่มมวนที่สอง รถที่มันรอก็ยังไม่มา หรือมาแต่มันไม่ “ใส่หัว” ขึ้นรถเอง เพราะความสุขของมันอยู่ที่การเผาผลาญสร้างมลพิษมากว่า

             มันเริ่มจุดบุหรี่มวนที่สอง รายล้อมฝูงชน

             ให้ตายเถอะครับ  จะว่าชั่วก็ยอม   ผมเดินไปหามัน ยิ้มให้มันอย่างจริงใจ มองดูบุหรี่ มองดูหน้าของมันอย่างเยือกเย็น

             “บุหรี่อร่อยไหมครับ” ผมถามเสียงสุภาพ

             ผมต้องถามตามมรรยาท เพราะพ่อแม่ผมสั่งสอนมาดี รวมทั้งครูที่โรงเรียนด้วย

             แต่พ่อแม่และครูผมไม่เคยบอกให้ผมทำอย่างนี้เลย  ผมดึงบุหรี่ของมันออกจากปาก ไฟยังแดงวาบ.. ผมยัดบุหรี่มวนนั้นเข้าไปในปากของมันซึ่งกำลังปากอ้าตาค้าง พลางบอกอย่างยิ้มแย้มว่า

            “พี่ดูดอย่างเดียวไม่พอ แด๊กเข้าไปด้วยสิ จะได้ซาบซ่าน”

             ว่าพลางตบเปรี้ยงอัดทั้งบุหรี่และปากโสมมของมัน มันสำลักบุหรี่  ชักกระตุกสั่นพลิ้วไปทั่วร่างเหมือนปลาถูกทุบหัว  แต่ปากและลมหายใจของมันยังดูดสูดลมควันแสนหวานของบุหรี่เข้าไปจนหมดมวน และสำลักควันทั้งไอทั้งจาม ..สมน้ำหน้ามัน ก็รักมากไม่ใช่เหรอ และไม่ต้องจุนเจือเผื่อแผ่คนอื่น

             มันดิ้นปัดๆในมือผมที่กุมคอมันไว้แน่น มันจะเอาแรงอะไรมาสู้กับผมล่ะ.. ขี้ยาอย่างมันยืนอยู่ขอบนรกอยู่แล้ว ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของมัน ดึงบุหรี่ที่เหลือและไม้ขีดของมันออกมา

             “กับพี่อย่างนี้จะเท่กว่า”

             ผมบรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางจิ้มเข้าไปในตาดวงตาของของมันก่อนดึงรั้งลูกตาระริกร้าวออกมาอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของมัน เศษหนังเศษเนื้อบางส่วนห้อยรุ่งริ่งระริกร้าวสั่นไหวราวมีชีวิตเลือดสีแดงไหลเป็นทาง เลือดคนข้นเหนียวไม่ใช่แดงสดใสเหมือนเลือดในภาพยนตร์บางเรื่อง.. นั่นมันน้ำหวาน แต่ในฉากนี้เป็นเรื่องจริง

             ทั้งนัยน์ตา ปาก และจมูก ของมันกำลังระบายควันบุหรี่ออกมาเป็นสายยาวอย่างสาแก่ใจ ผมรู้สึกถึงทุกเซลล์ในร่างกายของหนุ่มคนนั้นกำลังระริกร้าวสุดขั้วหัวใจ.. สมน้ำหน้าเหลือเกิน

              ยังไม่พอ...ไหนจะโหดจะเลวก็ให้ถึงที่สุด

              ผมจุดบุหรี่...ก็เหมือนที่มันจุดนั่นล่ะ....ไฟแดงวาบ แล้วบรรจงเสียบเข้าไปในรูโบ๋ของดวงตามัน ในรูจมูก ในปาก ในรูหู ควันโขมงอัดแน่นไปด้วยควันบุหรี่.... ภาพที่ได้จึงสวยงามคลาสสิก คนลองนึกภาพคนตากลวงแต่ยังมีสติพอที่จะดูดบุหรี่ทางปาก รูจมูก ดวงตา จนสว่างวาบตามแรงหายใจก่อนเฮือกสุดท้าย

             อ้อ

             ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าผมกำลังทำอะไร

             เพราะทุกคนกำลังเพ่งความสนใจไปที่รถเมล์ที่ยังวิ่งมาไม่ถึง บอแล้วไงครับว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง   ผมมองผลงานชิ้นล่าสุดอย่างชื่นชม มันก็คงชื่นชมเหมือนกันไม่งั้นคงไม่มานั่งดูดบุหรี่อยู่ในศาลารอรถเมล์ที่เป็นสาธารณชนอย่างนี้หรอก  

             คุณอาจว่าผมโหด เรื่องแค่นี้ฆ่ากันได้ลงคอ

             ไม่.....ผมยังไม่อธิบายถึงเศษเนื้อกองเละตรงทางชั้นลงสะพานลอย เพราะกลัวคุณจะอ้วก...แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ บอกความจริงไปเลยดีกว่า... เศษเนื้อสองกองมันเคยเป็นหนุ่มสาวสองคนซึ่งอ้อยอิ่งประคองกอดรัดกัน เดินเคียงกันบนสะพานลอย ไม่สนใจอาการด่าทางสายตาของคนพบเห็นว่ามันเกะกะการจราจรในช่วงรีบด่วนขนาดไหน

