พิษสวาท (กึ่งวิพากษ์) : สวมมงกุฏ ... ตรึงกางเขน

"เพราะแม้ขณะที่ความรักสวมมงกุฎให้เธอ มันก็จะตรึงกางเขนเธอ
และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น มันก็จะลิดรอนเธอด้วย"


-- คาลิล ยิบราน

ด้วยอำนาจแห่งเทวะโองการ แผนการของเธอก็ใกล้ความจริงเข้าอีกก้าวหนึ่งแล้ว ความไหวหวั่นเมื่อวันวานสำหรับอัคนี้เปรียบดังเมฆฝนที่ผ่านเลยไป เมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาสู่วัดราชนรินทร์ ความฝันที่สีสันคล้ายความทรงจำอันไกลโพ้นลอยแวบวาบเข้ามาในห้วงคิด เสียงลากโซ่ดุจดั่งสัญญาณว่าเขาจะต้องเจอกับเธอผู้นั้น และ เมื่อหันไป "คุณสโรชินี" ก็อยู่ที่เบื้องหน้าจริง ๆ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เป็นใจ หรือ อาจจะเป็นเพราะคนทั้งสองได้กลับ "บ้าน" สถานที่แห่งความรักความหลัง แม้บัดนี้อีกฝ่ายหนึ่งจะเพิ่มเติมความชังและแค้นเคืองเข้ามา แต่อดีตสวยงามที่ต่างสัมพันธ์ข้องเกี่ยวก็ทำให้ทั้งสองรื่นรมย์กับกาลเวลาในใจตนที่ย้อนกลับไปเมื่อสมัยบ้านเมืองนั้นยัง "ดี"

กระนั้น "แขก" ที่ไม่ได้รับเชิญ และ ไม่ได้คาดคิดก็ผ่านเข้ามา "เขา" กระทำการสมกับเป็นสุภาพบุรุษ หรือ อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณก็ไม่ทราบได้ ความเกรี้ยวกราดเช่นเดียวกับตัวตนเมื่อชาติภพที่แล้วได้เปิดเผยตัวเอง เพียงได้ยินคำว่า "เรียกค่าตัว" ที่เอ่ยอ้างกล่าวถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า อาจารย์อัคนีผู้แสนจะใจเย็นก็สาวหมัดใส่ "แขก" ไม่ยั้ง ฉากนั้นภาพนั้น .... ทำให้คุณสโรชินีต้องหยุดมอง โลกของเธอหยุดหมุนลงสิ้นแล้ว หยุดหมุนมานาน เธอทุกข์ทรทรมานกับงานในหน้าที่ เป็นผู้เฝ้าทรัพย์ คุ้มครองดูแล จัดการผู้ไม่หวังดีต่อทรัพย์แผ่นดินทั้งหลาย

เธอมีหน้าที่คุ้มครอง
แต่ใครเล่าจะคุ้มครองเธอ
ความเดียวดายและทุกข์ทน
ทำให้ไม่มีจิตใจจะนึกถึง


หากวันนี้ทุกฉากทุกตอนล้วนกลับมา เธอเคยได้รับการปกป้องคุ้มครอง และ เอาใจใส่ ด้วยมือคู่เดียวกันนี้เมื่อชาติภพก่อน และ ในวันนี้มือคู่เดิมทำหน้าอย่างเดียวกันนี้อีกครั้ง ความอาบอิ่มใจระคนเศร้าทำให้หน้ากากของคุณสโรชินีกะเทาะหลุดล่อนออกทีละนิด "ไม่มีใครปกป้องดิฉันอย่างนี้นานแล้ว" ดวงใจของอุบลคิดถึงคราวที่เธอก้มลมกราบตักคุณพระเพื่อแสดงความขอบคุณ และ ขอขมาลาโทษในสิ่งไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณพระต้องขุ่นเคืองใจ วันนั้นไม่ใช่หรือเล่าที่คุณพระให้สัจจาต่อหน้าพระว่าการดูแลอุบลคนนี้ มิใช่เรื่องที่ถือเป็นบุญคุณ หากเป็นหน้าที่ที่เต็มใจกระทำ และ หวังจะใส่ใจดูแลทุกชาติสืบไป

ความทรงจำอันแสนงดงามราวน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ
ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาราวห่อหุ้มด้วยม่านน้ำแข็งอ่อนโยนลง


