ว่าเหตุผลต่อไปนี้ที่ทางบริษัทชี้แจงมา มีความเป็นไปได้หรือสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์มากน้อยแค่ไหนครับ
ส่วนตัวเคยหาข้อมูลมาหลายยี่ห้อแล้วครับ รวมทั้งเคยอ่านบทความของอ.เจษ มาเหมือนกัน แต่เห็นผลิตภันณ์ตัวนี้เป็นเจ้าใหม่ เลยอยากหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเคมีและโมเลกุลของน้ำในห้องหว้ากอนี้ครับ โดยเฉพาะข้อที่ว่า สามารถทำให้น้ำซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 14-16 โมเลกุล เหลือเพียง 6 โมเลกุลต่อหนึ่งกลุ่ม?
 1. เครื่องกรองน้ำทั่วไปกับเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ พลังแมกเนติก เหมือนกันหรือต่างกันหรือไม่ ?
 ต่างกันครับ เนื่องจากเครื่องกรองน้ำทั่วไป มีหลักการทำงานคือ กรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะเครื่องกรองน้ำระบบ RO (REVERSE OSMOSIS) สามารถกรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกายได้ถึง 95% แต่ท่านก็จะได้น้ำที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่มีแร่ธาตุสารอาหารเหลืออยู่ในน้ำ ส่วนเครื่องปรับโมเกลุน้ำ พลังแมกเนติกจะ มีการกรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกายด้วยเครื่องกรองหยาบก่อนในขั้นตอนแรก ส่วนแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังคงมีคือ แคลเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟต โซเดียมไบคาร์บอเนต ฯลฯ ขั้นตอนที่สองจะส่งไปยังเครื่องปรับโมเลกุลน้ำระบบออโต้แมกเนติก ซึ่งภายในจะมีสนามแม่เหล็กนีโอไดเนียม 4600 GS เปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำสะอาดธรรมดา ให้กลายเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยโครงสร้างของน้ำพลังแมกเนติก คล้ายกับน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ของมนุษย์ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำ ได้เร็วกว่าน้ำเปล่าทั่วไปถึง 4 เท่า สามารถขับของเสีย หรือสิ่งที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ไม่ต้องการออกจากเซลล์ ได้เร็วกว่าน้ำทั่วไป
 2. เครื่องกรองน้ำทั่วไปกับเครื่องทำน้ำแมกเนติก มีข้อใหนบ้างที่เหมือนกันและแตกต่างกันอย่างไร ?
 เครื่องกรองน้ำและเครื่องปรับโมเลกุลน้ำพลังแมกเนติก มีข้อที่เหมือนกันคือ เป็นน้ำสะอาด และข้อที่แตกต่างกันคือ เครื่องกรองน้ำทั่วไปไม่สามารถทำให้น้ำเป็นน้ำมีโมเลกุลเล็ก มีแร่ธาตุ มีออกซิเจน เป็นน้ำด่างอ่อน ๆ และมีประจุลบ
 3. อะไรคือน้ำพลังแมกเนติก ?
 น้ำพลังแมกเนติก คือ น้ำที่ผ่านกระบวนการจัดการของคลื่นสนามแม่เหล็ก นีโอไดเนียม พลังแม่เหล็กความเข้มข้น 4600 GS ทำให้เกิดการสร้างน้ำโมเลกุลเล็ก ทำให้น้ำเกิดความเคลื่อนไหวสามารถนำพาแร่ธาตุแทรกซึมสู่เซลล์ได้เร็วยิ่งขึ้นและนำพาของเสียในเซลล์ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 4. น้ำพลังแมกเนติกมีมานานแล้วหรือไม่ ?
 เมื่อ 500 กว่าปี ในตำราแพทย์จีน (เป่นเฉ่ากังหมู้) ศาสตราจารย์นายแพทย์หลีสือเจิน ราชวงค์หมิง ในตำราหน้าที่ 583-586 บันทึกไว้ว่า น้ำพลังแม่เหล็ก สามารถช่วยสมานแผล บำรุงผิว และบรรเทาอาการเมาหล้า สำหรับท่านที่มีบุตรยากหากดื่มน้ำพลังแม่เหล็ก ประจำจะช่วยให้มีบุตรง่ายขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
 5. น้ำโมเลกุลเล็กคืออะไร ?