             ผู้หญิงยังอยู่ชุดนักเรียน ม.ปลาย ผู้ชายคงเรียนสูงกว่านั้นสามสี่ปี แต่การศึกษาไม่ช่วยให้พวกเขารู้รับผิดชอบและมีสามัญสำนึกที่ดีต่อสังคมด้วยการเดินขวางทางจราจรแคบๆบนสะพานลอยซึ่งเขาออกแบบมาให้เดินเรียงเดี่ยว แต่นี่พวกเขารักกันปานจะกลืนกินจนไม่ยอมให้ใครเดินนำหน้าโดยมีตนข้างหลังจะแซงก็ไม่ได้เพราะมีคนเดินสวนตลอดเวลา ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าเห็นพวกเขาทั้งสองกัดกินกันทั้งเป็น สดๆ..ต่อหน้าต่อตา แบบซอมบี้ยังอาย

             ผมเดินตามหลังพอดี

             เลี้ยวโค้งทางลง ได้จังหวะ...ผมยันเปรี้ยงคนละที ทั้งสองคนไม่ทันระวังตัวเสียหลักกลิ้งลงมากองอยู่ช้างล่าง พวกเขาไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาอีกครั้งหรอกครับ เพราะฝีเท้าเร่งรีบผู้คนเหยียบย่ำซ้ำรอยลงไปก่อนที่จะมีโอกาสลุกขึ้น


             ขนาดขี้หมาบนทางเดินสะพานลอยยังถูกเหยียบจนเละกระจายติดรองเท้าผู้คนหายไปแล้ว แบบไม่มีใครสนใจ นับประสาอะไรกับคน

             อย่างที่ผมบอกล่ะว่ามันเป็นสังคมตัวใครตัวมัน


             ผมมองภาพต่อไปอย่างเยือกเย็น จะเป็นอะไรไปมากกว่าการที่ พอรถเมล์วิ่งมา สิงห์อมควันจะพากันทิ้งบุหรี่ลงพื้น ไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้เกือกเท้าบดขยี้เหมือนที่มันเคยทำเป็นประจำแล้วเผ่นขึ้นบนรถเมล์หายไปจากไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นผมจึงต้องหยุดมัน



รถตู้วิ่งมาจอด

และมาจอดนิ่ง


             รถเมล์วิ่งตามมากดแตรลั่นสนั่นหวั่นไหว

             สิบวินาทีกับกับโอนถ่ายเทคนของรถเมล์  แต่ยังวิ่งไปไหนไม่ได้ขณะที่รถตู้ใช้เวลามากกว่านี้สิบเท่าให้การเปิดประตูให้ผู้โดยสารค่อยๆก้าวลงมา...อ้าว...รอเงินทอน... และเวลาต่อมาคือการก้าวขึ้นไปใช้บริการของผู้โดยสาร ทุกวินาทีผ่านไปอย่างล่าช้าสุดแสนราวอยู่ในควมเร็วใกล้ความเร็วแสง

             รถติดยาวเหยียด

             นั่นยังไม่พอ คนโดยสารขึ้นไปแล้วรถตู้ยังติดเครื่องไม่ยอมวิ่งต่อ เพราะกำลังรอผู้โดยสารที่กำลังอาบน้ำอยู่ที่บ้าน ไม่สนใจเสียงแตรเร่งของรถเมล์

            ผมถอนใจ ลากจรวจ อาร์พีจี ซึ่งหิ้วมาด้วยเล็งเป้า


            ตูม..............

             รถตู้เจ้าปัญหาระเบิดกระจายไม่มีชิ้นดี ไฟลุกท่วม รวมทั้งอวัยวะบางคนของผู้โดยสาร ตับ ไต ไส้ พุง ตับอ่อน ตับแก่ เซ่งจี้  ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่  เนื้อเยื่อ  กระดูก กระเด็นไปทั่ว เปลวไฟกลุ่มควันโหมรุนแรง  วิธีการแก้ปัญหาของผมชัดเจนรวดเร็ว ไม่ชักช้าเหมือนสายงานในบางประเทศ


             เรื่องรถตู้ไม่รู้ฝีมือนรกผีห่าซาตานตนใด หลายคนเคยแก้ปัญหาจราจรปางตาย จู่ๆก็มีรถตู้วิ่งเฉย  ถ้าแยกป้ายกันผมไม่ว่า นี่มันดันใช้ป้ายเดียวกัน เด็กอมมือมองยังรู้ว่าถ้าใช้ป้ายเดียวกันปัญหาจะเกิดตามมาอย่างไร เสียดายว่าพวกเซ็นอนุมัติสามัญสำนึกของพวกมันภายใต้ผลประโยชน์เร้น  ผมไม่ได้รังเกียจ รถตู้ รู้ว่าพวกเขาก็มีครอบครัวดูแล แต่วิธีการไม่ถูกต้อง  แต่ทำอะไรไม่ได้




