ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
ตอนที่ 20
อาถรรพ์ไพ่มรณะ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดค่ำคืนอันเลวร้ายก็ผ่านพ้น พาฝันซึ่งนอนกระสับกระส่าย ไม่อาจหลับตาลงได้เลยทั้งคืนเพราะความหวาดระแวงในตัวสามี เธอรีบลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พอแสงอาทิตย์แรกทาบทอท้องฟ้า สามีของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะอาหาร บุรินทร์มีสีหน้าเฉยชา เขาทำท่าเหมือนเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่งตัวและหิ้วกระเป๋าเอกสารลงมาทานอาหารเช้าตามปกติ
พาฝันเสียอีกที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นปกติได้ หญิงสาวแทบไม่กล้าสบตาสามี จะเอ่ยคำทักทายริมฝีปากก็หนัก และเหมือนลำคอตีบตัน คำพูดทักทายธรรมดาจะหลุดออกจากปากสักคำยังแสนยาก ได้แต่ยกชามข้าวต้มกุ้งที่เขาชอบมาวางให้ตรงหน้าด้วยมืออันสั่นระริกอย่างบังคับไม่อยู่
“เป็นอะไรไปอีก ยังคิดมากกลัวบอมเป็นผีอยู่เหรอ” นายแพทย์บุรินทร์นั่งตัวตรง ปรายตามองหน้าภรรยา
“เปล่า...” ปฏิเสธไม่เต็มเสียง เธอก้มหน้า แสร้งลุกไปรินน้ำใส่แก้วมาวางไว้ให้
“มานั่งกินด้วยกันสิแพม”
เขาบอกเสียงเข้ม พาฝันสะดุ้งน้อย ๆ เหลือบมองใบหน้าสามี ทันทีนั้น จะว่าหญิงสาวรู้สึกไปเองหรืออย่างไรกัน ทำไมเธอเหมือนไม่เคยรู้จักผู้ชายตรงหน้ามาก่อน ปากตาจมูกคิ้วคางของเขาคือบุรินทร์ แต่ครั้นประสานสายตาชั่วแวบ พาฝันก็เห็นเพียงคนแปลกหน้า ไม่อบอุ่นสนิทใจในตัวสามีเหมือนเคยสักนิด...
แต่เธอจำใจต้องถือชามข้าวต้มมานั่งทานด้วยเช่นที่เคยทำ พาฝันเลือกนั่งลงข้างเขาเพื่อหลีกหนีการประจันหน้า พลางตักข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวทานเงียบ ๆ
“เรื่องเมื่อคืนนี้บอมขอโทษ” เขาเอ่ยขึ้นก่อน พลางวางช้อนมาแตะแขนเธอ พาฝันเกือบสะดุ้ง รีบปรับท่าทีให้เป็นปกติ แต่เขาก็ยังสังเกตเห็น
“แพมทำเหมือนกลัวบอม สร้อยพระบอมก็ห้อยคออยู่นี่ไง ทำไมถึงยังทำท่ากลัวกันอยู่อีก”
คิ้วเข้มขมวดยุ่งอย่างผิดหวัง พาฝันกลืนข้าวฝืดคอ ไม่อาจอธิบายให้เขาเข้าใจได้ว่า ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่ใช่บุรินทร์ ความรู้สึกนี้มันชัดเจนไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย สิบห้าปีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา บุรินทร์ไม่มีทางทำกับเธอแบบเมื่อคืนนี้ ไม่มีทางเป็นอันขาด ต่อให้เขาโกรธแสนโกรธเขาจะไม่ทำร้ายเธอ หรือขู่ตะคอกให้เธอตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแบบนั้น ท่าทีแหงนหน้าขึ้นหัวเราะคล้ายเยาะของเขา มันช่างคล้ายคลึงกับตอนที่แสงสินีถูกผีร้ายสิงร่าง
พาฝันแน่ใจว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่สามีคนเก่าของเธออย่างแน่นอน เพียงแต่ยังนึกแปลกใจ ที่ปีศาจตนนี้ไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อสร้อยพระที่มันห้อยคออยู่ หญิงสาวเลื่อนสายตาไปจับจ้องพระเครื่ององค์น้อยที่ห้อยสายสร้อยบนลำคอเขาอย่างฉงนฉงาย บุรินทร์ก้มมองตามสายตาเธอ คราวนี้จากท่าทีไม่พอใจ เขากลับผุดยิ้มเย้ยขึ้นที่มุมปาก
