ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
ริษยาซ่อนร่าง
ตอนที่ 19
ร่างซ่อนเร้น
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เป็นไปได้ยังไง...พาฝันตื่นตะลึง เธอไม่อยากเชื่อสายตาและสิ่งที่ได้ยินอยู่ในขณะนี้ แต่ทุกคำพูดของพระทำไมช่างเหมือนกับเรื่องที่ได้ยินจากเพื่อนในฝัน พระท่านเข้าไปรับรู้ความฝันของเธอได้อย่างนั้นหรือ...โอย ไม่น่าเชื่อ
========================================
“คุณโยม...” พระภิกษุมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจ เธอผู้นี้อาจเป็นคนเดียวที่เหลือรอดชีวิตจากอาถรรพ์ของไพ่มรณะ ไม่นับชายหนุ่มผู้อยู่แดนไกล ซึ่งเขาคนนั้นแม้ยังไม่ตาย แต่สภาพก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น
“อาตมามีสร้อยพระมาให้สามเส้น”
“สร้อยพระ...ท่านให้แพมหรือคะ”
ตาโตเบิกจ้องสร้อยห้อยพระเครื่ององค์จิ๋วสามเส้นที่พระอินทรยกขึ้นจบหน้าผากแล้ววางไว้ให้บนโต๊ะตรงหน้า ความคิดเตลิดไปถึงสร้อยพระที่แสงสินีเคยมีห้อยคอ เมื่อครั้งทำพิธีขับไล่ปีศาจออกจากตัวทนายความสาว และขณะนี้ ภิกษุอดีตหมอผีอาคมแก่กล้า ก็กำลังจะให้สร้อยพระแบบเดียวกันนั้นกับเธอ...หรือว่า
“ท่านให้สร้อยพระกับแพมทำไมเหรอคะ”
แทบกลั้นใจถาม เสียวสยองในใจวาบ ๆ สาธุ ขออย่าให้เรื่องที่นึกอยู่ในใจตอนนี้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเลย พาฝันรอฟังคำตอบด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
“อย่างที่โยมเคยรู้มาแล้ว อิทธิพลของไพ่ช่วยเสริมพลังอำนาจของปีศาจ ให้มันร้ายกาจและมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น ผีกะตนนั้นไม่ได้ถูกทำลายไป สร้อยพระที่คล้องคอโยมฝน ได้ถูกไฟอาคมเผาทำลายไปพร้อมกับผ้ายันต์ ซึ่งทำให้มันสามารถหลบหนีออกไปสิงสู่ร่างอื่นได้อีก แต่ในตอนนั้นอาตมาคิดไม่ทัน จึงต้องปล่อยให้มันหลุดรอดไปได้”
พระพูดอย่างเสียดาย ระหว่างนั่งฟังเรื่องที่พระเล่า พยาบาลสาวนั่งตัวแข็งเกร็ง ตาเธอเบิกโต ลมหายใจติดขัดขึ้นมา เธอถามตะกุกตะกักขึ้นว่า
“ท่านหมายความว่า...หมายความว่า...”
