M1903 คือหนึ่งในปืนไรเฟิลที่ผมชอบมากที่สุดในสงครามโลกทั้งครั้งที่ 1 และ 2 ด้วยความที่มันดูแลรักษาง่าย มีความแม่นยำสูง ประสิทธิภาพดีไม่เป็นรองใคร แต่กว่าจะมาเป็นตัวนี้ก็ต้องผ่านต้นแบบมาก่อน เราจะไปดูประวัติของตัวต้นแบบตัวนี้กัน
ในปี 1898 สหรัฐได้เกิดความขัดแย้งกับสเปนอย่างรุนแรงเมื่อเรือรบสหรัฐเกิดระเบิดขึ้น โดยสหรัฐได้กล่าวว่าสเปนเป็นต้นเหตุ เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การใช้กำลังทหารกลายเป็นสงคราม 3 เดือน ในชื่อสงคราม สหรัฐ - สเปน ในสมรภูมิที่หุบเขา San juan ทหารสเปนเพียง 750 นาย สามารถยันกองทัพสหรัฐที่มีกองกำลังถึง 15000 นาย หรือมากกว่าสเปนประมาณ 20 เท่า ได้อย่างเหนียวแน่น จนสหรัฐเริ่มแคลงใจว่าทำไมไอ้มะเขือเทศอย่างมันถึงยันกองทัพแฮมเบอร์เกอร์อย่างกูได้อย่างเหนียวแน่นขนาดนี้วะทั้งๆที่กูมีคนเยอะกว่ามันต้องเยอะ มันทำได้อย่างไรกัน!
ทั้ง 2 ฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือดจนในที่สุดสหรัฐก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ก็เสียทหารไปเกือบ 1500 นาย ในขณะที่สเปนเสียไปเกือบ 600 นาย มีการสอบสวนกันอย่างหนักถึงสาเหตุที่ทำให้ทหารสหรัฐเสียคนเยอะไปขนาดนี้ทั้งๆที่เจอทหารสเปนไม่กี่ร้อย จนในที่สุดสหรัฐก็พบสาเหตุหลังจากเอาปืนไรเฟิลที่ยึดได้จากสเปนมาแงะอย่างละเอียด ก็ทำให้ตนถึงกับร้องอ๋ออ!! แบบนี้นี่เอง
สหรัฐพบว่าปืนไรเฟิลที่ตนเองใช้อย่าง Krag Jorgensen M1892/99 นั้นมีประสิทธิภาพที่ "กาก" เกินไปเมื่อเทียบกับปืนไรเฟิลแบบ Spanish M1893 หรืออีกชื่อคือ Spanish Mauser เพราะตัวปืนมีพื้นฐานที่มาจากปืนไรเฟิล Mauser ที่แสนขึ้นชื่อของเยอรมัน ถึงแม้ปืนไรเฟิลทั้ง 2 กระบอกจะเป็นปืนแบบ Bolt-action เหมือนกัน แต่รายละเอียดนั้นต่างกันสุดขั้ว อย่างแรก M1893 ของสเปนนั้นบรรจุกระสุนได้เร็วกว่า กระสุนที่ใช้เป็นกระสุนแบบแรงดันสูงที่มีอำนาจการทำลายล้างและการสังหารที่สูงกว่า ปืนแบบ Mauser ของสเปนนั้นมีความแม่นยำกว่า ดูแลรักษาง่ายและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
Krag M1892/99