 น้ำทั่วไปจะจับกลุ่มโครงสร้างโมเลกุลอยู่ที่ 14-16 โมเลกุล ต่อ 1 กลุ่ม แต่เมื่อน้ำ ผ่านระบบสนามแม่เหล็กของเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ พลังแมกเนติก เหิงจี จะทำโมเลกุลของน้ำมีขนาดเล็กลง เหลือ 6 โมเลกุล ต่อ 1 กลุ่ม จึงเรียกว่าน้ำโมเลกุลเล็ก
 6. ข้อดีของน้ำโมเลกุลกลุ่มเล็ก มีอะไรบ้าง
 1. สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้ง่ายกว่าน้ำทั่วไป
2. สามารถขจัดของเสีย สารพิษและสารตกค้างออกไปจากร่างกายได้ ดีกว่าน้ำทั่วไป
3. น้ำโมเลกุลเล็กมีสภาพเป็นด่างอ่อนๆ ช่วยปรับสมดุลในร่างกายที่มี สภาพเป็กรดมากเกินไปความเป็นด่างอ่อนๆ เป็นสิ่งแวดล้อมภายในที่ดีสำหรับโครงสร้างการทำงานตามปกติของเซลล์
4. น้ำกลุ่มเล็กมีปริมาณออกซิเจนจำนวนมาก ซึ่งช่วยสร้างความชุ่มชื้นและความสดชื่นให้กับเซลล์ ช่วยชะลอความแก่ลงได้
5. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และออกซิเจนอิออน (O-) ให้อิเลคตรอนประจุลบ ซึ่งไปหยุดวงจรของการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical Cycle) ซึ่งเป็นตัวทำลายเยื่อหุ้มเซลล์และความเสื่อม ต่างๆ รวมไปถึงโรคมะเร็งที่จะไม่ขยายในบริเวณที่มีปริมาณออกซิเจนเข้มข้น
6. น้ำกลุ่มเล็กมีแรงตึงผิวต่ำจึงเป็นตัวทำละลายได้ดี สามารถละลายได้ ทั้งแร่ธาตุ ออกซิเจน วิตามินและสามารถนำพาสารอาหารเหล่านี้ เข้าไปยังเซลล์ได้มากขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ในขณะเดียวกันนั้นก็สามารถช่วยละลายของเสียในเซลล์ได้ง่ายขึ้น โดยการนำพาออกมากำจัดนอกเซลล์ จากนั้นจึงถูกนำออกนอกร่างกาย ส่งผลให้เซลล์แข็งแรงและมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่รับประทานเข้าไปพร้อมกับน้ำชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น อาหารเสริมชนิดต่างๆจะแสดงผลต่อร่างกายได้มากและเร็วขึ้น เมื่อดื่มโมเลกุลเล็กควบคู่ไปด้วย
 7. ประโยชน์ของน้ำโมเลกุลเล็กดีกว่าน้ำทั่วไปอย่างไร ?
 เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะมีอยู่ 60 ล้าน ๆ เซลล์แต่เซลล์จะมีช่องน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์อยู่ที่ 2.0 นาโนเมตร แต่น้ำทั่วไปมีขนาดโมเลกุลอยู่ที่ 2.2 นาโนเมตร ทำให้ไม่สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ได้อย่างรวดเร็ว แต่น้ำโมเลกุลเล็ก หรือน้ำพลังแมกเนติก จะมีขนาดโมเลกุลอยู่ที่ 0.5 นาโนเมตร ทำให้สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ได้อย่างรวดเร็วกว่าน้ำธรรมดาถึง 4 เท่า และน้ำโมเลกุลเล็กจะช่วยขับของเสียจากขบวนการเมตาบอลิซึมออกจากเซลล์ ถือว่าเป็นการล้างพิษ ช่วยชลอความชราของเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ลดปัญหาความดันโลหิตสูง
 8. แล้วคนเราควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่ภายในหนึ่งวัน?
 ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปภายในหนึ่งวัน
1. ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปกับกระบวนการหายใจ (Loss through breath) = 800 มิลลิลิตร
2. ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปกับเหงื่อ (กรณีที่ไม่มีการออกกำลังกาย : Minimal sweat loss) = 100 มิลลิลิตร
3. ปริมาณน้ำที่สูญเสียร่วมกับอุจจาระ (Fecal loss) = 200 มิลลิลิตร
4. ปริมาณน้ำที่สูญเสียน้อยที่สุดร่วมกับการปัสสาวะ (Mineral urine loss) = 500 มิลลิลิตร
ดังนั้นคนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1600 มิลลิลิตร หรือ เท่าน้ำวันละ 2-3 ลิตร
 9. นำน้ำประปาไปต้ม จะสามารถฆ่าเชื้อโรคและสามารถนำไปดื่มกินได้หรือไม่ ?
 ในน้ำประปามีคลอรีน เมื่อต้มให้เดือดจะเกิดสารที่เรียกว่า สารคลอโรฟอร์ม ซึ่งเกิดจากความร้อนทำให้คลอรีนทำปฏิกริยาการสารอินทรีย์ เกิดสารก่อมะเร็งพวก ไตรฮาโลมีเทน ซึ่งทำลายระบบประสาท ทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำลายระบบสืบพันธุ์ ทำลายระบบลำไส้ จึงเรียกได้ว่า "เป็น้ำพิษ เป็นน้ำตาย" ไม่ควรนำมาดื่มกิน แทนน้ำดื่ม
หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมของทางบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณต์ที่ว่านี้ ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ต้นทาง
http://onevision.in.th/why_watermagnetic_hengji.html
ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้า
ปล.รบกวนช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ให้สมกับเป็นห้องแห่งนักวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ
ที่บ้านกำลังสนใจจะซื้อเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ อยากรบกวนท่านผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีช่วยกันวิเคราะห์ตามหลักการข้อมูลผลิตภันต์
ส่วนตัวเคยหาข้อมูลมาหลายยี่ห้อแล้วครับ รวมทั้งเคยอ่านบทความของอ.เจษ มาเหมือนกัน แต่เห็นผลิตภันณ์ตัวนี้เป็นเจ้าใหม่ เลยอยากหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเคมีและโมเลกุลของน้ำในห้องหว้ากอนี้ครับ โดยเฉพาะข้อที่ว่า สามารถทำให้น้ำซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 14-16 โมเลกุล เหลือเพียง 6 โมเลกุลต่อหนึ่งกลุ่ม?
 1. เครื่องกรองน้ำทั่วไปกับเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ พลังแมกเนติก เหมือนกันหรือต่างกันหรือไม่ ?
 ต่างกันครับ เนื่องจากเครื่องกรองน้ำทั่วไป มีหลักการทำงานคือ กรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะเครื่องกรองน้ำระบบ RO (REVERSE OSMOSIS) สามารถกรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกายได้ถึง 95% แต่ท่านก็จะได้น้ำที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่มีแร่ธาตุสารอาหารเหลืออยู่ในน้ำ ส่วนเครื่องปรับโมเกลุน้ำ พลังแมกเนติกจะ มีการกรองสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกายด้วยเครื่องกรองหยาบก่อนในขั้นตอนแรก ส่วนแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังคงมีคือ แคลเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟต โซเดียมไบคาร์บอเนต ฯลฯ ขั้นตอนที่สองจะส่งไปยังเครื่องปรับโมเลกุลน้ำระบบออโต้แมกเนติก ซึ่งภายในจะมีสนามแม่เหล็กนีโอไดเนียม 4600 GS เปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำสะอาดธรรมดา ให้กลายเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยโครงสร้างของน้ำพลังแมกเนติก คล้ายกับน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ของมนุษย์ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำ ได้เร็วกว่าน้ำเปล่าทั่วไปถึง 4 เท่า สามารถขับของเสีย หรือสิ่งที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ไม่ต้องการออกจากเซลล์ ได้เร็วกว่าน้ำทั่วไป
 2. เครื่องกรองน้ำทั่วไปกับเครื่องทำน้ำแมกเนติก มีข้อใหนบ้างที่เหมือนกันและแตกต่างกันอย่างไร ?