ครั้นแล้วก็เกิดอาการพูดไม่ออก พาฝันรู้สึกเหงื่อกาฬซึมตามหน้าผากและฝ่ามือทั้งสองจนเปียกชื้น
“เสียใจด้วยจริง ๆ คุณโยมเข้าใจถูกแล้ว ผีกะตนนั้นหนีออกจากซากร่างคุณฝนเข้าสิงร่างที่มันหมายตา คนที่อยู่ใกล้ตัวมันที่สุด และมันทันได้ดื่มเลือดของเขา”
“ไม่จริง...” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน
“ไม่มีทางเป็นไปได้ บอมปกติดีทุกอย่าง”
“ลองนึกดูให้ดี คุณหมอบอมปกติดีจริงหรือ” ท่าทีภิกษุอินทรยังนิ่งสงบ ขณะที่หญิงสาวเริ่มร้อนรนอยู่ในอก ท่านเอ่ยบอกเรียบ ๆ พาฝันอึ้งไป ทันใดเธอเริ่มฉุกคิด ตั้งแต่กลับมาจากเหตุการณ์สยองขวัญของแสงสินีและกวินตา บุรินทร์ไม่เคยพูดถึงเพื่อนทั้งสองอีกเลย หนำซ้ำเมื่อเธอชวนทำบุญให้เพื่อน สามีก็ชอบขัดใจ อ้างว่าติดธุระโน่นนี่ แล้วไล่เธอให้ไปทำบุญคนเดียว จากคนที่ชอบเข้าวัดฟังธรรมด้วยกันบ่อย ๆ ระยะหลังมานี้ บุรินทร์มักอ้างเรื่องงานยุ่งยากที่โรงพยาบาล ความสัมพันธ์ในบ้านห่างเหิน แม้แต่บริรักษ์ลูกชายวัยสิบห้าปีของทั้งคู่ก็ยังเคยบ่นว่าพ่อเปลี่ยนไป บุรินทร์ขลุกอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่บ้านกับภรรยาและลูก
จนกระทั่งเมื่อคืนนี้...ภาพสามีนอนตัวแข็งราวซากศพผุดขึ้นมาในความคิด พาฝันเชื่อแน่ว่าตาของเธอไม่ได้ฝาด บุรินทร์มีใบหน้าขาวซีดและไม่หายใจ ท่าทางของเขาเมันเหมือนคนตายไปแล้วชัด ๆ
“บอมถูกผีสิงหรือคะ” ถามเหมือนครางเสียงแผ่ว สีหน้าท่าทางปริวิตกอย่างขนาดหนัก พาฝันหวังว่าพระอินทรจะปฏิเสธ แต่เธอต้องผิดหวัง เพราะพระท่านพยักหน้ารับ
“อาตมาจำเป็นต้องรีบบอกก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป หมอบอมสามีของโยมตายไปเสียแล้ว แต่วิญญาณของเขายังอยู่ในซากร่าง และถูกควบคุมบังคับโดยนางผีร้าย ก่อนบวชเป็นพระ อาตมาฝึกสมาธิได้ถึงขั้นถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบ เมื่อบวชแล้วจึงฝึกจิตเพิ่มเติม ผสมกับไสยเวทย์เดิมที่ร่ำเรียนมา จนเกิดมีญาณทิพย์ ล่วงรู้ตัวตนของเหล่าปีศาจร้าย โดยเฉพาะนางผีกะตนนี้”
ท่านเว้นระยะการเล่าเพื่อดูท่าทีของหญิงสาว ครั้นเห็นเธอแม้ตกใจนั่งฟังตัวแข็งและมีเหงื่อแตกเต็มหน้า แต่เธอสงบ ดูมีสติมากกว่าที่คาดเอาไว้จึงรู้สึกโล่งใจ เล่าต่อไปว่า
“สร้อยพระสองเส้นนี้สำหรับโยมแพมกับลูกชาย ขอให้สวมใส่ไว้ตลอดเวลาอย่าถอดออกเป็นอันขาด ส่วนอีกเส้นหนึ่งนั้น โยมแพมต้องหาทางเอาสวมคอหมอบอมให้ได้ ซึ่งสร้อยพระจะเป็นเหมือนกับประตูปิดเปิดทางเข้าออกของนางผีร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีออกไปจากร่างหมอบอม แล้วเข้าสิงร่างใครได้อีกนั่นเอง”
พาฝันนั่งฟังหน้าซีดลงทุกที ในใจสับสนวุ่นวาย นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แปลกพิสดาร ไม่..ไม่จริง มันอาจเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง แต่แล้วภาพสยองขวัญบนบ้านไม้ผีสิงก็ปรากฏอยู่ในสมองอีก เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าสิ่งเหลือเชื่อเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพื่อนทั้งสามของเธอก็ตายไปแล้วจริง ๆ แถมมาเข้าฝัน บอกเรื่องราวเดียวกันกับที่พระรูปนี้เล่า ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ในที่สุดพาฝันต้องฝืนใจเอ่ยออกมา