เทียบกับของสหรัฐปืนไรเฟิล M1892/99 ของตัวเองนั้นจุกระสุนได้ช้ากว่าถึงแม้จะบรรจุได้ 5 นัดเท่ากับของสเปนแต่การบรรจุนั้นต้องยัดกระสุนลงหีบทีละนัด เทียบกับของสเปนที่ยัดแบบคลิป 5 นัดลงไปรวดเดียวนั้นเร็วกว่าแบบยัดทีละนัดของสหรัฐมาก ที่สำคัญคือกระสุนปืนที่สหรัฐใช้เป็นแบบแรงดันต่ำประสิทธิภาพสู้กระสุนของสเปนไม่ได้ จนนำไปสู่การพัฒนากระสุนชนิดใหม่แรงดันสูงเป็นที่มาของกระสุนขนาด 7.62 x 63 mm หรือกระสุนขนาด .30 - 06 นิ้ว อันโด่งดัง
สหรัฐพยายามลองใช้กระสุนแบบใหม่กับปืนไรเฟิล M1892/99 ของตัวเองพบว่า Bolt แบบปีกขัดกลอนชิ้นเดียวของตัวเองไม่สามารถใช้กับกระสุนแบบใหม่นี้ได้ แล้วทำไมปืนไรเฟิลของไอ้มะเขือเทศมันถึงใช้ได้วะ? สหรัฐจึงไปแงะปืนไรเฟิลที่ยึดมาจากสเปนดูอีกรอบแล้วก็ต้องร้อง อ๋อออออ!! อีกรอบ สหรัฐก็พบว่า Bolt ตัวปืนไรเฟิลสเปนนั้นเป็นแบบปีกขัดกลอน 2 ชิ้น ซึ่งเป็น Bolt ที่ถูกออกแบบโดยบริษัท Mauser ของเยอรมันที่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้กับกระสุนแรงดันสูงโดยเฉพาะ
ซึ่งสหรัฐประทับใจในประสิทธิภาพของ Bolt ปืนจากบริษัท Mauser ของเยอรมันอย่างมาก เพราะมันทั้งใช้งานง่าย น้ำหนักเบา มีความน่าเชื่อถือ ดูแลรักษาสะดวก ของดีโคตรๆแบบนี้มีหรือที่พี่จะไม่เอา!!
เมื่อได้ของดีมาอยู่ในมือ สหรัฐไม่รอช้าจึงได้ตัดสินละทิ้งปืนไรเฟิลแบบ M1892/99 ของตนเองแล้วสั่งให้บริษัท SpringField - Armory พัฒนาปืนไรเฟิลชนิดใหม่โดยมันต้องดีกว่าของที่สเปนใช้ บริษัท SpringField จึงนำปืนไรเฟิล M1893 ของสเปนมาทำวิศวกรรมย้อนกลับอีกครั้ง โดยออกรังเพลิงแบบให้ใช้กับกระสุนชนิดใหม่ของกองทัพสหรัฐและพัฒนาเรื่อยมาแก้ไขจุดด้อยต่างๆจนไปสู่ตัวต้นแบบอย่าง Springfield M1901 พี่ชายของ Springfield M1903 ที่ทุกคนต้องรู้จักนั่นเอง
m1901
ปืน Springfield M1901 ตัวต้นแบบของปืน Springfield M1903 ที่ทุกคนต้องรู้จัก
ในปี 1898 สหรัฐได้เกิดความขัดแย้งกับสเปนอย่างรุนแรงเมื่อเรือรบสหรัฐเกิดระเบิดขึ้น โดยสหรัฐได้กล่าวว่าสเปนเป็นต้นเหตุ เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การใช้กำลังทหารกลายเป็นสงคราม 3 เดือน ในชื่อสงคราม สหรัฐ - สเปน ในสมรภูมิที่หุบเขา San juan ทหารสเปนเพียง 750 นาย สามารถยันกองทัพสหรัฐที่มีกองกำลังถึง 15000 นาย หรือมากกว่าสเปนประมาณ 20 เท่า ได้อย่างเหนียวแน่น จนสหรัฐเริ่มแคลงใจว่าทำไมไอ้มะเขือเทศอย่างมันถึงยันกองทัพแฮมเบอร์เกอร์อย่างกูได้อย่างเหนียวแน่นขนาดนี้วะทั้งๆที่กูมีคนเยอะกว่ามันต้องเยอะ มันทำได้อย่างไรกัน!
