ดีเอสไอ-อัยการ เห็นร่วม เบนซ์สมเด็จช่วงผิด กม.-รอประเมินภาษี-เรียกหลวงพี่แป๊ะ รับข้อหา
ดีเอสไอ-อัยการ เห็นร่วม รถสมเด็จช่วง ผิดกม.สรรพสามิต เรียกผู้ครอบครอง-คนเกี่ยวข้องแจ้งข้อหา จ่อเรียก ”หลวงพี่แป๊ะ” รับข้อหา รอประเมินภาษีก่อนออกหมายเรียกแจ้งข้อหา พบอีก 2 ราย ร่วมกระทำความผิด
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกเอกสารข่าว ผลการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการในคดีพิเศษที่ 12/2559 ซึ่งเป็นคดีการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช เป็นผู้ครอบครอง โดยเอกสารข่าวระบุว่า ส่วนที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวไปแล้วนั้น มีดังนี้
1) นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ ข้อหา “ร่วมกันลักลอบหนีศุลกากรหรือซื้อหรือรับไว้ ด้วยประการใดๆ ซึ่งของหนีภาษีศุลกากร” ตาม มาตรา 27 และ มาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบ มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2) นายเมธีนันท์ หรือ ชลัช นิติฐิติวงษ์ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 267 และ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 165
3) นายสมนึก บุญประไพ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 267 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83
เอกสารข่าวยังระบุอีกว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าคดีมีพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนในชั้นนี้ ยังรับฟังได้อีกว่า มีนายพิชัย วีระสิทธิกุล และนายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ ในความผิดตาม ข้อ 1) ด้วย ส่วนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร มีการชำระภาษีสรรพสามิตไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ สำหรับผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนจะมีความผิดตามมาตรา 161 (1) พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการ จะได้พิจารณาดำเนินการเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนในเรื่องเกี่ยวกับการประเมินภาษีเพิ่มเติมทางกรมสรรพสามิตได้พิจารณาดำเนินการแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างรอแจ้งผลการดำเนินการ จากกรมสรรพสามิต
รายงานข่าวแจ้งว่า
ดีเอสไออยู่ระหว่างการรอการประเมินภาษีจากกรมสรรพสามิต รถยนต์คันดังกล่าว ว่าส่วนที่ขาดเท่าไหร่ และบุคคลใดบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีสรรพสามิต ก่อนที่จะออกหนังสือเรียกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ครอบครอง ก่อนจะออกหนังสือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ในลำดับถัดไป ทั้งนี้เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา พระมหาศาสนมุนี (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเป็นเลขานุการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในความผิด ตามมาตรา 161 (1) พ.ร.บ.สรรพสามิต เนื่องจากเป็นผู้ครอบครอบในขั้นต้น
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วันไหนอย่างไร นั้น คงต้องรอขั้นตอนการประเมินภาษีจากกรมสรรพสามิตก่อน ว่าในช่วงเวลาหรือขั้นตอนดังกล่าวมีบุคคลเกี่ยวข้องหรือครอบครอง รถยนต์ เป็นรายชื่อใครบ้าง อีกทั้งภาษีที่ขาดการชำระตามจำนวนจริงเท่าไหร่ อย่างไร หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนถึงจะพิจารณาออกเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในลำดับถัดไป
https://www.dsi.go.th/view.aspx?tid=T0001486
ที่มา : ดีเอสไอ-มติชน : 28 กรกฎาคม 2559
http://www.alittlebuddha.com/
ไม่รอด ! ดีเอสไอชี้มูลผิดสมเด็จช่วงพ่วงหลวงพี่แป๊ะ เตรียมเรียกรับทราบข้อหา !
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกเอกสารข่าว ผลการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการในคดีพิเศษที่ 12/2559 ซึ่งเป็นคดีการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช เป็นผู้ครอบครอง โดยเอกสารข่าวระบุว่า ส่วนที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวไปแล้วนั้น มีดังนี้
1) นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ ข้อหา “ร่วมกันลักลอบหนีศุลกากรหรือซื้อหรือรับไว้ ด้วยประการใดๆ ซึ่งของหนีภาษีศุลกากร” ตาม มาตรา 27 และ มาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบ มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2) นายเมธีนันท์ หรือ ชลัช นิติฐิติวงษ์ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 267 และ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 165
3) นายสมนึก บุญประไพ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 267 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83
เอกสารข่าวยังระบุอีกว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าคดีมีพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนในชั้นนี้ ยังรับฟังได้อีกว่า มีนายพิชัย วีระสิทธิกุล และนายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ ในความผิดตาม ข้อ 1) ด้วย ส่วนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร มีการชำระภาษีสรรพสามิตไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ สำหรับผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนจะมีความผิดตามมาตรา 161 (1) พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการ จะได้พิจารณาดำเนินการเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนในเรื่องเกี่ยวกับการประเมินภาษีเพิ่มเติมทางกรมสรรพสามิตได้พิจารณาดำเนินการแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างรอแจ้งผลการดำเนินการ จากกรมสรรพสามิต
รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างการรอการประเมินภาษีจากกรมสรรพสามิต รถยนต์คันดังกล่าว ว่าส่วนที่ขาดเท่าไหร่ และบุคคลใดบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีสรรพสามิต ก่อนที่จะออกหนังสือเรียกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ครอบครอง ก่อนจะออกหนังสือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ในลำดับถัดไป ทั้งนี้เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา พระมหาศาสนมุนี (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเป็นเลขานุการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในความผิด ตามมาตรา 161 (1) พ.ร.บ.สรรพสามิต เนื่องจากเป็นผู้ครอบครอบในขั้นต้น
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วันไหนอย่างไร นั้น คงต้องรอขั้นตอนการประเมินภาษีจากกรมสรรพสามิตก่อน ว่าในช่วงเวลาหรือขั้นตอนดังกล่าวมีบุคคลเกี่ยวข้องหรือครอบครอง รถยนต์ เป็นรายชื่อใครบ้าง อีกทั้งภาษีที่ขาดการชำระตามจำนวนจริงเท่าไหร่ อย่างไร หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนถึงจะพิจารณาออกเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในลำดับถัดไป
https://www.dsi.go.th/view.aspx?tid=T0001486
ที่มา : ดีเอสไอ-มติชน : 28 กรกฎาคม 2559
http://www.alittlebuddha.com/