อาณาจักรคอร์ดูน (Corduene) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเคิร์ด เป็นอาณาจักรโบราณตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตศักราช ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำเมโสโปเตเมีย แต่ถูกรุกรานหลายครั้งจากอาณาจักรเปอร์เซีย, อาร์เมเนีย, โรมัน และออตโตมัน ก่อนล่มสลายในคริสตศตวรรษที่ 15
ปัจจุบันมีชาวเคิร์ดมีประชากรกว่า 28 ล้านคนอาศัยอยู่ในดินแดนคอร์ดูนโบราณซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เมเนีย, ตุรกี, ซีเรีย, อิรัก และอิหร่าน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเคิร์ดเรียกร้องการจัดตั้งรัฐเอกราช "เคอร์ดิสถาน" บนดินแดนคอร์ดูนโบราณ ส่งผลให้เกิดสงครามหลายครั้ง โดยเฉพาะตุรกี, อิรัก และอิหร่าน จนมีผู้ถูกเนรเทศและเสียชีวิตนับล้านคน
ปี พ.ศ.2521 ชาวเคิร์ดที่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ก่อตั้งพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Workers' Party) โดยมี อับดุลลอหฺ โอคาแลน เป็นหัวหน้า
พรรคแรงงานเคอร์ดิสถานใช้วิธีการต่อสู้แบบก่อการร้ายกับรัฐบาลตุรกี เพื่อแบ่งแยกดินแดนภาคตะวันออกของตุรกีให้เป็นรัฐเอกราช
ช่วงปี พ.ศ.2521-2536 มีการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นหลายครั้งในตุรกีจนมีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน และหายสาบสูบกว่า 10,000 คน
หลังการรัฐประหารปี พ.ศ.2523 คณะความมั่นคงแห่งชาติเข้าปกครองประเทศ และจัดให้มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญในปี พ.ศ.2525
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีข้อบัญญัติห้ามนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง 10 ปี และยุบพรรคการเมืองหลายพรรค
ปี พ.ศ.2525 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา คีนัน อีฟเรน หัวหน้าคณะรัฐประหารขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ปี พ.ศ.2526 นักการเมืองจากพรรคยุติธรรมร่วมกันก่อตั้งพรรคเส้นทางแท้จริง (True Path Party) โดยมี สุไลมาน เดมิเรล ให้การสนับสนุน
พรรคยุติธรรมส่ง ทานสุ ซินเลอร์ เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อลงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับ เตอร์กุต โอซัล จากพรรคมาตุภูมิ (Motherland Party)
เตอร์กุต โอซัล เป็นลูกครึ่งตุรกี-เคิร์ดจึงมีท่าทีประนีประนอมต่อชาวเคิร์ด สร้างความระแวงให้กับกองทัพตุรกี
ปี พ.ศ.2530 พรรคยุติธรรมร่วมกับพรรคการเมืองหลายพรรคเรียกร้องให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องการตัดสิทธินักการเมือง รัฐบาล เตอร์กุต โอซัล จึงเห็นชอบให้มีการทำประชามติ
พรรคยุติธรรมชนะการลงประชามติอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 50.2 ต่อ 49.8 ส่งผลให้ สุไลมาน เดมิเรล สามารถกลับมาลงเลือกตั้งได้อีกครั้ง
ปี พ.ศ.2531 เตอร์กุต โอซัล ถูกลอบสังหารด้วยปืน แต่โชคดีที่กระสุนพลาดถูกที่นิ้วมือของเขาจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คาทัล ดิมิแร็ก มือปืนถูกจับกุมทันที เขาต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยต่อต้านสงครามกองโจรตุรกี (Counter-Guerrilla) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา โดยมีนายพล ซาบริ เยอมิเบโซกลู เป็นผู้บัญชาการ
2 เดือนต่อมา ซาบริ เยอมิเบโซกลู ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะความมั่นคงแห่งชาติ
ปี พ.ศ.2532 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา เตอร์กุต โอซัล เป็นประธานาธิบดีต่อจาก คีนัน อีฟเรน ที่ครบวาระ ขณะที่ ยิลดิริม อาคบูลัท ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ช่วงปี พ.ศ.2533-2534 ตะวันออกกลางเกิดสงครามอ่างเปอร์เซีย ชาวเคิร์ดในอิรักก่อเหตุโจมตีอิรักหลายครั้ง หลายฝ่ายเกรงว่า ชาวเคิร์ดจะประกาศแยกตอนเหนือของอิรักเป็นรัฐเคอร์ดิสถาน
ทหารต้องการให้รัฐบาลปราบปรามชาวเคิร์ดในตุรกีเพิ่มขึ้น แต่ เตอร์กุต โอซัล กลับมีท่าทีต้องการเจรจาสันติภาพกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน
ปี พ.ศ.2534 สุไลมาน เดมิเรล ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5
20 มีนาคม 2536 เตอร์กุต โอซัล บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน ซึ่งจะปูทางไปสู่การเจรจาสันติภาพอย่างถาวร
17 เมษายน 2536 เตอร์กุต โอซัล เสียชีวิตอย่างปริศนาในห้องทำงานของเขา แพทย์ที่ชันสูตรศพสรุปว่า เขาเสียชีวิตจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
เซมรา โอซัล ภรรยาของเขาเชื่อว่า เขาถูกลอบสังหารจากการวางยาพิษในเครื่องดื่ม ตำรวจเก็บตัวอย่างเลือดของเขาไปพิสูจน์ แต่ตัวอย่างเลือดนี้กลับสูญหายอย่างไร้ร่องรอยในเวลาต่อมา
16 พฤษภาคม 2536 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา สุไลมาน เดมิเรล เป็นประธานาธิบดี
การรัฐประหารในครั้งนั้นถูกขนานนามว่า "การรัฐประหารอำพราง (Covert Military Coup)" เพราะทหารไม่มีการเคลื่อนยุทโธปกรณ์
หลายฝ่ายเชื่อว่า ทหารอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ เนื่องจากไม่พอใจ เตอร์กุต โอซัล ต่อการพยายามนำเสนอแผนสันติภาพกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน และการพยายามต่อต้านปฏิบัติการปราสาท (Castle Plan) ซึ่งมีเป้าหมายกวาดล้างพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน
การเสียชีวิตของเขายังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน บุตรชายของเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของเขารู้ตัวว่า มีคนพยายามลอบสังหารเขาหลายครั้ง รวมทั้งการพยายามทำให้เครื่องบินที่พ่อของเขาใช้เดินทางประสบอุบัติเหตุ
ปี พ.ศ.2555 มีการขุดศพของเขาตามคำสั่งศาล แต่พบว่า ศพของเขามีลักษณะที่แปลกคือ ครึ่งล่างตั้งแต่เอวลงไปเหลือแต่โครงกระดูก แต่ครึ่งบนกลับไม่เน่าเปื่อยกลายเป็นก้อนไขมันคล้ายขี้ผึ้ง (Adipocere)
จากการชันสูตรพบว่า ร่างกายของเขามีสาร DDT (สารที่ใช้ในยาฆ่าแมลง) สูงกว่าปกติหลายสิบเท่า แต่ก็เป็นไปได้ว่า อาจเกิดจากกระบวนการดองศพ
ใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารตุรกี (5)
อาณาจักรคอร์ดูน (Corduene) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเคิร์ด เป็นอาณาจักรโบราณตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตศักราช ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำเมโสโปเตเมีย แต่ถูกรุกรานหลายครั้งจากอาณาจักรเปอร์เซีย, อาร์เมเนีย, โรมัน และออตโตมัน ก่อนล่มสลายในคริสตศตวรรษที่ 15
ปัจจุบันมีชาวเคิร์ดมีประชากรกว่า 28 ล้านคนอาศัยอยู่ในดินแดนคอร์ดูนโบราณซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เมเนีย, ตุรกี, ซีเรีย, อิรัก และอิหร่าน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเคิร์ดเรียกร้องการจัดตั้งรัฐเอกราช "เคอร์ดิสถาน" บนดินแดนคอร์ดูนโบราณ ส่งผลให้เกิดสงครามหลายครั้ง โดยเฉพาะตุรกี, อิรัก และอิหร่าน จนมีผู้ถูกเนรเทศและเสียชีวิตนับล้านคน
ปี พ.ศ.2521 ชาวเคิร์ดที่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ก่อตั้งพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Workers' Party) โดยมี อับดุลลอหฺ โอคาแลน เป็นหัวหน้า
พรรคแรงงานเคอร์ดิสถานใช้วิธีการต่อสู้แบบก่อการร้ายกับรัฐบาลตุรกี เพื่อแบ่งแยกดินแดนภาคตะวันออกของตุรกีให้เป็นรัฐเอกราช
ช่วงปี พ.ศ.2521-2536 มีการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นหลายครั้งในตุรกีจนมีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน และหายสาบสูบกว่า 10,000 คน
หลังการรัฐประหารปี พ.ศ.2523 คณะความมั่นคงแห่งชาติเข้าปกครองประเทศ และจัดให้มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญในปี พ.ศ.2525
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีข้อบัญญัติห้ามนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง 10 ปี และยุบพรรคการเมืองหลายพรรค
ปี พ.ศ.2525 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา คีนัน อีฟเรน หัวหน้าคณะรัฐประหารขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ปี พ.ศ.2526 นักการเมืองจากพรรคยุติธรรมร่วมกันก่อตั้งพรรคเส้นทางแท้จริง (True Path Party) โดยมี สุไลมาน เดมิเรล ให้การสนับสนุน