ทั้ง 2 ฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือดจนในที่สุดสหรัฐก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ก็เสียทหารไปเกือบ 1500 นาย ในขณะที่สเปนเสียไปเกือบ 600 นาย มีการสอบสวนกันอย่างหนักถึงสาเหตุที่ทำให้ทหารสหรัฐเสียคนเยอะไปขนาดนี้ทั้งๆที่เจอทหารสเปนไม่กี่ร้อย จนในที่สุดสหรัฐก็พบสาเหตุหลังจากเอาปืนไรเฟิลที่ยึดได้จากสเปนมาแงะอย่างละเอียด ก็ทำให้ตนถึงกับร้องอ๋ออ!! แบบนี้นี่เอง
สหรัฐพบว่าปืนไรเฟิลที่ตนเองใช้อย่าง Krag Jorgensen M1892/99 นั้นมีประสิทธิภาพที่ "กาก" เกินไปเมื่อเทียบกับปืนไรเฟิลแบบ Spanish M1893 หรืออีกชื่อคือ Spanish Mauser เพราะตัวปืนมีพื้นฐานที่มาจากปืนไรเฟิล Mauser ที่แสนขึ้นชื่อของเยอรมัน ถึงแม้ปืนไรเฟิลทั้ง 2 กระบอกจะเป็นปืนแบบ Bolt-action เหมือนกัน แต่รายละเอียดนั้นต่างกันสุดขั้ว อย่างแรก M1893 ของสเปนนั้นบรรจุกระสุนได้เร็วกว่า กระสุนที่ใช้เป็นกระสุนแบบแรงดันสูงที่มีอำนาจการทำลายล้างและการสังหารที่สูงกว่า ปืนแบบ Mauser ของสเปนนั้นมีความแม่นยำกว่า ดูแลรักษาง่ายและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
Krag M1892/99
เทียบกับของสหรัฐปืนไรเฟิล M1892/99 ของตัวเองนั้นจุกระสุนได้ช้ากว่าถึงแม้จะบรรจุได้ 5 นัดเท่ากับของสเปนแต่การบรรจุนั้นต้องยัดกระสุนลงหีบทีละนัด เทียบกับของสเปนที่ยัดแบบคลิป 5 นัดลงไปรวดเดียวนั้นเร็วกว่าแบบยัดทีละนัดของสหรัฐมาก ที่สำคัญคือกระสุนปืนที่สหรัฐใช้เป็นแบบแรงดันต่ำประสิทธิภาพสู้กระสุนของสเปนไม่ได้ จนนำไปสู่การพัฒนากระสุนชนิดใหม่แรงดันสูงเป็นที่มาของกระสุนขนาด 7.62 x 63 mm หรือกระสุนขนาด .30 - 06 นิ้ว อันโด่งดัง
สหรัฐพยายามลองใช้กระสุนแบบใหม่กับปืนไรเฟิล M1892/99 ของตัวเองพบว่า Bolt แบบปีกขัดกลอนชิ้นเดียวของตัวเองไม่สามารถใช้กับกระสุนแบบใหม่นี้ได้ แล้วทำไมปืนไรเฟิลของไอ้มะเขือเทศมันถึงใช้ได้วะ? สหรัฐจึงไปแงะปืนไรเฟิลที่ยึดมาจากสเปนดูอีกรอบแล้วก็ต้องร้อง อ๋อออออ!! อีกรอบ สหรัฐก็พบว่า Bolt ตัวปืนไรเฟิลสเปนนั้นเป็นแบบปีกขัดกลอน 2 ชิ้น ซึ่งเป็น Bolt ที่ถูกออกแบบโดยบริษัท Mauser ของเยอรมันที่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้กับกระสุนแรงดันสูงโดยเฉพาะ
ซึ่งสหรัฐประทับใจในประสิทธิภาพของ Bolt ปืนจากบริษัท Mauser ของเยอรมันอย่างมาก เพราะมันทั้งใช้งานง่าย น้ำหนักเบา มีความน่าเชื่อถือ ดูแลรักษาสะดวก ของดีโคตรๆแบบนี้มีหรือที่พี่จะไม่เอา!!
เมื่อได้ของดีมาอยู่ในมือ สหรัฐไม่รอช้าจึงได้ตัดสินละทิ้งปืนไรเฟิลแบบ M1892/99 ของตนเองแล้วสั่งให้บริษัท SpringField - Armory พัฒนาปืนไรเฟิลชนิดใหม่โดยมันต้องดีกว่าของที่สเปนใช้ บริษัท SpringField จึงนำปืนไรเฟิล M1893 ของสเปนมาทำวิศวกรรมย้อนกลับอีกครั้ง โดยออกรังเพลิงแบบให้ใช้กับกระสุนชนิดใหม่ของกองทัพสหรัฐและพัฒนาเรื่อยมาแก้ไขจุดด้อยต่างๆจนไปสู่ตัวต้นแบบอย่าง Springfield M1901 พี่ชายของ Springfield M1903 ที่ทุกคนต้องรู้จักนั่นเอง
m1901