รู้หรือไม่ ต้นกำเนิดของไม้กางเขนกลับหัว อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปีศาจ แถมยังเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญ

ART&CULTURE: รู้หรือไม่ ต้นกำเนิดของไม้กางเขนกลับหัว อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปีศาจ
แถมยังเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญ
(แล้วมันมาเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจได้ยังไงนะ?)
.
ถ้าจะกล่าวถึงหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ผู้คนรู้จักกันมากที่สุดในโลกแล้ว คงจะหนีไม่พ้น ‘ไม้กางเขน’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ เครื่องหมายของการที่พระเยซูลงมาตายเพื่อไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ ทว่านอกจากไม้กางเขน ก็ยังมีไม้กางเขนอีกรูปแบบหนึ่งที่รู้จักกันดีไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ‘ไม้กางเขนกลับหัว’ ที่ปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้งในภาพยนตร์สยองขวัญ โดยปรากฏเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจและซาตาน แต่รู้หรือไม่ว่า เดิมทีนั้นไม้กางเขนกลับหัวนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับปีศาจแม้แต่น้อย แถมยังเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญอีกด้วย โดยเจ้าไม้กางเขนกลับหัวนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของ ‘นักบุญปีเตอร์’ (St.Peter) หนึ่งในอัครสาวกของพระเยซู ผู้เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโลก ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกเพราะๆ ว่า ‘กางเขนของนักบุญเปโตร’ หรือ ‘Petrine Cross’
.
‘Petrine Cross’ นี้มีที่มาจากเรื่องราวชีวิตของนักบุญปีเตอร์ ในธรรมประเพณีของคาทอลิกที่เล่าว่า นักบุญปีเตอร์ถูกจักรพรรดิเนโรจับขังคุกและสั่งประหารชีวิตด้วยการตรึงกับไม้กางเขน เนื่องจากมาเผยแผ่ศาสนาในกรุงโรม ซึ่งนักบุญก็ยอมรับคำตัดสินนี้แต่โดยดีเพื่อพลีชีพให้กับพระเจ้า ทว่าก่อนที่ท่านจะถูกตรึงกางเขนนั้น ท่านก็ได้ร้องขอให้ทหารหันหัวกางเขนลงเพื่อไม่ให้ตนเองตายในท่าเดียวกับพระเยซูผู้เป็นอาจารย์ ดังนั้น กางเขนกลับหัวนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพสูงสุดที่มักบุญปีเตอร์มีต่อพระเจ้า
.
แล้วไม้กางเขนที่มีความหมายดีๆ แบบนี้ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจได้อย่างไร?
.
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากในสมัยศตวรรษที่ 19 มีชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อว่า ‘เออเจน แวงทราส์’ (Eugène Vintras) อ้างว่าตนเองเป็นประกาศกเอลียาห์กลับชาติมาเกิด ทั้งยังอ้างว่าตนเองติดต่อกับพระเยซู พระแม่มารีย์ นักบุญองค์ต่างๆ รวมไปถึงมิคาเอลหนึ่งในทูตสวรรค์ที่สำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้มาบอกให้เขาสร้างศาสนานิกายใหม่ขึ้นมา แล้วให้เผยแผ่ความเชื่อที่ว่า ยุคของพระเยซูนั้นสุดลงไปแล้ว และยุคสมัยของพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเข้ามาแทนที่ ซึ่งยุคนี้เป็นยุคแห่งอิสรภาพที่ใครจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสนใจความถูกผิด แน่นอนว่าความคิดพึลึกพิลั่นเช่นนี้ทำให้เขาถูกวาติกันประณามอย่างหนัก
.
นั่นทำให้เขาเริ่มห้อยไม้กางเขนกลับหัว รวมไปถึงดีไซน์เสื้อผ้าต่างๆ เป็นสัญลักษณ์นี้ ก่อนจะใช้มันเป็นสัญลักษณ์แทนการต่อต้านอำนาจของวาติกันไปกลายๆ ด้วย ซึ่งไม่นานนักก็เริ่มมีข่าวลือจากทางวาติกันว่า แวงทราส์เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมปีศาจ และนำเอาเรื่องทางเพศเข้ามามีส่วนร่วมในพิธีมิสซาดำ เช่นมีการสำเร็จความใคร่ใส่พระแท่นบูชาในโบสถ์ กระนั้นศาลและหน่วยงานทางศาสนาก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคำกล่าวหาจากวาติกันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และพบเพียงว่าความผิดเดียวที่เขากระทำคือ ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็ได้ตัดสินให้เขาจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ก่อนจะเนรเทศออกจากฝรั่งเศสในเวลาต่อมา การใช้ไม้กางเขนกลับหัวของแวงทราส์นี่เองจึงกลายเป็นการขับเคลื่อนแรกของสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับศาสนากระแสหลัก
.
ก่อนที่ต่อมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นไป จะมีวงดนตรีแนวเมธัลหลายวง รายการโทรทัศน์และแฟรนไชส์ภาพยนตร์หลายเรื่อง นำไม้กางเขนกลับหัวนี้ไปใช้เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระคริสต์ และลัทธิซาตาน รวมไปถึงไสยศาสตร์ อย่างภาพยนตร์สยองขวัญแห่งยุค The Amityville Horror (2005), Paranormal Activity (2007) หรือ The Conjuring (2013) ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการใช้ไม้กางเขนกลับหัวในความหมายนี้จะถูกอกถูกใจคนดูอยู่ไม่น้อย จนทำให้ความหมายเดิมอย่างการเป็นกางเขนแห่งนักบุญปีเตอร์ค่อยๆ ถูกช่วงชิงพื้นที่ไปได้ในที่สุด
.
#WORLD #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact

อ้างอิง.History Answers.Sex, Satanism & the 19th Century ‘War of the Magicians’.https://tinyurl.com/3zdn9wbx



CR. : BrandThink
https://www.facebook.com/photo?fbid=969474188074251&set=a.811136570574681
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่