ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา


ความเดิม
http://ppantip.com/topic/35399438

ติดตามเรื่องสั้นเรื่องยาวของลิได้ที่เพจนี้นะคะ
https://www.facebook.com/L.Wilissamara/?__mref=message_bubble


ตอนที่ 10

บ้านผีสิง


โดย...ล. วิลิศมาหรา

    หลังจากโผเข้ากอดจับไม้จับมือกันแล้ว อดีตเด็กหนุ่มสาวแก๊งค์ซุปเปอร์ฮีโร่ก็พากันมาเข้ามาไหว้สวัสดีบรรดาผู้ใหญ่ ซึ่งก็อนุญาตให้ห้าหนุ่มสาวได้ทักทายพูดจากันก่อนออกเดินทางไปทำธุระที่อื่นต่อ บุรินทร์และสองสาวพอทราบว่าคนในบ้านจะรีบเดินทางไปนมัสการพระคุณเจ้าอีกวัดหนึ่งจึงชวนกันออกมายืนคุยที่รถ เพื่ออีกสักครู่จะได้ขอตัวกลับไปก่อน

    "แล้วแกไม่พาแฟนแกมาด้วยเหรออุ้ม...แหม แกสวยขึ้นพะเรอจนฝนจำแทบไม่ได้แน่ะ" แสงสินีชะเง้อมองเข้าไปในรถเก๋งคันงามของผองเพื่อน เมื่อไม่พบผู้ใดอีกจึงเอ่ยถามถึงสามีของลักขณา

    "ภพเขาต้องอยู่คอยดูแลห้าง ยิ่งหน้าเทศกาลคนยิ่งเข้าห้างเยอะ เขาให้ฉันเอาบุญกลับไปให้ที่บ้านว่ะแก" ลักขณาพูดถึงสามีรูปหล่อพลางหัวเราะเสียงใส เห็นได้ชัดถึงชีวิตคู่ที่สุขสม แสงสินีตบพุงเพื่อนสาวแล้วเย้า

    "เดี๋ยวนี้แกเอาห่วงยางไปซ่อนไว้ที่ไหนยัยอ้วน ผอมเพรียวสวยเชียวนะแก แถมหน้าเด็กลงอีกแน่ะ"

    "คนมีความรักมักทำให้ดูเด็กลงนิดนุงว้อย นังเพื่อนเลิฟ ฮ่า ฮ่า" เพื่อนสาวหุ่นเคยอวบหัวเราะร่วน ชอบอกชอบใจคำแซวจากเพื่อนรัก

    "แล้วฝนกับเต้ยล่ะ เมื่อไหร่มีข่าวดีเสียที ลูกชายเราจะโตเป็นหนุ่มแล้วนะ"

    พาฝันซึ่งยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ สามีเอ่ยถามขึ้น คำถามนั้นหนีไม่พ้นทำให้คู่รักมาราธอนต้องอึกอัก

    "นี่คงไม่คิดจะอยู่กินกันเงียบ ๆ หรอกนะแก แพมรอแต่งตัวสวย ๆ เป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่นะ"

    "บ้า...เพื่อนเจ้าสาวเขาก็ต้องหาที่ยังโสดสิ ตัวแต่งงานจนมีลูกโตแล้วใครเขาจะเอามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่อีก" ลักขณาพูดขัดติดตลก

    "เอ้า ก็แพมเป็นเพื่อนฝนจริง ๆ นี่ เจ้าสาวแก่ปูนนี้แล้ว ยังจะมีเพื่อนคนไหนโสดเหลือรอดมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้อีกล่ะ รึไม่จริง"

    "เอาล่ะ ๆ หยุดเถียงกันได้แล้ว ฝนกับเต้ยยังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้หรอก"