“แล้วจะต้องทำยังไงต่อคะ”
“กำจัดอาถรรพ์ไพ่ให้ได้ ฤทธิ์ของนางปีศาจก็จะหายไป หลังจากนั้นชะตากรรมของคุณโยมจึงจะกลับมาอยู่ในที่ทางของมัน ไม่ต้องถูกกำหนดจากไพ่อีกแล้ว ส่วนคุณหมอบอม อาตมาเสียใจด้วยจริง ๆ เขาตายไปนานแล้ว”
พาฝันน้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มทันที เป็นความจริงหรือนี่ ที่เธอต้องเสียผู้ชายซึ่งรักเธอมากไปอีกคนหนึ่ง นึกถึงตลอดเวลาที่อยู่กินกันมา บุรินทร์รักเธอมั่นคง ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้เธอเสียใจ
“อาตมาคงช่วยได้เพียงส่งวิญญาณของเขาให้ไปสู่สุขคติเท่านั้น อาตมาจำวัดอยู่ที่วัดใกล้ ๆ แถวนี้ วันนี้ต้องลาคุณโยมกลับวัดไปก่อน หากสวมสร้อยพระให้หมอบอมสำเร็จ เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอน รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ส่งลูกชายไปอยู่เสียที่อื่นจะได้ปลอดภัย แต่ต้องกำชับให้เขาอย่าถอดสร้อยเด็ดขาด”
จบการสนทนาลงเมื่อสายมากแล้ว พระอินทรลุกขึ้นเตรียมตัวเดินทางกลับ โดยมีร่างของพาฝันลุกเดินตามมาส่งด้วยท่าทีที่เซื่องซึม หญิงสาวยกมือประณมไหว้พระทั้งน้ำตา พระอินทรถอนใจยาวอย่างนึกสังเวช ครั้นจะปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นลิขิตสวรรค์ที่ท่านต้องทำหน้าที่ปราบปีศาจร้ายซึ่งเหิมเกริม ท่านพยักหน้าอย่างให้กำลังใจก่อนเดินจากไป
หลังพระอินทรจากไปแล้ว พาฝันนั่งร่ำไห้อยู่คนเดียวในบ้าน แต่เมื่อนึกถึงบริรักษ์ลูกชายสุดสวาทคนเดียวของเธอ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของคุณสมศักดิ์ เรืองเดชา บิดาของลักขณา เป็นเรื่องลำบากที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจและเชื่อเรื่องราวลี้ลับที่เกิดขึ้น แต่แล้วพาฝันกลับพบว่ามันง่ายมากกว่าที่คาด เพราะทันทีที่เธอเล่าจบ สมศักดิ์ก็ตอบกลับมาว่า
“อุ้มมันมาเข้าฝันบอกพ่อเมื่อคืนนี้เหมือนกัน มันบอกว่าแพมจะโทรมาหา แล้วก็โทรมาจริง ๆ”
เพราะคำพูดประโยคนั้นของบิดาเพื่อน พาฝันถึงกับปล่อยโฮออกมาดังลั่น โธ่เอ๋ยแม่เพื่อนยาก เธอรู้แล้วว่าวิญญาณเพื่อนรักพยายามหาทางช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่
“พ่อจะเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้เลย แล้วเจอกันที่บ้านอุ้มนะแพม”
สมศักดิ์บอกก่อนวางสายไป หลังประสานกับบิดาของลักขณาเสร็จ พาฝันโทรหาปริศา หัวหน้าตึกผู้ป่วยที่เธอทำงานอยู่ ขอลางานต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ จัดการฝากฝังบริรักษ์ให้ปริศาช่วยดูแล เพราะลูกชายของทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งหัวหน้าตึกของเธอก็แสนดี รีบรับปากและเร่งให้เธอเอาข้าวของส่วนตัวพร้อมบริรักษ์มาพักด้วยได้ทันที โดยไม่ถามสักคำว่าทำไม ซึ่งพาฝันได้แต่บอกเธอว่า
“แล้วแพมจะเล่าให้ฟังวันหลังนะคะ” จากนั้นเบอร์โทรสุดท้ายที่เธอกดหาก็คือเอกกวี...
