ทู้พลีชีพ เมื่อฉันเป็นโรคปากเบี้ยว หรือ Bell’s palsy

หลายคนคงรู้จักโรคนี้มาบ้างจากที่ดาราดังๆเป็น เช่น พลอย เฌอมาลย์ โอ อนุชิต เป็นต้น ตอนแรกที่เราดูข่าว เราคิดว่าโรคอะไร แปลกๆ เป็นแล้วปากเบี้ยว ไม่คิดว่า วันหนึ่ง ตัวเองจะเป็นโรคนี้ได้
วันที่ 6 มิย 59 ตอนที่รู้ว่าตัวเองผิดปกติ คือตอนเลิกงาน ก่อนกลับ ทาลิปติกแล้วเม้มปากไม่ได้ ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไร จนไปกินข้าวกับแฟน ตอนเคี้ยวข้าว มันรู้สึกเราเคี้ยวแบบแปลก เลยเล่าให้แฟนฟัง แฟนให้ยิ้ม ปรากฏว่ายิ้มแล้วปากเบี้ยวไปข้างนุง พอรู้แบบนั้น กินข้าวไม่ลงกันละ หาข้อมูลในเนต เลย ในเนต ก็ขึ้นมาเลยว่า โรคหลอดเลือดในสมอง หรือที่เค้าเรียกว่า สโตร๊ก (stroke) แฟนเลยรีบพาไปโรงพยาบาล วันนั้นเลย ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยิ้มให้พยาบาลดู เท่านั้นแหละ เค้าส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เราตกใจมาก วัดความดัน ขึ้นไป 200 แอดมิท เข้าห้องไอซียูเลยค่ะ ตอนนั้นกลัวมาก กลัวจะเป็นโรคหลอดเลือด ปกติเราอ้วนด้วย คนรอบข้างบอกให้เราลดน้ำหนัก แต่เราก้อไม่เชื่อ ชิวกับการกิน ขี้เกียจออกกำลังกาย
ตอนยุในไอซียู ภาวนาเลย ว่าถ้าหาย จะดูแลตัวเองดีๆ จะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายตัวเอง
โรงพยาบาลส่งตัวทุกอย่าง ตรวจเลือด ตรวจฉี่ เข้าอุโมงค์ ทั้ง CT Scan และ MRI พออีกวันหมอเฉพาะทางด้านระบบประสาท ท่านบอกว่าเราไม่ได้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง เป็นปลายประสาทคู่ที่ 7 อักเสบ โรคที่ดาราเป็นกัน ให้กลับบ้านได้ เราก็ โล่ง แต่ว่าปากเราเบี้ยวไปข้าง ซึ่งเราเป็นข้างขวา แบบ ขยับไม่ได้ทั้งซีกเลย หมอให้ยามากินและนัดทำกายภาพบำบัด