“ไม่เอาน่า บอมจะเป็นผีได้ยังไง ผีต้องกลัวพระสิ จริงไหม พระอินทรเข้าใจผิดกันใหญ่โตแล้ว ถ้าพบท่านอีก แพมช่วยบอกด้วยว่า บอมห้อยสร้อยพระของท่านแล้วไม่ต้องเป็นห่วง บอมสบายดี”
นั่นสิ ท่าทางเขาก็สบายดี พาฝันชักงุนงง ขณะนั้นเอง เสียงเรียกสายเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอก็กรีดดังขึ้น
กริ๊งงงง
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นดูทันใด...เป็นสายเรียกเข้าของสมศักดิ์ บิดาของลักขณา พยาบาลสาวยังไม่กดรับในทันที เธอเหลือบตามองสามีซ้ำ เห็นเขายังจ้องเธออยู่ไม่วางตาจึงต้องกดรับสาย แล้วกรอกเสียงบอกไปว่า
“เอ้อ แพมจะโทรกลับไปอีกทีนะคะ”เสร็จแล้วรีบกดปิดทันที
“ใครโทรมา” ตาสีเข้มจนคล้ายดำมืดลุ่มลึกของบุรินทร์ที่จับจ้องเธออยู่ ทำให้หญิงสาวหนาวเยือกตามแนวไขสันหลัง ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของเขาดูใหญ่เต็มดวงตา และมองเขม็งมา ราวจะให้ทะลุเข้าไปถึงข้างในใจเธอ
“อ๋อ พ่อของอุ้มจ้ะ เขาโทรมาขอบคุณเรามั้ง แพมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” บอกเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ไม่รอให้เขาพูดอะไรต่ออีก เธอเดินผละขึ้นข้างบนทันที ได้ยินเขาร้องถามตามหลังมา
“อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนล่ะ” แต่เธอไม่หยุดเดิน รีบเข้าไปในห้องนอน ปิดล็อคประตู แล้วกดโทรศัพท์หาบิดาของเพื่อนทันที
“ตอนนี้พ่ออยู่ที่บ้านอุ้มแล้วนะแพม เจอไพ่แล้วด้วย แพมจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“เดี๋ยวแพมไปค่ะ รอบอมออกไปทำงานเสียก่อน อ้อ จำที่แพมบอกได้ไหมคะ วิธีทำลายไพ่นั่น”
“จำได้ แต่พ่อยังหาเลือดสาวบริสุทธิ์ไม่ได้ ที่มีอยู่แถวนี้มีผัวกันแล้วทั้งนั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เรื่องนั้นเดี๋ยวแพมจัดการเอง พ่อรอสักครู่นะคะ บอมออกจากบ้านแพมจะรีบไปทันทีค่ะ”
“รีบมาเร็วเข้า พ่อมีเซอร์ไพรส์แพมด้วยนะ”
“เซอร์ไพรส์เหรอคะ ได้ค่ะเดี๋ยวเจอกัน อ้อ บอมออกไปทำงานแล้วค่ะ”
ในขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับสมศักดิ์นั้นเอง พาฝันได้ยินเสียงรถยนต์ของสามีแล่นออกจากบ้าน เธอรีบบอกพ่อของอุ้มอย่างยินดี ก่อนตัดสัญญาณ เตรียมตัวเดินทางไปหาสมศักดิ์ยังบ้านของเพื่อนรัก หญิงสาวกรากไปเปิดประตูห้องนอน แต่แล้วเธอต้องตกใจแทบสิ้นสติ เธอเปิดมันไม่ออก ประตูถูกปิดล็อคจากข้างนอก!
สมศักดิ์นั่งรอเพื่อนสนิทของลูกสาวอยู่ภายในห้องรับแขก ในมือของเขาถือสำรับไพ่เอาไว้ สายตาจ้องมองดูมันอย่างเคลือบแคลงใจ เจ้าไพ่พวกนี้นี่ล่ะหรือที่กำหนดชะตาชีวิตลูกสาวคนเดียวและบรรดาเพื่อน ๆ ให้ต้องมาพบจุดจบอันน่าอนาถ ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
แว่วเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วบ้านจัดสรรหลังงาม ซึ่งเปิดทิ้งไว้เพื่อรอเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ตายไป ชายสูงวัยชะเง้อคอมองออกไปยังหน้าประตูบ้าน ที่นั่น เขาเห็นร่างสูง หล่อใสสะอาดสะอ้านของบุรินทร์เปิดประตูรถ และกำลังสาวเท้าเดินตรงเข้ามา สมศักดิ์ลุกขึ้นยืนทันทีอย่างเตรียมพร้อม...