(มีต่อ)
ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 19
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
ร่างซ่อนเร้น
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เป็นไปได้ยังไง...พาฝันตื่นตะลึง เธอไม่อยากเชื่อสายตาและสิ่งที่ได้ยินอยู่ในขณะนี้ แต่ทุกคำพูดของพระทำไมช่างเหมือนกับเรื่องที่ได้ยินจากเพื่อนในฝัน พระท่านเข้าไปรับรู้ความฝันของเธอได้อย่างนั้นหรือ...โอย ไม่น่าเชื่อ
“คุณโยม...” พระภิกษุมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจ เธอผู้นี้อาจเป็นคนเดียวที่เหลือรอดชีวิตจากอาถรรพ์ของไพ่มรณะ ไม่นับชายหนุ่มผู้อยู่แดนไกล ซึ่งเขาคนนั้นแม้ยังไม่ตาย แต่สภาพก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น
“อาตมามีสร้อยพระมาให้สามเส้น”
“สร้อยพระ...ท่านให้แพมหรือคะ”
ตาโตเบิกจ้องสร้อยห้อยพระเครื่ององค์จิ๋วสามเส้นที่พระอินทรยกขึ้นจบหน้าผากแล้ววางไว้ให้บนโต๊ะตรงหน้า ความคิดเตลิดไปถึงสร้อยพระที่แสงสินีเคยมีห้อยคอ เมื่อครั้งทำพิธีขับไล่ปีศาจออกจากตัวทนายความสาว และขณะนี้ ภิกษุอดีตหมอผีอาคมแก่กล้า ก็กำลังจะให้สร้อยพระแบบเดียวกันนั้นกับเธอ...หรือว่า
“ท่านให้สร้อยพระกับแพมทำไมเหรอคะ”
แทบกลั้นใจถาม เสียวสยองในใจวาบ ๆ สาธุ ขออย่าให้เรื่องที่นึกอยู่ในใจตอนนี้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเลย พาฝันรอฟังคำตอบด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
“อย่างที่โยมเคยรู้มาแล้ว อิทธิพลของไพ่ช่วยเสริมพลังอำนาจของปีศาจ ให้มันร้ายกาจและมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น ผีกะตนนั้นไม่ได้ถูกทำลายไป สร้อยพระที่คล้องคอโยมฝน ได้ถูกไฟอาคมเผาทำลายไปพร้อมกับผ้ายันต์ ซึ่งทำให้มันสามารถหลบหนีออกไปสิงสู่ร่างอื่นได้อีก แต่ในตอนนั้นอาตมาคิดไม่ทัน จึงต้องปล่อยให้มันหลุดรอดไปได้”
พระพูดอย่างเสียดาย ระหว่างนั่งฟังเรื่องที่พระเล่า พยาบาลสาวนั่งตัวแข็งเกร็ง ตาเธอเบิกโต ลมหายใจติดขัดขึ้นมา เธอถามตะกุกตะกักขึ้นว่า
“ท่านหมายความว่า...หมายความว่า...”
