นาขั้นบันได ขุนเขา ไอหมอก กลิ่นดิน กลิ่นน้ำ แสงดาว และตะวัน - บ้านป่าบงเปียง - เชียงใหม่



สะท้อนแสง ท้องนาเสมอฟ้า นาขั้นบันไดป่าบงเปียง






สารบัญ



*** จากที่มาที่ทำให้ถึงที่ไป
*** ชุ่มฉ่ำข้ามจังหวัด
*** ทางไกล เหมือนไม่ไกลเลยเมื่อใจยอมรับ
*** สำรวจ และแนะนำ 3 เส้นทางสู่บ้านป่าบงเปียง เส้นทางไหนดีสุด?
*** บ้านป่าบงเปียง?
*** มาเที่ยวป่าบงเปียง ควรมาเที่ยวช่วงไหน
*** การเตรียมตัว และข้อความระวังในการมาป่าบงเปียง


ความเขียว และชุ่มฉ่ำในหน้าฝนที่แม้แต่ปลายยอดข้าวยามเช้าก็ยังสร้างความประทับใจได้ถ้าตั้งใจจะมองให้มันรู้สึกเป็นสุขแก่เราเอง



จากที่มาที่ทำให้ถึงที่ไป



ความไม่รู้ ด้อยประสบการณ์ ไม่เคยเจอ แทนที่จะทำให้มนุษย์บางพวกนั้นกลัว แต่กลับทำให้ใคร่รู้เมื่อสลัดความกังวลเหล่านั้นออกไปได้ ยิ่งผสมกับการเฝ้ารอ รอเวลาที่จะได้พบสิ่งที่อยากรู้จัก ก็ยิ่งทวีความรู้สึกมากเป็นหลายเท่า

“อยากเจอเหลือเกิน นาขั้นบันไดสวย ๆ ในหน้าฝน จะไปดูให้เห็นกับตาตั้งแต่นาน้ำ ไปจนนาเขียว และนาสีทอง เอาให้ครบเลยทีเดียว”


ผมเผลอปฏิญาณกับตนเองอย่างไม่ตั้งใจ อาจจะดูเหมือนโอเวอร์ แต่ผมเฝ้ารอสิ่งเหล่านี้ที่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองจริง ๆ ซักครั้ง ผมรู้ดีถึงเสน่ห์ของธรรมชาติ ความเขียว และความประทับใจจากการเดินทาง จึงไม่แปลกถ้าใครเปิดใจเดินทางจริงจังมากขึ้น แล้วมีทริปที่เฝ้ารออยู่จะรู้สึกเฝ้ารอแบบผม


YAMAHA M-Slaz หลังจากผ่านการล้มมาแล้ว 2 รอบ ขึ้นวันใหม่ในบ้านป่าบงเปียงก็ขี่ออกมาสำรวจเส้นทางจุดอื่น และตระเวณไปถ่ายรูปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ใกล้เคียงยามเช้า

การเดินทางผมยังคงใช้มอเตอร์ไซค์คู่ YAMAHA M-Slaz 150 cc. เหมือนเดิม แต่จะไม่ใช้กระเป๋าข้าง ถึงแม้ว่าจะพกเต็นท์ และถุงนอนไปด้วยก็ตาม เพราะกระเป๋าใบใหม่ของผมสามารถจุดสิ่งของเครื่องใช้ได้ครบ โดยแยกกระเป๋าลูกที่ใส่เลนส์ และโน๊ตบุ๊กไปใส่กล่องหลัง ส่วนกล่องใส่กระเป๋ากล้องสะพายพาดไหล่ระหว่างขับขี่ไปด้วย ก็เผื่อจะได้จอดรถถ่ายรูประหว่างทางที่มักจะเจอวิวถูกใจเป็นประจำ



ชุ่มฉ่ำข้ามจังหวัด



แผนการเดินทางถูกว่างไว้แล้วแต่แรก เลือกวันจันทร์เหมือนเกือบทุกทริป เพราะเป็นวันที่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นน่าจะสงบ มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด เปิดโอกาสให้ผมเข้าถึงธรรมชาติ และผู้คนในพื้นที่ได้มากกว่า

25 กรกฎาคม 2559 วางแผนไว้ เที่ยงคืน แต่ออกจริง ๆ ก็ตอน 01.00 น.นั้นแหละ แต่ไม่เป็นไร เวลาที่กำหนดนี่ เผื่อไว้สำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไรช้าจนออกเดินทางช้า แวะถ่ายรูปข้างทาง หลบฝน หลง หรือติดขัดจนไม่สามารถเดินทางต่อได้ เพราะฉะนั้น ถึงที่หมายก่อนค่ำแน่นอน โดยกะไว้ว่าถ้าไม่ติดปัญหา และไม่แวะถ่ายรูประหว่างทางบ่อยเกินไป ก็คงจะถึงที่หมายช่วง 13.00 น.