อ่อนโยนจนทำให้อัคนีคลายใจพอจะพูดคุยถึงความฝันที่วนเวียนซ้ำซากเกี่ยวกับผู้ชายที่หน้าเหมือนเขา และ ผู้หญิงที่หน้าเหมือนเธอ เพียงเท่านั้นเองเสียงหยันราวจะเยาะของคุณสโรชินีก็กลับคืนเป็นเจ้าเรือนอีกครั้ง ที่ผู้หญิงในฝันของเขาเปลี่ยนไปความอ่อนสดใสกลายเป็นเศร้าสร้อย ความละมุนละไมกลายเป็นแข้งกร้าวเย้ยหยันโลก "คุณน่ะหรือจะสงสารฉัน" เสียงของเธอสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ อารมณ์เข้มข้นแห่งความผิดหวังน้อยใจเสียใจบีบอัดจนเธอไม่อาจหยัดยืนด้วยบ่าตั้งตรงอย่างที่เคยเป็น

เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมต้องเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง และ ทำไมต้องรู้สึกเจ็บปวดราวกับเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดีทั้งที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากำลังสนทนากันด้วยหัวข้ออะไร แต่อยู่ ๆ เขาก็อยากจะบอกว่า "หากสามารถจะบอกสิ่งใดกับเธอผู้นั้นได้ เขาอยากจะดูแลปกป้องเธอให้ดีกว่านี้" เท่านั้นเองทำนบน้ำตาของคนทั้งคู่ก็พังทลาย ใบหน้าของเขาที่คลุกเคล้าแนบชิดมือที่เกาะกุมลูบไล้และริมฝีปากที่จูบซับน้ำตา เมื่อผู้หญิงที่อ้อมอกสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เนื้อตัวก็สั่นไหวราวเกลียวคลื่นในทะเล เขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุมันมาจากสิ่งใด แต่บางอย่างที่อยู่ในใจบอกซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ว่าเขากลับมาในที่ของตัวเองแล้ว และ เขาเป็นของ "เธอ"

ความรักความเสน่หาแห่งอดีตสวมมงกุฏให้กับสโรชินีก่อนฉีกกระชากตรึงร่างของเธอบนกางเขนอย่างโหดร้าย



ความจริงอย่างไรก็คือความจริง ผู้ชายตรงหน้าหาใช่พระอรรคของเธอไม่ เขาคืออัคนี คู่หมั้นของผู้หญิงชื่อทิพอาภา ศัตรูหัวใจของเธอในชาติก่อน ศัตรูที่เธอไม่เคยระแวดระวัง เมื่อความจริงกระชากลากเธอให้มีสติ เขาหลุดจากภวังค์และติดตามทิพอาภาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขาในชาตินี้ไป และดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างอัคนีเมื่อมีวิญญาณร้ายหาญกล้าจะเอาชีวิตเขาเพื่อเป็นตัวตายตัวแทน นี่ละสินะศักดาแห่งความรัก ความเจ็บปวดของเขาควรจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ แต่แล้วเธอกลับทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเป็นอะไรไปแม้ซักนิด

แม้จะเอ่ยอ้างถึงเทวะโองการแห่งยมเทพ
แต่มันก็ไม่อาจปิดบังรังสีแห่งความจริงไปได้


เธอ "รัก" เขา รักตลอดมา ข้อนี้อุบลรู้อยู่แก่ใจ เธออาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าเพื่อคุณพระของเธอแล้ว เอาเข้าจริง ... ไม่ว่าจะต้องลงสวรรค์ลงนรกจะต้องก่อสงครามกับภูติผีเทพเทวาองค์ใด เธอก็จะไม่มีวันถอย เธออาจจะบอกว่าชีวิต หัวใจ และ วิญญาณของคุณพระฯ เป็นของเธอ หากก็ไม่ใช่ความหมายแห่งการแก้แค้นอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่คอยดูแลแม้กระทั่งสัมภเวสีที่ผ่านไปผ่านมามิให้มารบกวน และ คงไม่มีน้ำตาทุกครั้งที่คิดถึงอดีต อุบลเอยเธอจะรู้ซึ้งหรือไม่หนอถึงศักดาแห่งความรัก เธอชื่นชมนิยมในมงกุฎที่มันสวมใส่ให้จนไม่อยากถอด แต่ก็เจ็บปวดเหลือเกินเมื่อคราวมันตรึงกางเขนแก่เธอ

จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่