             ทุกคนมองรถไฟไหม้ ไม่มีใครสนใจผมเช่นเคย อีกไม่นานคนกวาดถนนคงมาถึงที่นี่ แล้วมาเก็บกววดซากศพและความเสียหาย

             สังคมเป็นอย่างนี้จริงๆ  ผมจึงโหนตัวขึ้นไปบนรถปรับอากาศคันซึ่งวิ่งตามมาในอีกสิบนาทีอย่างง่ายดาย เหลือเชื่อใช่ไหมครับ
รถว่าง...ผมโชคดีมีที่นั่ง

             ผมนั่ง และไม่อยากเชื่อว่าไม่นานก็มีคนมานั่งข้างผม เป็นสาวด้วยผมดีใจปางตายแม้จะไม่รู้จักมักจี่  ว่าไผเป็นไผ..แต่อย่างน้อยการนั่งกับสาวๆ ให้รู้สึกดีจริงๆ โอ....คักหลาบ

            อ้าว

           ไม่ถึงยี่สิบวินาที เธอคนนั้นก็เปิดกระเป๋าถือ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และแล้วตำนานแห่งการพูดคุยก็เริ่มขึ้น ทำไมหล่อนต้องพูดซะดังเชียว อย่างโน้นอย่างนี้ คะขา...จ๋าจ๊ะ..ว้ายๆ..ตัวเอง...เค้าอย่างโน้นอย่างนี้..ว้ายๆๆ.................... ผมถอนลมหายใจ พยายามหลับตา เอียงหัวพิงกระจกไม่อยากรับรู้เรื่องส่วนตัวของหล่อน

           รถติด...เธอยังไม่เลิก

            หมายความว่าพอเลิกคุยกับคนนี้ ผมนึกว่าหล่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือแต่หล่อนกับกดเบอร์อื่นแล้วพูดคุยด้วยเสียงดังลั่นรถเหมือนจะบอกว่า ดิฉันเท่ มีมือถือนะโว้ย  กำลังไล่ล่าโปเกม่อนด้วย

             จ้ะจ๋าเสียงลั่น มันอะไรกันนักกันหนา รถนะเฟ้ยไม่ใช่ที่บ้านหรือห้องส่วนตัว

             ผมประสาทเสีย  ประสาทเสียเพราะหูไม่ได้หนวก จึงรับรู้เรื่องราวส่วนตัวของหล่อนมากกว่าแม่บังเกิดเกล้าของหล่อนอีก นั่นเรื่องที่หล่อนงอนแฟนหนุ่ม นั่นเรื่องหมาที่บ้านอึไม่ออก  นั่นเรื่องสาระแนของหล่อน และ..................

            ฯลฯ

             ฯลฯ



             มันอะไรกันนักกันหนาวะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง พูดเบาๆก็ได้นี่ลั่นรถแปดหลอด...ฉะนั้นอย่าอยู่เลยแก   ผมกระชากโทรศัพท์ออกจากมือของหล่อน
  อัดเปรี้ยงเข้าไปเต็มปากของหล่อนซึ่งกำลังอ้าค้างอย่างตกใจพลางกระซิบเสียงหวานว่า

             “โทรศัพท์อร่อยไหมครับ”


             หล่อนดูเหมือนจะพยายามตอบเหมือนกัน แต่มือถือซึ่งอัดอยู่ในคอหอยของหล่อนทำให้เธอไม่สามารถตอบคำถามได้ ผมอัดกระแทกเข้าไปอย่างสุภาพและแสนดี ทำไปด้วยความเมตตา  อีกสามสี่ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุดออกมาจากหลอดลมและกล่องเสียงของหล่อน  แต่ให้ตายเถอะ หล่อนไม่สนใจผมเลยแม้แต่นิดเดียว...เสียงอู้อี้ของเธอฟังได้ว่า จับโปเกม่อน..โปเกม่อน

             แน่นอน...ไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้  ผมรู้ดี ถึงกล้าทำเรื่องราวนรกแตกให้สาแก่ใจ   ตัวใครตัวมันอยู่แล้ว





               ผมรอรถเมล์  ป้ายรถเมล์ที่มีคนมากมายหลายหลากบ้างนั่งบ้างยืน(แต่ไม่มีใครนอน) ชะเง้อคอย

              นักเรียน วัยรุ่นในชุดหวานแสบ คนแก่  รวมทั้งมันด้วย  มันในที่นี้หมายถึงผู้ชายซึ่งกำลังนั่งดูดบุหรี่ บนที่นั่งของป้ายรถเมล์  สร้างมลภาวะรบกวน
ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่ามองดูนาฬิกา...บอกเวลา เวลา 6.30 น.  หลังจากนั้นผมทำได้เพียงเดินหลบไปห่างจากความคิดของตัวเองให้มากที่สุดเท่านั้น

             เท่านี้จริงๆ ผมทำอะไรดังใจไม่ได้อยู่แล้ว


             6.30น.





            ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่