ในปลายสมัยราชวงศ์ฉิน ที่รัฐฉู่มีชายผู้หนึ่งชื่อจี้ปู้ เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์
มีความยุติธรรมและมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ขอแต่ให้เป็นเรื่องที่เขารับปากว่าจะช่วย
แล้ว ต่อให้มีความลำบากยากเข็ญเพียงใด เขาก็จะพยายามทำให้บรรลุผลจนได้ ดังนั้น
เขาจึงได้รับการยกย่องชมเชยไปทั่ว.
ในสมัยที่ชาวฉู่กับชาวฮั่นแย่งชิงความเป็นใหญ่กันนั้น จี้ปู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยงอวี่
เขาเคยช่วยเซี่ยงอวี่วางแผนกลอุบายหลายครั้ง ทำให้กองทัพของหลิวปังต้องรบพ่ายไป. หลัง
จากหลิวปังตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์แล้ว ยามใดที่นึกถึงเหตุการณ์นี้ ก็ให้รู้สึกเคียดแค้นใจยิ่ง จึงมี
คำสั่งให้จับตัวจี้ปู้.
ยามนี้ ผู้คนที่มีความเคารพนับถือในตัวจี้ปู้นั้นต่างแอบคอยช่วยเหลือเขา. ต่อมาไม่นาน จี้ปู้
ได้ปลอมแปลงตัวเดินทางไปซันตุงโดยไปเป็นลูกจ้างของบ้านตระกูลจุบ้านหนึ่ง ครอบครัวตระกูลจู
ทั้งๆที่รู้ว่าเขาคือจี้ปู้ แต่ก็ยังคงรับเขาไว้. ต่อมาคนในบ้านตระกูลจูได้เดินทางลั่วหยางโดยไปหา
เพื่อนเก่าแก่ของหลิวปัง ขอให้เขาไปช่วยพูดขอความเห็นใจกับหลิวปัง. เพื่อนหลิวปังผู้นี้ได้ช่วยนำ
ความดีของจี้ปู้ไปกราบทูลต่อหลิวปัง ซึ่งชิงบัลลังก์ฉินได้สำเร็จ และตั้งตนเป็นพระเจ้าฮั่นเกาจู่ว่า
"อันจี้ปู้ผู้นี้ แม้จะเป็นแม่ทัพฝ่ายศัตรู แต่ก็ทำไปโดยหน้าที่ข้อสำคัญคือเป็นคนดี ซึ่งหาได้ยาก.
หลิวปังหรือพระเจ้าฮั่นเกาจู่จึงนิรโทษกรรมแก่จี้ปู้ พร้อมทั้งแต่งตั้งให้เป็นขุนนางโทและต่อมา
ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นข้าหลวงเหอตง. มีชายคนหนึ่งชื่อเฉาชิวเซิงเป็นคนพื้นแพเดียวกับจี้ปู้
เป็นผู้ที่ชอบคบหาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ไว้ประดับบารมีของตน. ในยามนี้เมื่อเขาได้ยินว่าจี้ปู้เป็น
ขุนนางใหญ่ ก็ขอให้คนที่คุ้นเคยกับจี้ปู้เขียน จดหมายแนะนำตัวให้. เมื่อจี้ปู้เห็นหน้าตาท่าทาง
ของเฉาชิวเซิงก็รู้สึกไม่ชอบใจนัก เตรียมที่จะใช้คำพูดมาไล่ตะเพิดเขา
แต่เฉาชิวเซิงก็ยังคงพินอบพิเทาเอาอกเอาใจป้อยอหวังจะเข้าให้ถึงจี้ปู้ให้ได้ และพูดว่า"ข้าเคย
ได้ยินคนที่รัฐฉู่ลือกันว่า แม้จะได้ทองคำสักร้อยชั่ง ก็เทียบค่าไม่ได้กับคำมั่นสัญญาของท่านจี้ปู้
ท่านเหตุไฉนจึงมีชื่อเสียงอันดีเช่นนี้เป็นที่เล่าลือไปทั่วรัฐเหลียง รัฐฉู่เล่า ข้าก็เป็นชาวรัฐฉู่เช่นเดียว
กับท่าน ข้าเที่ยวเผยแพร่ชื่อเสียงของท่านไปทุกแห่งหน นี่มิใช่เป็นการช่วยท่านเผยแพร่ชื่อเสียงใน
รัฐเหลียงและรัฐฉู่หรอกหรือ แล้วท่านเป็นเพราะเหตุอันใดที่ไม่อยากพบข้า".