สัปดาห์แรกที่เป็น

สัปดาห์ที่ 3
ตอนแรกที่เราเป็นเรากังวลมาก กลัวไม่หาย กลัวทุกอย่าง ไม่อยากออกไปเจอใคร กลัวคนอื่นรังเกียจ
แต่เราได้กำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆ ละคนรอบข้าง
ตอนนี้เราหายแล้ว หมอบอก ซึ่งหมอบอกว่าเราหายเร็วมาก เราเลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่เป็นโรคนี้หรือมีคนใกล้ตัวเป็น ว่าไม่ต้องเครียด มันจะค่อยๆหายเอง ตอนเราเป็น สิ่งที่ทำคือ
1.    ปฎิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด กินยา และทำกายภาพบำบัด เป็นกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า และออกกำลังกายหน้าข้างที่เป็น 5 วัน
2.    กินอาหารที่มีประโยชน์ เรากิน ผัก ผลไม้ ไข่ ส่วนเนื้อสัตว์กินเฉพาะเนื้อปลาเท่านั้น พวก ปลาแซลมอน ไม่หนัง ปลากะพง ปลาทับทิม และเป็นอาหารที่ไม่ใช้น้ำมันเลย ปรุงรถด้วยเกลือ เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่กินแบบจืดๆ
3.    ออกกำลังกาย เราเลือกออกแบบง่ายๆคือวิ่ง วันละ 45 นาที แต่วิ่งต่อเนื่อง อย่างน้อย 15 นาที
4.    ออกกำลังกายหน้า ตามที่นักกายภาพแนะนำ มี 8 ท่า โดยแต่ละท่าใช้มือช่วยในการบริหาร ทำทีละ8ท่า ท่าละ 30 ครั้ง นับเป็น1เซต ทำ3 เซต เช้า-เย็น
ท่าที่1 ย่นหน้าผาก ใช้มือช่วยตีให้หน้าผากขึ้น 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่2 ขมวดคิ้ว ใช้มือช่วยดันคิ้วให้ขมวดขึ้น 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่3 หลับตาปี๋ ใช้นิ้วช่วยทำ 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่4 ย่นจมูก ใช้นิ้วช่วย ดังรูป 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่5 ทำจมูกบาน ใช้มือช่วยตีขึ้นทำ 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่6 ยิ้มเห็นฟัน หรือยิ้มกว้างงงง ใช้มือช่วยตี หรือ ตบ แก้ม ทำ 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่7 ยิ้มมุมปาก หรือยิ้มไม่เห็นฟัน ใช้มือช่วยตี หรือ ตบ แก้ม ทำ 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ท่าที่8 ทำปากจู๋ ใช้มือดันปากขึ้น ทำ 10 ครั้ง นับ 1 ทำ 3 ครั้ง

ทำครบ 8 ท่านับเป็น 1 เซต ทำ3เซต วันละ2 ครั้ง เช้ากับเย็น
5.    นวดหน้า หรือตบหน้าเพื่อผ่อนคลายหน้า ทำเหมือนเวลาเราทาครีมแล้วตบๆๆให้ครีมมันซึมเข้าหน้าอะคะ หลังออกกำลังหน้า
6.    ประคบหน้าด้วยน้ำร้อน หรืออุ่นจัด คือ ต้มน้ำร้อน เอาร้อนเท่าที่เราทนได้ ใส่กะละมัง แช่ผ้าขนหนู 2 ผืน แล้วบิดหมาด นำมาประคบหน้าซีกที่เป็น จนรู้สึกผ้าขนหนูหายร้อน เปลี่ยนผืน เป็นเวลา 15-20 นาที ควรทำหลังออกกำลังหน้าเสร็จ
7. เวลาอาบน้ำ น้ำจะเข้าตา ให้ใช้มือปิดไว้ หรือใส่แว่นตากันน้ำก้อได้ ส่วนตอนนอน หมอให้ยาป้ายตา ป้ายก่อนนอน ป้ายเสร็จหาผ้าสะอาด มาปิดตาไว้ด้วยค่ะ ตื่นมาตาจะได้ไม่แห้ง เราเป็นทำงานหน้าจอคอมตลอดเวลา ตอนที่ยังไม่หายดี ตาจะแห้งมาก ให้พยายามเอานิ้วเขี่ยเปลือกตาลง คล้ายเรากระพิบตาค่ะ บ่อยๆ ถ้าแห้งมากๆ อาจใช้น้ำตาเทียมช่วยก็ได้

สัปดาห์ที่ 6
ตอนนี้น้ำหนักเราลงไป 6 กิโล เวลา 45 วัน ตอนนี้เราหายแล้ว แต่เรายังมีความดันสูงอยู่ คุณหมอบอกว่า ความดันเราอาจหายหรือไม่หายก็ได้ ขึ้นอยู่หลายปัจจัย แต่ให้เราลดน้ำหนักให้เท่าเกณฑ์ให้ได้ ซึ่งเหลืออีก 11 กิโล ที่เราจะต้องลดให้ได้
ต้องพยายามค่ะ ไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก ใครที่ขี้เกียจออกกำลังกาย บอกเลยว่าให้หาเวลา ออกกำลังและการกินอาหารทีดี จะทำให้ร่างกายเราแข็งแรง ปราศจากโรค การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค้า

อันนี้หน้าปัจจุบัน หมอบอกว่าหายแล้ว ค้าาา
ขอให้ทุกคนแข็งแรง หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่