นายแพทย์หนุ่มมาถึงชั้นล่างของบ้าน และถือวิสาสะเดินเข้ามาจนถึงนห้องรับแขก เมื่อประจันหน้ากับสมศักดิ์เขาก็ยกมือไหว้ บิดาของลักขณารับไหว้ ทำสีหน้างุนงง คนที่จะมาหาเขาตอนนี้สมควรจะเป็นพาฝัน
“แพมติดธุระด่วนครับ เธอให้ผมมารับไพ่จากพ่อไปทำลายเอง” สามีของพาฝันเปิดฉากพูดขึ้นก่อน
“อ้าว เหรอ ไม่เห็นหนูแพมบอกว่ายังไง งั้นนั่งก่อนสิ กินน้ำกินท่าให้หายเหนื่อยก่อน”
“อ้อ ไม่เป็นไรครับพ่อพอดีผมต้องรีบไป คนไข้รออยู่ ผมจะกลับเอาไพ่ไปให้แพมโดยด่วน เราต้องรีบกำจัดไพ่ครับ”
“อืม ถ้างั้นก็รบกวนด้วยนะ ไพ่อยู่นี่ไง รับไปสิ” สมศักดิ์ยื่นสำรับไพ่ส่งให้ ประกายตาของบุรินทร์วาวขึ้นวูบ เขายื่นมือไปรับมันมาทันใดด้วยอาการมือสั่นน้อย ๆ จ้องมองสำรับไพ่ราวสิ่งหวงแหนสุดชีวิตอย่างดีใจ
แต่แล้วนายแพทย์หนุ่มชะงักกึก เขาเงยหน้าขึ้นมองสมศักดิ์ ตาสีเข้มเริ่มเปล่งประกายเรื่อเรืองสีเขียวอย่างแปลกประหลาด มันค่อย ๆ เรืองแสงขึ้นเรื่อย ๆ สมศักดิ์ผงะต่อสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ร่างชราก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
“นี่ไม่ใช่ไพ่สำรับนั้น”
เสียงนุ่มทุ้มของบุรินทร์เปลี่ยนไป มันกลายเป็นเสียงห้าวแหบเครือของผู้หญิง
“เอาไพ่ของจริงมาให้ข้า ไอ้แก่”
เสียงนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นใบหน้าของหมอหนุ่มแปรเปลี่ยนไป นอกจากดวงตาภายใต้คิ้วขมวดยุ่งซึ่งกำลังเปล่งประกายเรื่อเรืองสีเขียวประหลาด ผิวหน้าเนียนขาวสะอาดของเขายังกลายเป็นมีริ้วรอยยับย่นและกร้านดำ เวลาพูดมุมปากแสยะขึ้นคล้ายแยกเขี้ยว ร่างกายสง่าผ่าเผยกลับดูเหมือนหลังงองุ้มลง ไหล่ทั้งสองยกขึ้น แขนสองข้างกางออกราวสัตว์ร้ายเตรียมพร้อมขยุ้มเหยื่อ
“เฮ้ยยย”
สมศักดิ์ร้องเสียงหลง ถอยหลังหนีลนลานเมื่อร่างน่ากลัวย่างก้าวเข้ามาหา
“ไพ่ของจริงอยู่นี่ นังผีร้าย”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นด้านหลังนายแพทย์ผีสิง มันหันขวับมามอง ตรงหน้าประตูบ้านนั้นเอง ปรากฏร่างของวิศวกรหนุ่มผู้กลับมาจากต่างแดนได้อย่างทันเวลา กับหญิงสาวอีกสองคน และพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอุ้มพระพุทธรูปมาด้วย บุคคลทั้งหมดยืนเด่นอยู่เคียงกัน
“อยากได้มันนักไม่ใช่เหรอ มาเอาไปสิ”
เอกกวีตะโกนยั่วเพื่อให้ปีศาจเปลี่ยนเป้าหมายจากบิดาของลักขณามาที่พวกตน ซึ่งก็ได้ผล ผีกะในร่างบุรินทร์แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ยามนี้มันไม่ต้องปกปิดตัวเองอีกแล้ว เพราะความลับของมันได้ถูกเปิดเผยออกจนหมดสิ้น เหล่ามนุษย์พวกนี้ล่วงรู้ว่า คนที่เห็นเป็นเพียงซากร่างของหมอหนุ่มซึ่งมีปีศาจสิงสู่ สิ่งเดียวที่ผีกะหวั่นเกรงก็คือ ไพ่อาถรรพ์ที่ส่งเสริมฤทธิ์เดชให้ตัวมันจะถูกทำลายลง ซึ่งมันยอมให้คนพวกนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ มันจึงย่างสามขุมเข้าหากลุ่มคนหน้าประตูทันที