ครั้นแล้วก็เกิดอาการพูดไม่ออก พาฝันรู้สึกเหงื่อกาฬซึมตามหน้าผากและฝ่ามือทั้งสองจนเปียกชื้น
“เสียใจด้วยจริง ๆ คุณโยมเข้าใจถูกแล้ว ผีกะตนนั้นหนีออกจากซากร่างคุณฝนเข้าสิงร่างที่มันหมายตา คนที่อยู่ใกล้ตัวมันที่สุด และมันทันได้ดื่มเลือดของเขา”
“ไม่จริง...” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน
“ไม่มีทางเป็นไปได้ บอมปกติดีทุกอย่าง”
“ลองนึกดูให้ดี คุณหมอบอมปกติดีจริงหรือ” ท่าทีภิกษุอินทรยังนิ่งสงบ ขณะที่หญิงสาวเริ่มร้อนรนอยู่ในอก ท่านเอ่ยบอกเรียบ ๆ พาฝันอึ้งไป ทันใดเธอเริ่มฉุกคิด ตั้งแต่กลับมาจากเหตุการณ์สยองขวัญของแสงสินีและกวินตา บุรินทร์ไม่เคยพูดถึงเพื่อนทั้งสองอีกเลย หนำซ้ำเมื่อเธอชวนทำบุญให้เพื่อน สามีก็ชอบขัดใจ อ้างว่าติดธุระโน่นนี่ แล้วไล่เธอให้ไปทำบุญคนเดียว จากคนที่ชอบเข้าวัดฟังธรรมด้วยกันบ่อย ๆ ระยะหลังมานี้ บุรินทร์มักอ้างเรื่องงานยุ่งยากที่โรงพยาบาล ความสัมพันธ์ในบ้านห่างเหิน แม้แต่บริรักษ์ลูกชายวัยสิบห้าปีของทั้งคู่ก็ยังเคยบ่นว่าพ่อเปลี่ยนไป บุรินทร์ขลุกอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่บ้านกับภรรยาและลูก
จนกระทั่งเมื่อคืนนี้...ภาพสามีนอนตัวแข็งราวซากศพผุดขึ้นมาในความคิด พาฝันเชื่อแน่ว่าตาของเธอไม่ได้ฝาด บุรินทร์มีใบหน้าขาวซีดและไม่หายใจ ท่าทางของเขาเมันเหมือนคนตายไปแล้วชัด ๆ
“บอมถูกผีสิงหรือคะ” ถามเหมือนครางเสียงแผ่ว สีหน้าท่าทางปริวิตกอย่างขนาดหนัก พาฝันหวังว่าพระอินทรจะปฏิเสธ แต่เธอต้องผิดหวัง เพราะพระท่านพยักหน้ารับ
“อาตมาจำเป็นต้องรีบบอกก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป หมอบอมสามีของโยมตายไปเสียแล้ว แต่วิญญาณของเขายังอยู่ในซากร่าง และถูกควบคุมบังคับโดยนางผีร้าย ก่อนบวชเป็นพระ อาตมาฝึกสมาธิได้ถึงขั้นถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบ เมื่อบวชแล้วจึงฝึกจิตเพิ่มเติม ผสมกับไสยเวทย์เดิมที่ร่ำเรียนมา จนเกิดมีญาณทิพย์ ล่วงรู้ตัวตนของเหล่าปีศาจร้าย โดยเฉพาะนางผีกะตนนี้”
ท่านเว้นระยะการเล่าเพื่อดูท่าทีของหญิงสาว ครั้นเห็นเธอแม้ตกใจนั่งฟังตัวแข็งและมีเหงื่อแตกเต็มหน้า แต่เธอสงบ ดูมีสติมากกว่าที่คาดเอาไว้จึงรู้สึกโล่งใจ เล่าต่อไปว่า
“สร้อยพระสองเส้นนี้สำหรับโยมแพมกับลูกชาย ขอให้สวมใส่ไว้ตลอดเวลาอย่าถอดออกเป็นอันขาด ส่วนอีกเส้นหนึ่งนั้น โยมแพมต้องหาทางเอาสวมคอหมอบอมให้ได้ ซึ่งสร้อยพระจะเป็นเหมือนกับประตูปิดเปิดทางเข้าออกของนางผีร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีออกไปจากร่างหมอบอม แล้วเข้าสิงร่างใครได้อีกนั่นเอง”
พาฝันนั่งฟังหน้าซีดลงทุกที ในใจสับสนวุ่นวาย นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แปลกพิสดาร ไม่..ไม่จริง มันอาจเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง แต่แล้วภาพสยองขวัญบนบ้านไม้ผีสิงก็ปรากฏอยู่ในสมองอีก เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าสิ่งเหลือเชื่อเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพื่อนทั้งสามของเธอก็ตายไปแล้วจริง ๆ แถมมาเข้าฝัน บอกเรื่องราวเดียวกันกับที่พระรูปนี้เล่า ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ในที่สุดพาฝันต้องฝืนใจเอ่ยออกมา