จี้ปู้ฟังคำพูดของเฉาชิวเซิงแล้ว ให้รู้สึกดีใจขึ้นในบัดดล ดังนั้นจึงให้เฉาชิวเซิงพักอาศัยอยู่หลาย
เดือน และให้การรับรองเป็นอย่างดี ขณะที่เฉาชิวเซิงจะอำลาจากไปนั้น ยังได้มอบของขวัญมีค่าไม่น้อย
จำนวนหนึ่งแก่เขาไป. ต่อมาภายหลังชื่อเสียงจี้ปู้นับวันดังยิ่งขึ้น นั่นก็เป็นเพราะผลจากการโฆษณา
เผยแพร่ของเฉาชิวเซิงนั่นเอง.
นิทานเรื่องนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือ"สื่อจี้.จี้ปู้หลวนปู้เลี่ยจ้วน"ซึ่งเป็นหนังสือชีวประวัติของบุคคลใน
ประวัติศาสตร์. คำพูดที่เฉาชิวเซิงที่กล่าวยกย่องสรรเสริญจี้ปู้ว่า"ได้ทองคำสักร้อยชั่ง ก็เทียบค่าไม่ได
กับคำมั่นสัญญาของท่านจี้ปู้"ในนิทานเรื่องนี้นั้น เมื่อได้แพร่หลายออก ไปแล้ว ต่อมาภายหลังผู้คนก็
ได้นำมาผูกเป็นสำนวนว่า "คำมั่นค่า พันตำลึงทอง" โดยใช้มาอุปมาอุปไมยความสำคัญของคำมั่น
สัญญาและแสดงให้เห็นถึงความเคารพและเชื่อถือในคำมั่นสัญญาของผู้อื่น.
http://thai.cri.cn/1/2004/10/26/21@29393.htm
一诺千金 คำมั่น ค่าพันตำลึงทอง
ในปลายสมัยราชวงศ์ฉิน ที่รัฐฉู่มีชายผู้หนึ่งชื่อจี้ปู้ เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์
มีความยุติธรรมและมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ขอแต่ให้เป็นเรื่องที่เขารับปากว่าจะช่วย
แล้ว ต่อให้มีความลำบากยากเข็ญเพียงใด เขาก็จะพยายามทำให้บรรลุผลจนได้ ดังนั้น
เขาจึงได้รับการยกย่องชมเชยไปทั่ว.
ในสมัยที่ชาวฉู่กับชาวฮั่นแย่งชิงความเป็นใหญ่กันนั้น จี้ปู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยงอวี่
เขาเคยช่วยเซี่ยงอวี่วางแผนกลอุบายหลายครั้ง ทำให้กองทัพของหลิวปังต้องรบพ่ายไป. หลัง
จากหลิวปังตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์แล้ว ยามใดที่นึกถึงเหตุการณ์นี้ ก็ให้รู้สึกเคียดแค้นใจยิ่ง จึงมี
คำสั่งให้จับตัวจี้ปู้.
ยามนี้ ผู้คนที่มีความเคารพนับถือในตัวจี้ปู้นั้นต่างแอบคอยช่วยเหลือเขา. ต่อมาไม่นาน จี้ปู้
ได้ปลอมแปลงตัวเดินทางไปซันตุงโดยไปเป็นลูกจ้างของบ้านตระกูลจุบ้านหนึ่ง ครอบครัวตระกูลจู
ทั้งๆที่รู้ว่าเขาคือจี้ปู้ แต่ก็ยังคงรับเขาไว้. ต่อมาคนในบ้านตระกูลจูได้เดินทางลั่วหยางโดยไปหา
เพื่อนเก่าแก่ของหลิวปัง ขอให้เขาไปช่วยพูดขอความเห็นใจกับหลิวปัง. เพื่อนหลิวปังผู้นี้ได้ช่วยนำ
ความดีของจี้ปู้ไปกราบทูลต่อหลิวปัง ซึ่งชิงบัลลังก์ฉินได้สำเร็จ และตั้งตนเป็นพระเจ้าฮั่นเกาจู่ว่า
"อันจี้ปู้ผู้นี้ แม้จะเป็นแม่ทัพฝ่ายศัตรู แต่ก็ทำไปโดยหน้าที่ข้อสำคัญคือเป็นคนดี ซึ่งหาได้ยาก.