เส้นทางโดยรวมจากกรุงเทพสู่บ้านป่าบงเปียงในเชียงใหม่ที่วางแผนไว้แบบไม่รู้อะไรมากนัก

กรุงเทพ ใช้เส้นทางไปทางบางแคสู่ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ลำพูน และเข้าเชียงใหม่ทางอำเภอจอมทองวิ่งออกจากจอมทองมาถนนหมายเลข 1192 ก่อนจะออกจากทางหลวงไปตามเส้นทางหมู่บ้านที่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรเพื่อไปถึงบ้านป่าบงเปียง

ผมรู้ดีว่าเส้นทางก่อนถึงหมู่บ้านป่าบงเปียงนั้นไม่ใช่เส้นทางที่ดี แต่ก็ได้ข่าวว่าได้รับการปรับปรุงหลายจุดแล้ว ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ความชะล่าใจ และความทะนงตัวมากเกินไป คิดว่าก็น่าจะเอาอยู่ และต่อให้มีปัญหาจริง ๆ มันก็จะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอีกอย่างในการเดินทาง

แต่ไม่พ้นบางแคดี ฝนก็เทลงมาแบบห่าใหญ่ ชนิดที่ว่าไม่ทันได้จอดใส่เสื้อกันฝน หรือเปิดผ้าคลุมกันฝนให้กระเป๋ากล้องเลย เพราะฝนตก ก็หนักจนเละแทบจะทันที ทำได้แค่จอดแบบเปียก ๆ แล้วเอาผ้าคลุมกันฝนให้กระเป๋ากล้องอย่างเดียว ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ที่แพ็คไว้ตรงเบาะคนซ้อนนั้น ผมวัดใจ อยากรู้เหมือนกันว่าจะกันน้ำได้แค่ไหน ซึ่งน่าแปลกว่า มันกันได้ดี ถึงจะรู้สึกว่าภายในจะชื้น ๆ นิด ๆ ก็ตาม แต่ตอนขากลับมากรุงเทพก็เปียกฝนนิดหน่อย แบบฝนปอย ๆ ต่อเนื่อง ก็เปียกชื้นภายในเหมือนกัน ทั้งที่น่าจะกันได้หมดถ้าแค่ปอย ๆ

จากบางแค ฝนตกอย่างหนักได้พักใหญ่ก็เริ่มเบาบางแต่ไม่หยุด กว่าฝนจะหยุดจริง ๆ ก็เกือบเข้านครสวรรค์แล้ว ผมขี่ตากฝนมาตลอด ไม่กลัวว่าจะไม่สบาย เพราะเสื้อผ้าที่ใส่นั้นปกปิดร่ายกายค่อนข้างครบ แต่อาจจะไม่สบายได้ถ้าปล่อยให้ร่างกายเย็น ๆ แบบนี้ต่อไป จึงจอดรถพักที่ปั้มน้ำมันในชัยนาท แถวอำเภอมโนรมย์ช่วงก่อน 06.00 น. ถอดผ้าปอกแขนออก เพราะมันทำให้รู้สึกชื้นแฉะมากขึ้นไปอีก แต่เสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยน ยังคงเปียกเหมือนเดิม แต่ร่างกายก็อุ่นขึ้นมากเพราะไม่ได้โดนลมปะทะจากการขี่มอเตอร์ไซค์


วิวยามเช้าน่าประทับใจเหลือเกิน มีโอกาสผมจะแวะมาที่นี่อีก แบบมาถ่ายแสงเช้าแบบหามุมเต็ม ๆ ในพื้นที่แถวนี้แบบตั้งใจไปเลย
(พิกัด https://goo.gl/maps/kso1gWx4WU52)


พักได้นานพอสมควรจึงเริ่มสังเกตุรอบตัวว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ท้องฟ้าหน้าปั้มปรากฎเป็นสีม่วงสวยงามมาก แต่เตรียมตัวไม่ค่อยทัน รีบเดินมาหน้าปั้มก็พบว่าแสงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว พยายามจับภาพพลางเสียดายโอกาส เพราะวิวด้านหน้าก็สวยใช้ได้ ทำได้แค่ถ่ายรูปตรงหน้าปั้มไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของท้องนาข้างถนนฝั่งโน้น แล้วก็ตัดสินใจรีบกลับไปเก็บข้าวของ แล้วขับรถออกมาจอดหน้าปั้มหาทำเลถ่ายรูป แต่ไม่ได้จุดที่ดีพอจึงทำได้แค่เดินข้ามถนนไปยืนถ่ายรูปตรงช่วงเกาะกลางถนน เพราะคิดว่าถ้ามั่วแต่หาจุดเลี้ยวกลับคงไม่ทันแล้ว เมื่อถ่ายรูปตรงนั้นเสร็จก็เดินทางต่อ รวมเวลาแล้วก็พักได้เกือบชั่วโมง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่