“แล้วจะต้องทำยังไงต่อคะ”
“กำจัดอาถรรพ์ไพ่ให้ได้ ฤทธิ์ของนางปีศาจก็จะหายไป หลังจากนั้นชะตากรรมของคุณโยมจึงจะกลับมาอยู่ในที่ทางของมัน ไม่ต้องถูกกำหนดจากไพ่อีกแล้ว ส่วนคุณหมอบอม อาตมาเสียใจด้วยจริง ๆ เขาตายไปนานแล้ว”
พาฝันน้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มทันที เป็นความจริงหรือนี่ ที่เธอต้องเสียผู้ชายซึ่งรักเธอมากไปอีกคนหนึ่ง นึกถึงตลอดเวลาที่อยู่กินกันมา บุรินทร์รักเธอมั่นคง ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้เธอเสียใจ
“อาตมาคงช่วยได้เพียงส่งวิญญาณของเขาให้ไปสู่สุขคติเท่านั้น อาตมาจำวัดอยู่ที่วัดใกล้ ๆ แถวนี้ วันนี้ต้องลาคุณโยมกลับวัดไปก่อน หากสวมสร้อยพระให้หมอบอมสำเร็จ เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอน รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ส่งลูกชายไปอยู่เสียที่อื่นจะได้ปลอดภัย แต่ต้องกำชับให้เขาอย่าถอดสร้อยเด็ดขาด”
จบการสนทนาลงเมื่อสายมากแล้ว พระอินทรลุกขึ้นเตรียมตัวเดินทางกลับ โดยมีร่างของพาฝันลุกเดินตามมาส่งด้วยท่าทีที่เซื่องซึม หญิงสาวยกมือประณมไหว้พระทั้งน้ำตา พระอินทรถอนใจยาวอย่างนึกสังเวช ครั้นจะปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นลิขิตสวรรค์ที่ท่านต้องทำหน้าที่ปราบปีศาจร้ายซึ่งเหิมเกริม ท่านพยักหน้าอย่างให้กำลังใจก่อนเดินจากไป
หลังพระอินทรจากไปแล้ว พาฝันนั่งร่ำไห้อยู่คนเดียวในบ้าน แต่เมื่อนึกถึงบริรักษ์ลูกชายสุดสวาทคนเดียวของเธอ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของคุณสมศักดิ์ เรืองเดชา บิดาของลักขณา เป็นเรื่องลำบากที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจและเชื่อเรื่องราวลี้ลับที่เกิดขึ้น แต่แล้วพาฝันกลับพบว่ามันง่ายมากกว่าที่คาด เพราะทันทีที่เธอเล่าจบ สมศักดิ์ก็ตอบกลับมาว่า
“อุ้มมันมาเข้าฝันบอกพ่อเมื่อคืนนี้เหมือนกัน มันบอกว่าแพมจะโทรมาหา แล้วก็โทรมาจริง ๆ”
เพราะคำพูดประโยคนั้นของบิดาเพื่อน พาฝันถึงกับปล่อยโฮออกมาดังลั่น โธ่เอ๋ยแม่เพื่อนยาก เธอรู้แล้วว่าวิญญาณเพื่อนรักพยายามหาทางช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่
“พ่อจะเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้เลย แล้วเจอกันที่บ้านอุ้มนะแพม”
สมศักดิ์บอกก่อนวางสายไป หลังประสานกับบิดาของลักขณาเสร็จ พาฝันโทรหาปริศา หัวหน้าตึกผู้ป่วยที่เธอทำงานอยู่ ขอลางานต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ จัดการฝากฝังบริรักษ์ให้ปริศาช่วยดูแล เพราะลูกชายของทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งหัวหน้าตึกของเธอก็แสนดี รีบรับปากและเร่งให้เธอเอาข้าวของส่วนตัวพร้อมบริรักษ์มาพักด้วยได้ทันที โดยไม่ถามสักคำว่าทำไม ซึ่งพาฝันได้แต่บอกเธอว่า
“แล้วแพมจะเล่าให้ฟังวันหลังนะคะ” จากนั้นเบอร์โทรสุดท้ายที่เธอกดหาก็คือเอกกวี...
(มีต่อ)