“จัดการเลยปิ๋ม”
พาฝันซึ่งยืนหน้าเครียดอยู่ข้างเอกกวีและปริศารีบบอกหัวหน้าตึกของเธอ
ก่อนหน้าที่จะมาถึงบ้านนี้ของสองสาว หลังถูกบุรินทร์กักตัวเอาไว้ข้างในห้องนอน พาฝันรีบโทรหาปริศาให้รุดมาช่วยเหลือ เมื่อปริศาพาคนมาช่วยจนเธอสามารถออกมาจากในห้องนอนได้แล้ว สองสาวจึงรีบบึ่งรถมายังบ้านของลักขณาทันที ระหว่างทางพาฝันเล่าเรื่องคร่าว ๆ ให้ปริศาฟัง ถึงแม้ตกใจและยังไม่เชื่อถือเรื่องที่ได้ยิน แต่ปริศาก็ยอมช่วยเพื่อนและลูกน้องคนสนิท โดยเฉพาะเมื่อพาฝันบอกว่าต้องการเลือดสาวบริสุทธิ์
“ปิ๋มนี่แหละ บริสุทธิ์ซิง ๆ ริกกี้เป็นเด็กที่ปิ๋มเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ แม่เขาคลอดแล้วทิ้งไว้ในโรงพยาบาล ปิ๋มเลยรับเลี้ยงเอาไว้”
พยาบาลหัวหน้าตึกผู้ป่วยของพาฝันบอกด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง พาฝันจึงได้เลือดหญิงพรหมจรรย์มาทำพิธีล้างอาถรรพ์ไพ่จากปริศานี่เอง
ทันทีที่สิ้นเสียงร้องบอกของพาฝัน ปริศาก็ควักเอากระบอกฉีดยาขนาดห้าสิบ ซีซี ซึ่งบรรจุเลือดของเธอยู่เต็มกระบอกออกมา เอกกวีรีบเปิดสำรับไพ่ออก เผยให้เห็นไพ่ทั้งเจ็ดสิบสองใบในนั้น ปริศาฉีดเลือดสด ๆ จากกระบอกฉีดยาเข้าใส่ไพ่ทั้งหมดทันที
ย้ากกกก
เสียงแผดร้องอย่างโกรธแค้นของอมนุษย์ดังก้อง พลันนั้นบรรยากาศรอบข้างของคนทั้งหมดเริ่มเลวร้ายลง จู่ ๆ ท้องฟ้าเกิดมืดครึ้มผิดปกติ ด้วยหมู่เมฆสีดำซึ่งปรากฏขึ้นทันใดราวเนรมิตเคลื่อนตัวเข้าบดบังแสงอาทิตย์ อากาศรอบข้างของคนทั้งหมดเต็มไปด้วยแรงกดดันพิสดารและขมุกขมัวราวตกอยู่ในสายหมอกยามกำลังสนธยา ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงเวลาสาย ๆ ของวันนี้เท่านั้น
“พวกเมิงกล้าดีก็ลองดู” ผีร้ายแม้ชะงักกายนิดหนึ่งแต่ยังคำรามเสียงแหบต่ำข่มขู่ ครั้นแล้วมันก็ย่างเท้าเข้ามาหาอีก
“ไฟแช็ค...โอ๊ะ แย่แล้ว”
เอกกวีควานหาไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงก่อนใจหายวูบ เขาทำอุปกรณ์สำคัญตกหายไปหรืออย่างไรจึงหาไม่เจอ ไฟแช็คที่เตรียมมาไม่มีอยู่ในกระเป๋ากางเกง...ซวยแล้ว ไม่มีไฟจุดเผาไพ่....ผีร้ายเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มพลาด มันแยกเขี้ยว ยกมือทั้งสองข้างกางกรงเล็บแหลมคมออก ร่างกายของมันบัดนี้คล้ายขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่คับติ้ว และมีบางส่วนปริแยก
“เข้ามาในบ้านเร็ว ไปที่ห้องครัว”
สมศักดิ์ซึ่งยืนอยู่อีกฟากของบ้านตะโกนบอก ใช่แล้วในห้องครัวมีเตาแก๊ส เอกกวีนึกขึ้นได้...แต่เขาจะผ่านเจ้าผีร้ายเข้าไปในบ้านได้ยังไง เพราะร่างน่ากลัวของมันยืนแยกเขี้ยวเขย่าขวัญสั่นประสาทขวางทางอยู่อย่างนี้ เอกกวีเริ่มวิตกจนเหงื่อแตก ปีศาจตรงหน้าเขาแสยะยิ้ม มันรู้ว่าชายหนุ่มไม่กล้า ร่างชวนสยองสาวเท้าเข้ามาอีก ก่อนพุ่งทะยานเข้าหาชายหนุ่มและผู้หญิงทั้งสองซึ่งยืนถือไพ่อาถรรพ์ลังเลอยู่
“หยุด!”