    แสงสินีสอดขึ้นกลางคันเสียงขรึม เพื่อนสาวทั้งสองเหลียวมองหน้าคมขำอย่างประหลาดใจในท่าทีคล้ายไม่พอใจของเพื่อนสาว เอกกวีถอนหายใจยาวอย่างอ่อนใจแล้วจึงขยายความต่อด้วยท่าทางเงื่องหงอย

    "เฮ้อ ก็เพราะเรื่องวิญญาณของแก้มที่ยังคอยวนเวียนไม่ไปผุดไปเกิดเสียทีนี่แหละ ฝนเขาเลยดึงเวลาไม่ยอมแต่งกับฉัน บอกว่าต้องรอให้แก้มไปจากที่นี่เสียก่อน ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่"

    "จริงเหรอฝน แล้วแกรู้ได้ไงว่าแก้มยังอยู่แถวนี้ แต่ถึงวิญญาณแก้มอยู่ที่นี่จริงผีกับคนก็อยู่คนละภพ ไม่เกี่ยวข้องกันสักหน่อย อุ้มว่าแก้มมันไปที่ชอบ ๆ แล้วมั้ง"

    "เปล่า...แก้มยังไม่ไปไหนหรอกอุ้ม เมื่อวานยังทำผีเข้าใส่ฝนอยู่เลย จนฝนโดนราดน้ำมนต์เปียกโชกทั้งตัวแก้มถึงยอมออก นี่พระท่านให้สร้อยพระมาห้อยคอห้ามถอดออกด้วยนะ" น้ำเสียงที่เล่าเรื่องเหนือธรรมชาติของทนายความสาวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

    "ผีเข้า..." สามหนุ่มสาวมาใหม่ร้องขึ้นพร้อมกัน เพื่อนทั้งหมดเห็นสีหน้าหวาดผวาของแสงสินีได้อย่างชัดเจน เธอแสดงออกให้เห็นว่ากลัววิญญาณอาฆาตของกวินตาจริง ๆ    

    "หมายถึงผีสิงน่ะ ผีแก้มเข้าสิงร่างฝนตอนไปถวายสังฆทานที่วัดของหลวงตาเข้ม แล้วท่านช่วยไล่ผีให้ วันนี้ท่านเลยนัดให้ไปหาแต่เช้าไงล่ะ"

    "โอ๊ะ...มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นขอพวกเราไปฟังด้วยนะ อยากรู้เรื่องวิญญาณแก้มด้วยจัง" บุรินทร์ซึ่งยืนฟังอยู่นานชักเริ่มสนใจเรื่องลี้ลับนี้ขึ้นมา เขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมปักใจเชื่อว่า วิญญาณของกวินตาจะออกมาหลอกหลอนได้จริง ๆ ดังนั้นจึงเอ่ยปากขอติดตามไปพิสูจน์เรื่องประหลาดยังวัดที่ว่านี้ด้วย

    "อยากรู้เรื่องวิญญาณแก้ม ถ้าแก้มอยู่แถวนั้นจริงเชิญมาเข้าสิงบอมนี่ก็ได้ บอมอยากคุยด้วยจัง"

    "บ้า..." คราวนี้เพื่อนทุกคนพร้อมใจกันด่าทำให้หมอบุรินทร์หัวเราะหึ หึ หมอหนุ่มขำบรรดาเพื่อน ๆ ที่เชื่อเรื่องวิญญาณของกวินตานี้มาก

    "ทำเป็นพูดเล่นไปนะบอม ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" พาฝันนิ่วหน้าขึ้นเสียงสูงดุสามี

    "ขอโทษจ้ะที่รัก ไม่ใช่จะลบหลู่อะไรนะ บอมเพียงแต่คิดถึงแก้มขึ้นมา ถ้าติดต่อสื่อสารกันได้จริงก็ดี จะได้รู้ว่าแก้มเป็นยังไงบ้าง ตกลงพวกเราไปด้วยนะเต้ย ฉันจะโทรบอกคนในคณะผ้าป่าให้ดำเนินการไปก่อน" พอถูกภรรยาดุนายแพทย์หนุ่มจึงยิ้มแหยให้เธอ แล้วเลยบอกความต้องการซ้ำ ซึ่งก็ไม่มีใครขัดข้อง