หลิวปังหรือพระเจ้าฮั่นเกาจู่จึงนิรโทษกรรมแก่จี้ปู้ พร้อมทั้งแต่งตั้งให้เป็นขุนนางโทและต่อมา
ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นข้าหลวงเหอตง. มีชายคนหนึ่งชื่อเฉาชิวเซิงเป็นคนพื้นแพเดียวกับจี้ปู้
เป็นผู้ที่ชอบคบหาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ไว้ประดับบารมีของตน. ในยามนี้เมื่อเขาได้ยินว่าจี้ปู้เป็น
ขุนนางใหญ่ ก็ขอให้คนที่คุ้นเคยกับจี้ปู้เขียน จดหมายแนะนำตัวให้. เมื่อจี้ปู้เห็นหน้าตาท่าทาง
ของเฉาชิวเซิงก็รู้สึกไม่ชอบใจนัก เตรียมที่จะใช้คำพูดมาไล่ตะเพิดเขา
แต่เฉาชิวเซิงก็ยังคงพินอบพิเทาเอาอกเอาใจป้อยอหวังจะเข้าให้ถึงจี้ปู้ให้ได้ และพูดว่า"ข้าเคย
ได้ยินคนที่รัฐฉู่ลือกันว่า แม้จะได้ทองคำสักร้อยชั่ง ก็เทียบค่าไม่ได้กับคำมั่นสัญญาของท่านจี้ปู้
ท่านเหตุไฉนจึงมีชื่อเสียงอันดีเช่นนี้เป็นที่เล่าลือไปทั่วรัฐเหลียง รัฐฉู่เล่า ข้าก็เป็นชาวรัฐฉู่เช่นเดียว
กับท่าน ข้าเที่ยวเผยแพร่ชื่อเสียงของท่านไปทุกแห่งหน นี่มิใช่เป็นการช่วยท่านเผยแพร่ชื่อเสียงใน
รัฐเหลียงและรัฐฉู่หรอกหรือ แล้วท่านเป็นเพราะเหตุอันใดที่ไม่อยากพบข้า".
จี้ปู้ฟังคำพูดของเฉาชิวเซิงแล้ว ให้รู้สึกดีใจขึ้นในบัดดล ดังนั้นจึงให้เฉาชิวเซิงพักอาศัยอยู่หลาย
เดือน และให้การรับรองเป็นอย่างดี ขณะที่เฉาชิวเซิงจะอำลาจากไปนั้น ยังได้มอบของขวัญมีค่าไม่น้อย
จำนวนหนึ่งแก่เขาไป. ต่อมาภายหลังชื่อเสียงจี้ปู้นับวันดังยิ่งขึ้น นั่นก็เป็นเพราะผลจากการโฆษณา
เผยแพร่ของเฉาชิวเซิงนั่นเอง.
นิทานเรื่องนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือ"สื่อจี้.จี้ปู้หลวนปู้เลี่ยจ้วน"ซึ่งเป็นหนังสือชีวประวัติของบุคคลใน
ประวัติศาสตร์. คำพูดที่เฉาชิวเซิงที่กล่าวยกย่องสรรเสริญจี้ปู้ว่า"ได้ทองคำสักร้อยชั่ง ก็เทียบค่าไม่ได
กับคำมั่นสัญญาของท่านจี้ปู้"ในนิทานเรื่องนี้นั้น เมื่อได้แพร่หลายออก ไปแล้ว ต่อมาภายหลังผู้คนก็
ได้นำมาผูกเป็นสำนวนว่า "คำมั่นค่า พันตำลึงทอง" โดยใช้มาอุปมาอุปไมยความสำคัญของคำมั่น
สัญญาและแสดงให้เห็นถึงความเคารพและเชื่อถือในคำมั่นสัญญาของผู้อื่น.
http://thai.cri.cn/1/2004/10/26/21@29393.htm