เสียงทรงอำนาจของพระอินทรดังก้อง ร่างในจีวรของท่านถลันเข้าขวางทันควันก่อนที่ผีร้ายจะทันแตะถึงตัวผู้ใด ประกายเรืองรองเจิดจ้าสีขาวนวลใสบังเกิดขึ้นจากกายของท่าน คลุมร่างนักบวชเอาไว้ ร่างกระหายเลือดพุ่งเข้าปะทะกับประกายแสงประหลาดอย่างจัง แต่คลัายดังมันพุ่งชนโดนเกราะเหล็กกล้า ร่างมันจึงกระเด็นไปไกลก่อนล้มกลิ้งลงไปคลุกกับพื้น ไม่ได้แตะแม้เพียงปลายจีวรของท่าน พระภิกษุทรงอาคมยังคงอุ้มพุทธรูปองค์น้อยอยู่ในมือ ยืนขวางกลางระหว่างตัวมันกับสามหนุ่มสาวนิ่งอยู่
(มีต่อ)
ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 20
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
อาถรรพ์ไพ่มรณะ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดค่ำคืนอันเลวร้ายก็ผ่านพ้น พาฝันซึ่งนอนกระสับกระส่าย ไม่อาจหลับตาลงได้เลยทั้งคืนเพราะความหวาดระแวงในตัวสามี เธอรีบลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พอแสงอาทิตย์แรกทาบทอท้องฟ้า สามีของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะอาหาร บุรินทร์มีสีหน้าเฉยชา เขาทำท่าเหมือนเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่งตัวและหิ้วกระเป๋าเอกสารลงมาทานอาหารเช้าตามปกติ
พาฝันเสียอีกที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นปกติได้ หญิงสาวแทบไม่กล้าสบตาสามี จะเอ่ยคำทักทายริมฝีปากก็หนัก และเหมือนลำคอตีบตัน คำพูดทักทายธรรมดาจะหลุดออกจากปากสักคำยังแสนยาก ได้แต่ยกชามข้าวต้มกุ้งที่เขาชอบมาวางให้ตรงหน้าด้วยมืออันสั่นระริกอย่างบังคับไม่อยู่
“เป็นอะไรไปอีก ยังคิดมากกลัวบอมเป็นผีอยู่เหรอ” นายแพทย์บุรินทร์นั่งตัวตรง ปรายตามองหน้าภรรยา
“เปล่า...” ปฏิเสธไม่เต็มเสียง เธอก้มหน้า แสร้งลุกไปรินน้ำใส่แก้วมาวางไว้ให้
“มานั่งกินด้วยกันสิแพม”
เขาบอกเสียงเข้ม พาฝันสะดุ้งน้อย ๆ เหลือบมองใบหน้าสามี ทันทีนั้น จะว่าหญิงสาวรู้สึกไปเองหรืออย่างไรกัน ทำไมเธอเหมือนไม่เคยรู้จักผู้ชายตรงหน้ามาก่อน ปากตาจมูกคิ้วคางของเขาคือบุรินทร์ แต่ครั้นประสานสายตาชั่วแวบ พาฝันก็เห็นเพียงคนแปลกหน้า ไม่อบอุ่นสนิทใจในตัวสามีเหมือนเคยสักนิด...
แต่เธอจำใจต้องถือชามข้าวต้มมานั่งทานด้วยเช่นที่เคยทำ พาฝันเลือกนั่งลงข้างเขาเพื่อหลีกหนีการประจันหน้า พลางตักข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวทานเงียบ ๆ
“เรื่องเมื่อคืนนี้บอมขอโทษ” เขาเอ่ยขึ้นก่อน พลางวางช้อนมาแตะแขนเธอ พาฝันเกือบสะดุ้ง รีบปรับท่าทีให้เป็นปกติ แต่เขาก็ยังสังเกตเห็น
“แพมทำเหมือนกลัวบอม สร้อยพระบอมก็ห้อยคออยู่นี่ไง ทำไมถึงยังทำท่ากลัวกันอยู่อีก”
คิ้วเข้มขมวดยุ่งอย่างผิดหวัง พาฝันกลืนข้าวฝืดคอ ไม่อาจอธิบายให้เขาเข้าใจได้ว่า ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่ใช่บุรินทร์ ความรู้สึกนี้มันชัดเจนไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย สิบห้าปีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา บุรินทร์ไม่มีทางทำกับเธอแบบเมื่อคืนนี้ ไม่มีทางเป็นอันขาด ต่อให้เขาโกรธแสนโกรธเขาจะไม่ทำร้ายเธอ หรือขู่ตะคอกให้เธอตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแบบนั้น ท่าทีแหงนหน้าขึ้นหัวเราะคล้ายเยาะของเขา มันช่างคล้ายคลึงกับตอนที่แสงสินีถูกผีร้ายสิงร่าง