    ในที่สุดแสงสินีที่อิดออดอ้างว่าป่วยไม่อยากมาด้วยแต่แรกก็ยอมตามผองเพื่อนและทุกคนในครอบครัวไปยังวัดของหลวงตาเข้มจนได้ ทั้งหมดขับรถตรงไปวัดเป้าหมาย และเมื่อเดินทางมาถึงในวัดอันเงียบสงบ รถยนต์สองคันก็พากันแล่นเข้ามาจอดหน้ากุฏิของท่านเจ้าอาวาส ซึ่งขณะนั้นท่านคล้ายนั่งรออยู่แล้วพร้อมหญิงชายสูงอายุสามคน

    ครั้นทุกคนขึ้นมานมัสการท่านเจ้าอาวาสบนกุฏิ จึงได้เห็นหน้าคนที่นั่งเรียงรายอยู่ข้าง ๆ ตั่งนั่งไม้สักของพระภิกษุชราชัด ทิพย์วิภาและครอบครัวอดีตคนเฝ้าสวนทั้งสองถึงกับอุทานออกมาอย่างยินดี เพราะร่างชายหญิงที่นั่งรออยู่อย่างสงบนั้นคือวิชัยกับสายหยุดผู้เป็นบิดามารดาของกวินตานั่นเอง

    อดีตคนเฝ้าสวนมะม่วงทั้งหมดตรงเข้าสวมกอดกันน้ำตาซึม ต่างซักถามสารทุกข์สุกดิบเสียงขรม วิชัยกับภรรยาเล่าให้ฟังว่ากลับไปตั้งร้านขายของชำที่บ้านเกิด มีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่ายตามอัตภาพ ที่มาวันนี้เพราะหลวงตาเข้มโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องวิญญาณกวินตาปรากฏตัวอีกครั้งหลังสงบไปนานให้ฟัง เลยนึกอยากมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวคนเดียวที่นี่ สองสามีภรรยายังทำใจเรื่องลูกลำบาก แต่เวลาก็ช่วยได้มาก

เมื่ออยู่พร้อมหน้ากันแล้วหลวงตาเข้มจึงเริ่มอธิบายสิ่งที่ท่านอยากบอก

    "มีบางอย่างที่อาตมารู้สึกผิดปกติ เมื่อวานนี้ดูเหมือนวิญญาณของโยมแก้มไม่ได้มาเองแต่คล้ายโดนบังคับมา ขณะเข้าสิงร่างโยมฝนเธอจึงร้องขอความช่วยเหลือ อาตมาคิดว่า ภูตผีที่เข้าสิงร่างโยมฝนคงมีถึงสองตน อีกตนหนึ่งกบดานอยู่ลึกและคอยกำกับวิญญาณโยมแก้มที่อ่อนกว่าให้ทำตามมันต้องการ"

    ทุกคนส่งเสียงครางฮือด้วยความตกใจแกมหวาดกลัวต่อสิ่งที่ได้ยิน ก่อนหน้านี้แค่รู้ว่ามีวิญญาณของกวินตาปรากฏตัวออกมาหลอกหลอนก็พากันกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ นี่พระท่านยังมาบอกว่าอาจมีปีศาจร้ายแอบซ่อน คอยควบคุมดวงวิญญาณของกวินตาอยู่อีกตนหนึ่ง ซึ่งมันมิยิ่งแย่ไปกันใหญ่หรือ

    "มิน่า ตอนฝนถูกสิง บางครั้งก็ร้องไห้คร่ำครวญให้ช่วย บางครั้งก็ทำท่าทางน่ากลัว" เอกกวีพึมพำทำหน้าเครียด เขานึกถึงใบหน้าซูบตอบลงกะทันหันและดวงตาเรืองแสงสีเขียวคู่นั้นของแสงสินีเมื่อวานนี้ขึ้นมา