 เครื่องกรองน้ำและเครื่องปรับโมเลกุลน้ำพลังแมกเนติก มีข้อที่เหมือนกันคือ เป็นน้ำสะอาด และข้อที่แตกต่างกันคือ เครื่องกรองน้ำทั่วไปไม่สามารถทำให้น้ำเป็นน้ำมีโมเลกุลเล็ก มีแร่ธาตุ มีออกซิเจน เป็นน้ำด่างอ่อน ๆ และมีประจุลบ
 3. อะไรคือน้ำพลังแมกเนติก ?
 น้ำพลังแมกเนติก คือ น้ำที่ผ่านกระบวนการจัดการของคลื่นสนามแม่เหล็ก นีโอไดเนียม พลังแม่เหล็กความเข้มข้น 4600 GS ทำให้เกิดการสร้างน้ำโมเลกุลเล็ก ทำให้น้ำเกิดความเคลื่อนไหวสามารถนำพาแร่ธาตุแทรกซึมสู่เซลล์ได้เร็วยิ่งขึ้นและนำพาของเสียในเซลล์ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 4. น้ำพลังแมกเนติกมีมานานแล้วหรือไม่ ?
 เมื่อ 500 กว่าปี ในตำราแพทย์จีน (เป่นเฉ่ากังหมู้) ศาสตราจารย์นายแพทย์หลีสือเจิน ราชวงค์หมิง ในตำราหน้าที่ 583-586 บันทึกไว้ว่า น้ำพลังแม่เหล็ก สามารถช่วยสมานแผล บำรุงผิว และบรรเทาอาการเมาหล้า สำหรับท่านที่มีบุตรยากหากดื่มน้ำพลังแม่เหล็ก ประจำจะช่วยให้มีบุตรง่ายขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
 5. น้ำโมเลกุลเล็กคืออะไร ?
 น้ำทั่วไปจะจับกลุ่มโครงสร้างโมเลกุลอยู่ที่ 14-16 โมเลกุล ต่อ 1 กลุ่ม แต่เมื่อน้ำ ผ่านระบบสนามแม่เหล็กของเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ พลังแมกเนติก เหิงจี จะทำโมเลกุลของน้ำมีขนาดเล็กลง เหลือ 6 โมเลกุล ต่อ 1 กลุ่ม จึงเรียกว่าน้ำโมเลกุลเล็ก
 6. ข้อดีของน้ำโมเลกุลกลุ่มเล็ก มีอะไรบ้าง
 1. สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้ง่ายกว่าน้ำทั่วไป
2. สามารถขจัดของเสีย สารพิษและสารตกค้างออกไปจากร่างกายได้ ดีกว่าน้ำทั่วไป
3. น้ำโมเลกุลเล็กมีสภาพเป็นด่างอ่อนๆ ช่วยปรับสมดุลในร่างกายที่มี สภาพเป็กรดมากเกินไปความเป็นด่างอ่อนๆ เป็นสิ่งแวดล้อมภายในที่ดีสำหรับโครงสร้างการทำงานตามปกติของเซลล์
4. น้ำกลุ่มเล็กมีปริมาณออกซิเจนจำนวนมาก ซึ่งช่วยสร้างความชุ่มชื้นและความสดชื่นให้กับเซลล์ ช่วยชะลอความแก่ลงได้
5. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และออกซิเจนอิออน (O-) ให้อิเลคตรอนประจุลบ ซึ่งไปหยุดวงจรของการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical Cycle) ซึ่งเป็นตัวทำลายเยื่อหุ้มเซลล์และความเสื่อม ต่างๆ รวมไปถึงโรคมะเร็งที่จะไม่ขยายในบริเวณที่มีปริมาณออกซิเจนเข้มข้น
6. น้ำกลุ่มเล็กมีแรงตึงผิวต่ำจึงเป็นตัวทำละลายได้ดี สามารถละลายได้ ทั้งแร่ธาตุ ออกซิเจน วิตามินและสามารถนำพาสารอาหารเหล่านี้ เข้าไปยังเซลล์ได้มากขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ในขณะเดียวกันนั้นก็สามารถช่วยละลายของเสียในเซลล์ได้ง่ายขึ้น โดยการนำพาออกมากำจัดนอกเซลล์ จากนั้นจึงถูกนำออกนอกร่างกาย ส่งผลให้เซลล์แข็งแรงและมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่รับประทานเข้าไปพร้อมกับน้ำชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น อาหารเสริมชนิดต่างๆจะแสดงผลต่อร่างกายได้มากและเร็วขึ้น เมื่อดื่มโมเลกุลเล็กควบคู่ไปด้วย
 7. ประโยชน์ของน้ำโมเลกุลเล็กดีกว่าน้ำทั่วไปอย่างไร ?
 เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะมีอยู่ 60 ล้าน ๆ เซลล์แต่เซลล์จะมีช่องน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์อยู่ที่ 2.0 นาโนเมตร แต่น้ำทั่วไปมีขนาดโมเลกุลอยู่ที่ 2.2 นาโนเมตร ทำให้ไม่สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ได้อย่างรวดเร็ว แต่น้ำโมเลกุลเล็ก หรือน้ำพลังแมกเนติก จะมีขนาดโมเลกุลอยู่ที่ 0.5 นาโนเมตร ทำให้สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ได้อย่างรวดเร็วกว่าน้ำธรรมดาถึง 4 เท่า และน้ำโมเลกุลเล็กจะช่วยขับของเสียจากขบวนการเมตาบอลิซึมออกจากเซลล์ ถือว่าเป็นการล้างพิษ ช่วยชลอความชราของเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ลดปัญหาความดันโลหิตสูง
 8. แล้วคนเราควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่ภายในหนึ่งวัน?
 ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปภายในหนึ่งวัน
1. ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปกับกระบวนการหายใจ (Loss through breath) = 800 มิลลิลิตร
2. ปริมาณน้ำที่สูญเสียไปกับเหงื่อ (กรณีที่ไม่มีการออกกำลังกาย : Minimal sweat loss) = 100 มิลลิลิตร
3. ปริมาณน้ำที่สูญเสียร่วมกับอุจจาระ (Fecal loss) = 200 มิลลิลิตร
4. ปริมาณน้ำที่สูญเสียน้อยที่สุดร่วมกับการปัสสาวะ (Mineral urine loss) = 500 มิลลิลิตร
ดังนั้นคนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1600 มิลลิลิตร หรือ เท่าน้ำวันละ 2-3 ลิตร
 9. นำน้ำประปาไปต้ม จะสามารถฆ่าเชื้อโรคและสามารถนำไปดื่มกินได้หรือไม่ ?
 ในน้ำประปามีคลอรีน เมื่อต้มให้เดือดจะเกิดสารที่เรียกว่า สารคลอโรฟอร์ม ซึ่งเกิดจากความร้อนทำให้คลอรีนทำปฏิกริยาการสารอินทรีย์ เกิดสารก่อมะเร็งพวก ไตรฮาโลมีเทน ซึ่งทำลายระบบประสาท ทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำลายระบบสืบพันธุ์ ทำลายระบบลำไส้ จึงเรียกได้ว่า "เป็น้ำพิษ เป็นน้ำตาย" ไม่ควรนำมาดื่มกิน แทนน้ำดื่ม
หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมของทางบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณต์ที่ว่านี้ ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ต้นทาง
http://onevision.in.th/why_watermagnetic_hengji.html
ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้า
ปล.รบกวนช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ให้สมกับเป็นห้องแห่งนักวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