พาฝันแน่ใจว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่สามีคนเก่าของเธออย่างแน่นอน เพียงแต่ยังนึกแปลกใจ ที่ปีศาจตนนี้ไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อสร้อยพระที่มันห้อยคออยู่ หญิงสาวเลื่อนสายตาไปจับจ้องพระเครื่ององค์น้อยที่ห้อยสายสร้อยบนลำคอเขาอย่างฉงนฉงาย บุรินทร์ก้มมองตามสายตาเธอ คราวนี้จากท่าทีไม่พอใจ เขากลับผุดยิ้มเย้ยขึ้นที่มุมปาก
“ไม่เอาน่า บอมจะเป็นผีได้ยังไง ผีต้องกลัวพระสิ จริงไหม พระอินทรเข้าใจผิดกันใหญ่โตแล้ว ถ้าพบท่านอีก แพมช่วยบอกด้วยว่า บอมห้อยสร้อยพระของท่านแล้วไม่ต้องเป็นห่วง บอมสบายดี”
นั่นสิ ท่าทางเขาก็สบายดี พาฝันชักงุนงง ขณะนั้นเอง เสียงเรียกสายเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอก็กรีดดังขึ้น
กริ๊งงงง
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นดูทันใด...เป็นสายเรียกเข้าของสมศักดิ์ บิดาของลักขณา พยาบาลสาวยังไม่กดรับในทันที เธอเหลือบตามองสามีซ้ำ เห็นเขายังจ้องเธออยู่ไม่วางตาจึงต้องกดรับสาย แล้วกรอกเสียงบอกไปว่า
“เอ้อ แพมจะโทรกลับไปอีกทีนะคะ”เสร็จแล้วรีบกดปิดทันที
“ใครโทรมา” ตาสีเข้มจนคล้ายดำมืดลุ่มลึกของบุรินทร์ที่จับจ้องเธออยู่ ทำให้หญิงสาวหนาวเยือกตามแนวไขสันหลัง ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของเขาดูใหญ่เต็มดวงตา และมองเขม็งมา ราวจะให้ทะลุเข้าไปถึงข้างในใจเธอ
“อ๋อ พ่อของอุ้มจ้ะ เขาโทรมาขอบคุณเรามั้ง แพมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” บอกเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ไม่รอให้เขาพูดอะไรต่ออีก เธอเดินผละขึ้นข้างบนทันที ได้ยินเขาร้องถามตามหลังมา
“อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนล่ะ” แต่เธอไม่หยุดเดิน รีบเข้าไปในห้องนอน ปิดล็อคประตู แล้วกดโทรศัพท์หาบิดาของเพื่อนทันที
“ตอนนี้พ่ออยู่ที่บ้านอุ้มแล้วนะแพม เจอไพ่แล้วด้วย แพมจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“เดี๋ยวแพมไปค่ะ รอบอมออกไปทำงานเสียก่อน อ้อ จำที่แพมบอกได้ไหมคะ วิธีทำลายไพ่นั่น”
“จำได้ แต่พ่อยังหาเลือดสาวบริสุทธิ์ไม่ได้ ที่มีอยู่แถวนี้มีผัวกันแล้วทั้งนั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เรื่องนั้นเดี๋ยวแพมจัดการเอง พ่อรอสักครู่นะคะ บอมออกจากบ้านแพมจะรีบไปทันทีค่ะ”
“รีบมาเร็วเข้า พ่อมีเซอร์ไพรส์แพมด้วยนะ”
“เซอร์ไพรส์เหรอคะ ได้ค่ะเดี๋ยวเจอกัน อ้อ บอมออกไปทำงานแล้วค่ะ”
ในขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับสมศักดิ์นั้นเอง พาฝันได้ยินเสียงรถยนต์ของสามีแล่นออกจากบ้าน เธอรีบบอกพ่อของอุ้มอย่างยินดี ก่อนตัดสัญญาณ เตรียมตัวเดินทางไปหาสมศักดิ์ยังบ้านของเพื่อนรัก หญิงสาวกรากไปเปิดประตูห้องนอน แต่แล้วเธอต้องตกใจแทบสิ้นสติ เธอเปิดมันไม่ออก ประตูถูกปิดล็อคจากข้างนอก!
สมศักดิ์นั่งรอเพื่อนสนิทของลูกสาวอยู่ภายในห้องรับแขก ในมือของเขาถือสำรับไพ่เอาไว้ สายตาจ้องมองดูมันอย่างเคลือบแคลงใจ เจ้าไพ่พวกนี้นี่ล่ะหรือที่กำหนดชะตาชีวิตลูกสาวคนเดียวและบรรดาเพื่อน ๆ ให้ต้องมาพบจุดจบอันน่าอนาถ ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
แว่วเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วบ้านจัดสรรหลังงาม ซึ่งเปิดทิ้งไว้เพื่อรอเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ตายไป ชายสูงวัยชะเง้อคอมองออกไปยังหน้าประตูบ้าน ที่นั่น เขาเห็นร่างสูง หล่อใสสะอาดสะอ้านของบุรินทร์เปิดประตูรถ และกำลังสาวเท้าเดินตรงเข้ามา สมศักดิ์ลุกขึ้นยืนทันทีอย่างเตรียมพร้อม...