    "ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องลำบากทีเดียว"

    ผู้ชายสูงอายุอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งฟังเงียบ ๆ ห่างออกไปจากหลวงตาเข้มเล็กน้อยเอ่ยขึ้น คำพูดนั้นทำให้ทุกคนหันมามองทางเขาเป็นตาเดียว ผู้ชายคนนี้ขมวดผมยาวเป็นปมไว้ที่ท้ายทอย มีหนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เวลาเขาพูดดวงตารียาวราวดวงตาเหยี่ยวจ้องนิ่งชวนน่าเกรงขาม เขาสวมเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงขากว้างสีขาว ห้อยลูกประคำไว้ที่คอกับมีย่ามใบโต ท่าทางคล้ายพวกหมอผีนักล่าปีศาจ

    "ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่ศิษย์ร่วมอาจารย์ไสยเวทย์ของอาตมาเดินทางมาเยี่ยม นี่คือพ่อหมอผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมไล่ผีร้าย เขาชื่อหมออินทร เมื่อก่อนอาตมากับพ่อหมอเคยศึกษาอาคมด้านนี้กับอาจารย์เขมรแถวชายแดนบุรีรัมย์ด้วยกัน ต่อมาอาตมาออกบวชและเดินธุดงค์ก่อนมาจำพรรษาที่นี่เราเลยห่างเหินกันไป พ่อหมอเองก็เลิกทำคุณไสยมนต์ดำนานแล้วและหันมาฝึกจิตสายขาวแทน ไม่นึกว่าเขาจะระลึกถึงและออกตามหาอาตมาจนพบ แล้วมาหาถึงวัดวันนี้ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงคิดว่า นี่อาจเป็นโชคชะตาของพวกคุณโยมทั้งหลายก็ได้ สวรรค์ท่านคงเปิดโอกาสให้อาตมากับพ่อหมอได้ช่วยเหลือพวกโยมแล้ว"

    สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ร่างหมอผีอินทรอย่างทึ่ง ซึ่งหมอผีสูงวัยก็ก้มศีรษะลงรับคำของท่านเจ้าอาวาส

    "เป็นเช่นนั้นจริง ผมเลิกทำพิธีด้านมืดมานานแล้วคิดอยากล้างมือเสียที ปัจจุบันก็หันมาทำสมาธิขั้นสูงอย่างเดียว พอดีได้ฟังเรื่องนี้จากหลวงตาท่านเลยนึกเห็นใจ อยากช่วยวิญญาณน้องแก้มคนนี้ขึ้นมา ถึงแม้มันอาจขัดกับที่ตั้งใจเอาไว้อยู่บ้าง แต่นี่จะเป็นการทำกุศลโดยใช้ไสยเวทย์เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ผมคงลาบวชเสียที เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหมดให้กับดวงวิญญาณที่เคยละเมิดล่วงเกินทั้งหลาย ผมจึงรับปากหลวงตาว่าจะช่วยเหลือพวกคุณครับ"

    "เอ้อ พ่อหมอจะไล่ผีแบบไหนหรือครับ ช่วยเล่าพอเป็นวิทยาทานให้ผมหน่อยเถอะครับ"

    หมอบุรินทร์ซึ่งไม่ค่อยเชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์ถามขึ้นอย่างอยากลองภูมิ หมอผีชราหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวรู้ทัน อธิบายเรียบ ๆ ว่า

