Tso Moriri อีกหนึ่งปลายทางที่ไม่ควรพลาดใน Leh

กระทู้แรกในชีวิตขอนำเสนอรูป
เส้นทางจากเลห์ไป Tsomoriri
อย่างที่รู้กันว่า Tso หมายถึงทะเลสาบ
ที่นี่ก็คือทะเลสาบ Moriri ชื่อดูญี่ปุ่นมาก
แต่อยู่ในแคชเมียร์ อินเดีย
หลายคนไปเลห์แต่ไม่ได้ไปที่นี่เพราะมันไกลพอๆกับเส้น Nubra
ไม่สามารถทำเวลาไปเช้า เย็นกลับได้
และสำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว
หยุดรวมกันได้ 7 วันก็เต็มที่แล้วป่ะ
ใช่ เราและเพื่อนอีกสองคนไปทริปนี้
ตอนที่สองในสามกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนงานพอดี
อีกคนก็เก็บตุนวันลาได้
งั้นเอาไปเลยจ้าทริปยาว 9 วัน
บอกก่อน แพลนตอนแรกที่เราวางไว้โดนสับเปลี่ยนหมดเลย
เพราะอากาศไม่เป็นใจ
เจ้าของโฮสเทลที่เราติดต่อไว้
นอกจากจะจัดการเรื่องรถให้แล้ว
ยังพยากรณ์ท้องฟ้าที่มีผลต่อสีของทะเลสาบให้เราด้วย
เขาบอกว่าวันที่เราแพลนจะไปนอนที่ Pangong
เราควรจะไปนอนที่ Tso Moriri แทน
เพราะ Pangong ไปเช้าเย็นกลับได้
และถ้าเราไป Pangong วันนั้น
เราจะเห็นท้องน้ำสีขาวขุ่น ไม่สวย เพราะฝนตก
แต่ที่ Tso Moriri น้ำจะมีสีสวย
ถึงอย่างนั้น อากาศทั้งที่ Pangong กับ Moriri ก็หนาวพอกัน
คือติดลบ 13-15 อืมมม ไปไหนก็ไป
มาถึงแล้วขอให้ได้ไปก็พอ
ผลคือทางไปและกลับเส้น Tso Moriri
กลายเป็นเส้นที่เราชอบที่สุดในทริป
อย่างที่รู้กันคือแต่ละเส้นทางในเลห์มีความงามกันคนละแบบ
และอย่างที่อาจจะไม่รู้กันคือเส้นทางไป Tso Moriri ใช้ทางไปเดียวกับ Pangong
ประมาณสิบหรือยี่สิบกิโล
และมีทางส่วนหนึ่งที่เป็นทางเดียวกับ Leh-Manali
ผ่าน Taglangla Pass
เป็น pass ที่สูงอันดับสองรองจาก Khardungla Pass
และเราสามารถไปและกลับ Tso Moriri ได้ทั้งสองเส้น งงมะ

เราใช้กล้อง canon 700D
เลนส์ kit 18-55 อย่างเดียวเลย
โหมดที่ใช้ส่วนมากเป็น sport
และรูปที่ได้ส่วนใหญ่เลยมาจากการนั่งในรถที่วิ่งอยู่ #nofilter
จริงๆ รูปในทริปนี้ที่ลงในไอจีและเฟส
จะใส่ filter ของ vsco บ้าง
แต่ที่เอามาลงกระทู้นี้จะ #nofilter ทั้งหมด
ด้วยเหตุผลหลายอย่าง

เดินทางตั้งแต่ปลายเดือนกันยาปีที่แล้ว
แต่ช่วงนี้คิดถึงอินเดียมาก
และเพื่อนๆ ไปเลห์กันเยอะมากช่วงนี้
แต่ไม่มีใครไปแวะหา Tso Moriri เลย
อ้ะ มาดูรูปกันดีกว่า
เผื่อจะเปลี่ยนใจให้ใครหลายคนอยากลาเพิ่ม
และเก็บเส้นนี้ไว้ในใจ
เชิญยล : )


เปิดด้วยรูปที่เป็นปลื้มสุด ถ่ายได้ระหว่างทาง เช็ครูปทีหลังก็อึ้งไปเลย นี่เราได้ช็อตนี้มาด้วยหรออออ : )


ออกจากที่พักในเลห์ตอนเก้าโมงเช้า ก็เจอวิวแบบนี้
น่าหวั่นมากว่าจะไม่เจอฟ้าใสเลยตลอดทั้งวัน


หิมะคลุมยอดเขาโผล่มาให้เห็นทีไร ใจเต้นแรงทุกที


มืดชวนหวั่นใจ


เด็กน้อยรอขึ้นรถโรงเรียน ที่นี่เข้าเรียนประมาณสิบโมง


monastery ที่เห็นอาจจะเป็น hemis แต่ไม่ได้แวะ


stakna เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ที่ใครไป Pangong หรือ Tso Moriri ก็ต้องผ่าน