นายแพทย์หนุ่มมาถึงชั้นล่างของบ้าน และถือวิสาสะเดินเข้ามาจนถึงนห้องรับแขก เมื่อประจันหน้ากับสมศักดิ์เขาก็ยกมือไหว้ บิดาของลักขณารับไหว้ ทำสีหน้างุนงง คนที่จะมาหาเขาตอนนี้สมควรจะเป็นพาฝัน
“แพมติดธุระด่วนครับ เธอให้ผมมารับไพ่จากพ่อไปทำลายเอง” สามีของพาฝันเปิดฉากพูดขึ้นก่อน
“อ้าว เหรอ ไม่เห็นหนูแพมบอกว่ายังไง งั้นนั่งก่อนสิ กินน้ำกินท่าให้หายเหนื่อยก่อน”
“อ้อ ไม่เป็นไรครับพ่อพอดีผมต้องรีบไป คนไข้รออยู่ ผมจะกลับเอาไพ่ไปให้แพมโดยด่วน เราต้องรีบกำจัดไพ่ครับ”
“อืม ถ้างั้นก็รบกวนด้วยนะ ไพ่อยู่นี่ไง รับไปสิ” สมศักดิ์ยื่นสำรับไพ่ส่งให้ ประกายตาของบุรินทร์วาวขึ้นวูบ เขายื่นมือไปรับมันมาทันใดด้วยอาการมือสั่นน้อย ๆ จ้องมองสำรับไพ่ราวสิ่งหวงแหนสุดชีวิตอย่างดีใจ
แต่แล้วนายแพทย์หนุ่มชะงักกึก เขาเงยหน้าขึ้นมองสมศักดิ์ ตาสีเข้มเริ่มเปล่งประกายเรื่อเรืองสีเขียวอย่างแปลกประหลาด มันค่อย ๆ เรืองแสงขึ้นเรื่อย ๆ สมศักดิ์ผงะต่อสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ร่างชราก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
“นี่ไม่ใช่ไพ่สำรับนั้น”
เสียงนุ่มทุ้มของบุรินทร์เปลี่ยนไป มันกลายเป็นเสียงห้าวแหบเครือของผู้หญิง
“เอาไพ่ของจริงมาให้ข้า ไอ้แก่”
เสียงนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นใบหน้าของหมอหนุ่มแปรเปลี่ยนไป นอกจากดวงตาภายใต้คิ้วขมวดยุ่งซึ่งกำลังเปล่งประกายเรื่อเรืองสีเขียวประหลาด ผิวหน้าเนียนขาวสะอาดของเขายังกลายเป็นมีริ้วรอยยับย่นและกร้านดำ เวลาพูดมุมปากแสยะขึ้นคล้ายแยกเขี้ยว ร่างกายสง่าผ่าเผยกลับดูเหมือนหลังงองุ้มลง ไหล่ทั้งสองยกขึ้น แขนสองข้างกางออกราวสัตว์ร้ายเตรียมพร้อมขยุ้มเหยื่อ
“เฮ้ยยย”
สมศักดิ์ร้องเสียงหลง ถอยหลังหนีลนลานเมื่อร่างน่ากลัวย่างก้าวเข้ามาหา
“ไพ่ของจริงอยู่นี่ นังผีร้าย”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นด้านหลังนายแพทย์ผีสิง มันหันขวับมามอง ตรงหน้าประตูบ้านนั้นเอง ปรากฏร่างของวิศวกรหนุ่มผู้กลับมาจากต่างแดนได้อย่างทันเวลา กับหญิงสาวอีกสองคน และพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอุ้มพระพุทธรูปมาด้วย บุคคลทั้งหมดยืนเด่นอยู่เคียงกัน
“อยากได้มันนักไม่ใช่เหรอ มาเอาไปสิ”
เอกกวีตะโกนยั่วเพื่อให้ปีศาจเปลี่ยนเป้าหมายจากบิดาของลักขณามาที่พวกตน ซึ่งก็ได้ผล ผีกะในร่างบุรินทร์แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ยามนี้มันไม่ต้องปกปิดตัวเองอีกแล้ว เพราะความลับของมันได้ถูกเปิดเผยออกจนหมดสิ้น เหล่ามนุษย์พวกนี้ล่วงรู้ว่า คนที่เห็นเป็นเพียงซากร่างของหมอหนุ่มซึ่งมีปีศาจสิงสู่ สิ่งเดียวที่ผีกะหวั่นเกรงก็คือ ไพ่อาถรรพ์ที่ส่งเสริมฤทธิ์เดชให้ตัวมันจะถูกทำลายลง ซึ่งมันยอมให้คนพวกนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ มันจึงย่างสามขุมเข้าหากลุ่มคนหน้าประตูทันที
“จัดการเลยปิ๋ม”
พาฝันซึ่งยืนหน้าเครียดอยู่ข้างเอกกวีและปริศารีบบอกหัวหน้าตึกของเธอ