    "คนที่จะไล่ผีได้อันดับแรกต้องเชื่อมั่นในความดีของตัวเองเสียก่อน ที่สำคัญคือต้องไม่กลัวตาย หมอผีทุกคนผ่านการฝึกสมาธิจนแก่กล้ามีสภาวะจิตถึงขั้นสามารถท่องเข้าไปในโลกหลังความตายได้ ถ้าเป็นหมอผีฝรั่งเขาจะใช้คำสอนและศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ส่วนหมอผีไทยใช้คาถาอาคมและการฝึกจิตครับ ไล่ผีไม่ยากหรอกถ้าเรามีคุณงามความดีมากพอ คนตายไปแล้วสร้างความดีต่อไม่ได้ ย่อมพ่ายแพ้ต่อคนเป็นซึ่งสั่งสมบุญญาบารมี ทำความดีเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว"

    คำตอบอันน่าเชื่อถือสร้างขวัญและกำลังใจให้บรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในที่นั้นได้มากโข บุรินทร์เองก็รู้สึกทึ่งในคำตอบ ทุกคนต่างพากันคาดหวังว่าพ่อหมอจากแดนอีสานจะสามารถช่วยเหลือดวงวิญญาณของกวินตา ให้เธอหลุดพ้นจากการครอบงำของดวงวิญญาณปีศาจร้ายตนนั้นได้จริง ๆ

    "ผมมีคำถามข้อหนึ่งที่อยากถามคุณเจ้าของสวน คุณทิพย์วิภาใช่ไหมครับ"

        หมอผีอินทรหันมาพูดคุยกับอดีตเจ้าของสวนมะม่วงผีสิง ซึ่งทิพย์วิภาก็ขานรับ

    "ผมอยากรู้ว่าบ้านไม้สามหลังนั้นคุณสร้างด้วยไม้ที่ซื้อมาใหม่ หรือว่าซื้อบ้านเก่าเอามาสร้างใหม่ครับ"

    "อ้อ ฉันซื้อบ้านเก่าทั้งหลังแล้วเอามาสร้างใหม่ค่ะ ซื้อมาจากจังหวัดทางภาคเหนือ"

    "ตอนไปซื้อคุณทิพย์รู้ประวัติของบ้านไหมครับ" หมออาคมถามต่อ หญิงอดีตเจ้าของสวนมะม่วงส่ายหน้าทันทีแล้วรีบเล่า

    "ไม่ได้ถามหรอกค่ะ พอดีคนที่ขายให้เขามีบ้านไม้เก่าอยู่ครบสามหลังในที่ดินผืนเดียวกัน ฉันเห็นว่ามันสะดวกดีก็เลยรีบซื้อ เพราะตอนนั้นคนจะมาเฝ้าสวนให้เขาไม่มีที่อยู่กัน" หมอผีอินทรพยักหน้ารับรู้ช้า ๆ ทำท่าครุ่นคิด

    "เป็นไปได้มากว่า บ้านไม้เหล่านั้นอาจมีประวัติไม่สู้ดี เจ้าของถึงรีบขายทิ้งทั้งสามหลังพร้อมกัน หรือไม้ที่นำมาสร้างบ้านอาจเป็นไม้ต้องห้าม อย่างเช่นมีเสาบ้านเป็นไม้ตกน้ำมันซึ่งมีผีสางนางไม้สิงสู่อยู่ก่อนหน้าแล้ว หลังจากเกิดมีคนตายในบ้านนั้น ดวงวิญญาณที่กล้าแข็งกว่าก็เข้ากำกับควบคุมให้ทำตามความต้องการของมัน จากที่หลวงตาเข้มเล่าให้ผมฟัง ลักษณะของผีเข้าสิงร่างคนแบบนั้นไม่ใช่ดวงวิญญาณเดียวกันแน่นอน และภูตตนนั้นยังปรากฏตัวออกมาให้รู้อีกด้วย แสดงออกว่าพลังปีศาจของมันแกร่งกล้าไม่ใช่เล่น"

    คนที่นั่งฟังต่างพากันมีสีหน้าวิตกกับเรื่องอันชวนขนลุก วิชัยเป็นห่วงดวงวิญญาณของลูกสาวมากถึงกับครางออกมาอย่างเป็นกังวล

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่