Stakna Monastery ในวันฟ้าหม่น
ท้ายกระทู้จะมีมุมนี้อีกครั้งแต่ฟ้าใส


รถโรงเรียนมาแล้ววว


ค่ายทหารระหว่างทาง วิวดีชะมัด


สังเกตดูบนภูเขาจะมีเครื่องหมายตรีเทพปักอยู่


เราก็ไม่คิดว่าจะเจอต้นไม้ แม่น้ำ
และภูเขาแบบนี้ไปอีกตลอดทาง


มีรถแบกโฮริมซ้าย ติดภูเขาและแม่น้ำ เสี่ยงทั้งน้ำท่วมและดินถล่ม


พบหมาขนปุยไม่ดุได้ตลอดเส้นทาง


ไปทางซ้ายมือแต่กลับทางขวามือ งงมะ


เราว่ามุมแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของเลห์เลยหล่ะ


หันกลับมาดูทางที่ผ่านมา เอ็งนอนกลางถนนเลยนะ อาบแดดสินะ


เด็กน้อยงอแง หน้าร้านที่เราแวะซื้อเสบียงตุน


ฮ้า ฟ้าใสมาแล้ววว


เห็นแบบนี้แล้วชื่นใจ


ก่อนที่จะเหลือวิวแค่ฝั่งเดียว


ทำได้แค่ร้องว้าววว


สะพานเขียวทำเราตื่นเต้นตั้งแต่ระยะไกลได้ทุกที


มาเที่ยวเลห์แล้วอยากเรียนธรณีวิทยาขึ้นมาเลย


เลี้ยวมุมเขามาเจอกลุ่มคน ดูแล้วน่าจะมาทำงาน


บนสะพานเขียว 1 ใน 1,000 สะพานของที่นี่


เหมือนโมเดลรถในเรื่อง cars


อากาศหนาวก็จริง แต่ควรปิดกระจกบางเวลา


คิดว่าเป็นเมืองกาสิก


จุดแวะพักข้างทางของเรา เนื่องจากปวดมากแล้ว


จริงๆ เราควรเข้าห้องน้ำนี้ แต่เนอะ ประตูไม่มี
กลิ่นไม่ต้องพูดถึง พี่ขอเลือกใต้ต้นไม้ : (


รถติดเป็นแถวยาว อ๋อ หินถล่มลงมา รอเขาระเบิดหิน และกวาดโกยหิน


ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศบ้าง
จากในอินเดียเองบ้าง


ภูเขาสีม่วงที่เราชอบมากกก


มีค่ายทหารตั้งอยู่


อดตะลึงในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไม่ได้เลย


เจ้าหญิงทรรศิกาอาจจจะอยู่ที่นี่


มองข้างหน้าอย่างเดียวไม่ได้ เพราะแค่เหลียวหลังจะเจอมุมนี้


ถ้าที่ไทยคงมีขายส้มตำกันบ้าง


แค่จังหวะลดเลี้ยว


สะพาน สะพาน และสะพาน


ค่ายทหารได้วิวดีอีกแว้ว


หมู่บ้าน Hot Spring เรามาพักกินข้าวที่นี่ มีสองสามร้านที่ทำกระจกใสด้านข้างมองเห็นน้ำพุร้อนได้เลย


เป็นโรงแรมที่ด้านในมีน้ำแร่ให้แช่
แต่เพื่อนเราแค่ขอใช้ห้องน้ำ


เธอได้กลิ่นกำมะถันมั้ย


เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างร้อนทีเดียว


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อไป


รถเลี้ยวมาเจอม้า


มาร์มอธไม่ได้อยู่เส้นนี้นะ อยากเจอต้องไป Pangong


ข้างล่างนั่นจะเป็นทะเลสาบหรือยัง
นั่งรถมาครึ่งค่อนวันแล้วนะ


ลงมาเจอสวรรค์บนดินอีกแล้วว


ปลูกยังไงก็คงไม่ได้แบบนี้


หญ้าสีชมพู : )


ช็อตต่อเนื่อง มันกว้างมากและรถก็ไม่หยุดจอด


กว้างจนนึกว่าเป็นสวนสาธารณะ


ระยิบระยับ



ฝูงม้าในธรรมชาติเรียกชัตเตอร์จากเราได้ตลอดสินะ



หลังจากข้ามสะพานหนึ่งอ้อมมาทางด้านหลังภูเขาลูกหนึ่งเราก็เจอวิวนี้ด้านขวามือ


หินสีม่วงละไมแบบนี้ กรี๊ดมั้ย ไม่ต้องทาย : )


อยากจะขอลงไปเดินเล่น
แต่ก็กลัวไปถึง Tso Moriri มืด


ต้นไม้สีแดงที่เคยเห็นไกลๆ มาอยู่ใกล้สายตาแล้ว




ฝูงแพชมีนาร์ ขนคอเอาไปทำผ้าแคชเมียร์

เจอกันครั้งแรกตื่นเต้นสุด
แต่ว่ารอบที่สี่ห้าก็ยังตื่นเต้นอยู่


เหมือนไปสวนสัตว์เปิด จริงๆมันมีเจ้าของแหละ
แต่เขามาจูงกลับตอนไหนเราก็ไม่รู้


สะพานมี ไม่ข้าม


ยังไม่จบนะ นี่ยังไม่เจอทะเลสาบเลย ><

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่