ก่อนหน้าที่จะมาถึงบ้านนี้ของสองสาว หลังถูกบุรินทร์กักตัวเอาไว้ข้างในห้องนอน พาฝันรีบโทรหาปริศาให้รุดมาช่วยเหลือ เมื่อปริศาพาคนมาช่วยจนเธอสามารถออกมาจากในห้องนอนได้แล้ว สองสาวจึงรีบบึ่งรถมายังบ้านของลักขณาทันที ระหว่างทางพาฝันเล่าเรื่องคร่าว ๆ ให้ปริศาฟัง ถึงแม้ตกใจและยังไม่เชื่อถือเรื่องที่ได้ยิน แต่ปริศาก็ยอมช่วยเพื่อนและลูกน้องคนสนิท โดยเฉพาะเมื่อพาฝันบอกว่าต้องการเลือดสาวบริสุทธิ์
“ปิ๋มนี่แหละ บริสุทธิ์ซิง ๆ ริกกี้เป็นเด็กที่ปิ๋มเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ แม่เขาคลอดแล้วทิ้งไว้ในโรงพยาบาล ปิ๋มเลยรับเลี้ยงเอาไว้”
พยาบาลหัวหน้าตึกผู้ป่วยของพาฝันบอกด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง พาฝันจึงได้เลือดหญิงพรหมจรรย์มาทำพิธีล้างอาถรรพ์ไพ่จากปริศานี่เอง
ทันทีที่สิ้นเสียงร้องบอกของพาฝัน ปริศาก็ควักเอากระบอกฉีดยาขนาดห้าสิบ ซีซี ซึ่งบรรจุเลือดของเธอยู่เต็มกระบอกออกมา เอกกวีรีบเปิดสำรับไพ่ออก เผยให้เห็นไพ่ทั้งเจ็ดสิบสองใบในนั้น ปริศาฉีดเลือดสด ๆ จากกระบอกฉีดยาเข้าใส่ไพ่ทั้งหมดทันที
ย้ากกกก
เสียงแผดร้องอย่างโกรธแค้นของอมนุษย์ดังก้อง พลันนั้นบรรยากาศรอบข้างของคนทั้งหมดเริ่มเลวร้ายลง จู่ ๆ ท้องฟ้าเกิดมืดครึ้มผิดปกติ ด้วยหมู่เมฆสีดำซึ่งปรากฏขึ้นทันใดราวเนรมิตเคลื่อนตัวเข้าบดบังแสงอาทิตย์ อากาศรอบข้างของคนทั้งหมดเต็มไปด้วยแรงกดดันพิสดารและขมุกขมัวราวตกอยู่ในสายหมอกยามกำลังสนธยา ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงเวลาสาย ๆ ของวันนี้เท่านั้น
“พวกเมิงกล้าดีก็ลองดู” ผีร้ายแม้ชะงักกายนิดหนึ่งแต่ยังคำรามเสียงแหบต่ำข่มขู่ ครั้นแล้วมันก็ย่างเท้าเข้ามาหาอีก
“ไฟแช็ค...โอ๊ะ แย่แล้ว”
เอกกวีควานหาไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงก่อนใจหายวูบ เขาทำอุปกรณ์สำคัญตกหายไปหรืออย่างไรจึงหาไม่เจอ ไฟแช็คที่เตรียมมาไม่มีอยู่ในกระเป๋ากางเกง...ซวยแล้ว ไม่มีไฟจุดเผาไพ่....ผีร้ายเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มพลาด มันแยกเขี้ยว ยกมือทั้งสองข้างกางกรงเล็บแหลมคมออก ร่างกายของมันบัดนี้คล้ายขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่คับติ้ว และมีบางส่วนปริแยก
“เข้ามาในบ้านเร็ว ไปที่ห้องครัว”
สมศักดิ์ซึ่งยืนอยู่อีกฟากของบ้านตะโกนบอก ใช่แล้วในห้องครัวมีเตาแก๊ส เอกกวีนึกขึ้นได้...แต่เขาจะผ่านเจ้าผีร้ายเข้าไปในบ้านได้ยังไง เพราะร่างน่ากลัวของมันยืนแยกเขี้ยวเขย่าขวัญสั่นประสาทขวางทางอยู่อย่างนี้ เอกกวีเริ่มวิตกจนเหงื่อแตก ปีศาจตรงหน้าเขาแสยะยิ้ม มันรู้ว่าชายหนุ่มไม่กล้า ร่างชวนสยองสาวเท้าเข้ามาอีก ก่อนพุ่งทะยานเข้าหาชายหนุ่มและผู้หญิงทั้งสองซึ่งยืนถือไพ่อาถรรพ์ลังเลอยู่
“หยุด!”
เสียงทรงอำนาจของพระอินทรดังก้อง ร่างในจีวรของท่านถลันเข้าขวางทันควันก่อนที่ผีร้ายจะทันแตะถึงตัวผู้ใด ประกายเรืองรองเจิดจ้าสีขาวนวลใสบังเกิดขึ้นจากกายของท่าน คลุมร่างนักบวชเอาไว้ ร่างกระหายเลือดพุ่งเข้าปะทะกับประกายแสงประหลาดอย่างจัง แต่คลัายดังมันพุ่งชนโดนเกราะเหล็กกล้า ร่างมันจึงกระเด็นไปไกลก่อนล้มกลิ้งลงไปคลุกกับพื้น ไม่ได้แตะแม้เพียงปลายจีวรของท่าน พระภิกษุทรงอาคมยังคงอุ้มพุทธรูปองค์น้อยอยู่ในมือ ยืนขวางกลางระหว่างตัวมันกับสามหนุ่มสาวนิ่งอยู่
(มีต่อ)