พรรคยุติธรรมส่ง ทานสุ ซินเลอร์ เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อลงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับ เตอร์กุต โอซัล จากพรรคมาตุภูมิ (Motherland Party)
เตอร์กุต โอซัล เป็นลูกครึ่งตุรกี-เคิร์ดจึงมีท่าทีประนีประนอมต่อชาวเคิร์ด สร้างความระแวงให้กับกองทัพตุรกี
ปี พ.ศ.2530 พรรคยุติธรรมร่วมกับพรรคการเมืองหลายพรรคเรียกร้องให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องการตัดสิทธินักการเมือง รัฐบาล เตอร์กุต โอซัล จึงเห็นชอบให้มีการทำประชามติ
พรรคยุติธรรมชนะการลงประชามติอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 50.2 ต่อ 49.8 ส่งผลให้ สุไลมาน เดมิเรล สามารถกลับมาลงเลือกตั้งได้อีกครั้ง
ปี พ.ศ.2531 เตอร์กุต โอซัล ถูกลอบสังหารด้วยปืน แต่โชคดีที่กระสุนพลาดถูกที่นิ้วมือของเขาจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คาทัล ดิมิแร็ก มือปืนถูกจับกุมทันที เขาต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยต่อต้านสงครามกองโจรตุรกี (Counter-Guerrilla) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา โดยมีนายพล ซาบริ เยอมิเบโซกลู เป็นผู้บัญชาการ
2 เดือนต่อมา ซาบริ เยอมิเบโซกลู ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะความมั่นคงแห่งชาติ
ปี พ.ศ.2532 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา เตอร์กุต โอซัล เป็นประธานาธิบดีต่อจาก คีนัน อีฟเรน ที่ครบวาระ ขณะที่ ยิลดิริม อาคบูลัท ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ช่วงปี พ.ศ.2533-2534 ตะวันออกกลางเกิดสงครามอ่างเปอร์เซีย ชาวเคิร์ดในอิรักก่อเหตุโจมตีอิรักหลายครั้ง หลายฝ่ายเกรงว่า ชาวเคิร์ดจะประกาศแยกตอนเหนือของอิรักเป็นรัฐเคอร์ดิสถาน
ทหารต้องการให้รัฐบาลปราบปรามชาวเคิร์ดในตุรกีเพิ่มขึ้น แต่ เตอร์กุต โอซัล กลับมีท่าทีต้องการเจรจาสันติภาพกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน
ปี พ.ศ.2534 สุไลมาน เดมิเรล ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5
20 มีนาคม 2536 เตอร์กุต โอซัล บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน ซึ่งจะปูทางไปสู่การเจรจาสันติภาพอย่างถาวร
17 เมษายน 2536 เตอร์กุต โอซัล เสียชีวิตอย่างปริศนาในห้องทำงานของเขา แพทย์ที่ชันสูตรศพสรุปว่า เขาเสียชีวิตจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
เซมรา โอซัล ภรรยาของเขาเชื่อว่า เขาถูกลอบสังหารจากการวางยาพิษในเครื่องดื่ม ตำรวจเก็บตัวอย่างเลือดของเขาไปพิสูจน์ แต่ตัวอย่างเลือดนี้กลับสูญหายอย่างไร้ร่องรอยในเวลาต่อมา
16 พฤษภาคม 2536 สภาร่วมแห่งชาติตุรกีมีมติให้สถาปนา สุไลมาน เดมิเรล เป็นประธานาธิบดี
การรัฐประหารในครั้งนั้นถูกขนานนามว่า "การรัฐประหารอำพราง (Covert Military Coup)" เพราะทหารไม่มีการเคลื่อนยุทโธปกรณ์
หลายฝ่ายเชื่อว่า ทหารอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ เนื่องจากไม่พอใจ เตอร์กุต โอซัล ต่อการพยายามนำเสนอแผนสันติภาพกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน และการพยายามต่อต้านปฏิบัติการปราสาท (Castle Plan) ซึ่งมีเป้าหมายกวาดล้างพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน
การเสียชีวิตของเขายังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน บุตรชายของเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของเขารู้ตัวว่า มีคนพยายามลอบสังหารเขาหลายครั้ง รวมทั้งการพยายามทำให้เครื่องบินที่พ่อของเขาใช้เดินทางประสบอุบัติเหตุ
ปี พ.ศ.2555 มีการขุดศพของเขาตามคำสั่งศาล แต่พบว่า ศพของเขามีลักษณะที่แปลกคือ ครึ่งล่างตั้งแต่เอวลงไปเหลือแต่โครงกระดูก แต่ครึ่งบนกลับไม่เน่าเปื่อยกลายเป็นก้อนไขมันคล้ายขี้ผึ้ง (Adipocere)
จากการชันสูตรพบว่า ร่างกายของเขามีสาร DDT (สารที่ใช้ในยาฆ่าแมลง) สูงกว่าปกติหลายสิบเท่า แต่ก็เป็นไปได้ว่า อาจเกิดจากกระบวนการดองศพ